ปีนี้ทั้งปีก็ยังไม่มีละครให้เห็นเลย?
“จริง ๆ ไม่นานเท่าไหร่นะคะ ถ้านับจริง ๆ ครึ่งปีเอง เพราะเรายังมีละครเรื่อง “รักประกาศิต” ไง ฉายไปช่วงก่อนแต่งงาน แต่เวลาไปเจอแฟน ๆ เขาก็คอยถามไถ่เราตลอด ตอนนี้คำถามเวลาใครเจอหน้าแอฟมีอยู่ไม่กี่คำถามคือจะมีน้องหรือยัง จะมีละครหรือยัง เราก็ยิ้มแล้วก็บอกไปว่ายังเลยค่ะ ลูกก็ปีหน้า ละครก็ปีหน้าเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่เราก็ดีใจมากนะที่เขาถามถึงเรา ดีกว่าเขาบอกเราว่าไม่อยากดูแล้ว ต้องขอบคุณมาก ไปไหนมาไหนใคร ๆ ก็คอยถาม ทำให้แอฟรู้ว่ายังมีแฟน ๆ รอคอยชมละครที่แอฟเล่นอยู่ต้องขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ”
10 ปี ในวงการบันเทิงจากวันแรกถึงวันนี้เป็นยังไงเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน?
“เป็นชีวิตของแอฟเลยค่ะ เราเรียนจบมาสายนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้ทำงานสายนิเทศฯ เพราะเราเล่นละครตั้งแต่เรียนจบ เล่นเรื่อยมาทั้งหนังและละครก็เรียกได้ว่าเป็นอาชีพและเป็นชีวิตหนึ่งของเรา”
บทบาทไหนที่เรายังไม่เคยเล่นแล้วเป็นไปได้ในปีหน้าอยากลองซักหน่อย?
“มันแล้วแต่หลาย ๆ อย่างเนอะ แล้วแต่ผู้ใหญ่จะมองแล้วให้โอกาสเรา ส่วนแอฟเองต้องดูระยะเวลาการถ่ายทำด้วย ส่วนอยากเล่นบทไหนจริง ๆ มีหลายบทมากที่เรายังไม่เคยได้ลอง แอฟเล่นละครมา 10 ปีแล้วนะยังมีหลายบท พูดเป็นบทก็ลำบากเนอะ เอาเป็นว่าแล้วแต่เรื่องดีกว่าค่ะ เพราะยังมีหลายบทบาทที่อยากลองเล่นดูเหมือนกัน แต่ก็ดูเยอะขึ้น เพราะงานละครเราต้องอยู่กับเขา 8-9 เดือนเหมือนคนท้องเลย แล้วแอฟชอบเจอ 9 เดือนทั้งนั้นเลยไม่เคยเจอ 8 เดือนเลย”
ไม่ได้คิดจะเฟดตัวไปช่วยงานสงกรานต์แล้วไม่รับงานละครอีกแล้วใช่มั้ย?
“ยังอยู่ค่ะ ๆ อย่าเพิ่งให้ไปไหนเลยนะคะ (หัวเราะ) แต่จะอยู่ในรูปแบบไหน หรือเล่นละครอะไรจะมีหลักในการพิจารณามากกว่าเดิม เพราะเมื่อก่อนแอฟคิดว่าขอแค่ให้เป็นเรื่องที่เราอยากเล่นเท่านั้น นานแค่ไหน ไกลแค่ไหนไม่เคยมีข้อจำกัดใด ๆ คิวเราเทให้หมดเต็มร้อย แต่ตอนนี้เรามีครอบครัวแล้วก็เป็นปัจจัยในการพิจารณาเลือกรับงานนะ ถ้าเกิดต้องไปต่างจังหวัดนาน ๆ 2-3 อาทิตย์ไม่ได้กลับบ้านเลยก็คงลำบากหน่อย ต้องขอดูนิดนึง
เนอะ”
แต่งงานไปแล้ว 1 ปีที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?
“จะว่าเปลี่ยนก็เปลี่ยน หรือบางทีแอฟก็คิดว่าไม่ได้เปลี่ยนอะไรนะ แต่ไม่เปลี่ยนเลยก็คงไม่ใช่ เราก็มีความผูกพันกันมากขึ้น คู่ของเรายังคงมีเรื่องต้องปรับตัวกันต่อไป แล้วยังมีเรื่องใหม่ ๆ ที่ตอนเป็นแฟนกันเรายังไม่พบเจอ (หัวเราะ) แต่ความเสมอต้นเสมอปลายในการดูแลกันยังเหมือนเดิม บางอย่างก็มีมากขึ้น บางอย่างก็ลดน้อยลงแล้วแต่เรื่องราวที่ได้เจอกัน เราเองก็เป็นคนมีความสุขมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งคิดย้อนไปมาจนถึงแต่งงานนี่ขนาดยังไม่มีลูกนะ เราออกมามีครอบครัวชีวิตคู่ของตัวเอง บางครั้งแอฟว่าลูกผู้หญิงทุกคนต้องเป็นนะกับการแอบรู้สึกคิดถึงครอบครัว พอออกมาใช้ชีวิตเองคุณพ่อคุณแม่ก็จะเว้นช่องว่าง ต่อไปนี้ไม่ใช่ลูกที่จะคอยตามดูแลทุกฝีก้าวแล้ว ก็เว้นช่องว่างให้เราใช้ชีวิตตัดสินใจอะไรเอาเอง คอยดูอยู่ห่าง ๆ แล้วพอเราออกมาอยู่ห่าง ๆ ก็รู้สึกเองว่าเราโชคดีที่โตมาโดยที่เราไม่เคยเจอปัญหาหนักใจถึงขั้นต้องใช้คำว่าเป็นทุกข์ คุณพ่อคุณแม่ดูแลได้อย่างดี หนึ่งคิดได้เลยว่าเราโชคดีจัง สองคือถ้าเรามีลูกจะเลี้ยงยังไงให้มีความสุขแล้วไม่ต้องเจออะไรที่ไม่ดีแบบนี้ได้เหรอ ก็ยังไม่มั่นใจตัวเอง (หัวเราะ)”
ได้คุยกับสงกรานต์ถึงเรื่องนี้มั้ย ถ้าต่อไปมีลูกจะเป็นยังไง ดูแลกันยังไง?
“กรานต์เป็นผู้ชายเลยไม่คิดมาระแวงแบบผู้หญิง ผู้หญิงเราคิดหน้าคิดหลัง ย้อนไปย้อนมาแต่ผู้ชายเขาไม่คิด เขาจะบอกว่าคนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ ผู้ชายเขาลุย เขามั่นใจ แต่ในสังคมทุกวันนี้ก็เนอะผู้หญิงอย่างเราคิด กังวล โลกปัจจุบันมีด้านที่เราเห็นว่าอันตราย อีกหน่อยมีลูกก็ต้องห่วง ลูกผู้ชายก็ห่วงอย่างหนึ่ง ลูกผู้หญิงก็ห่วงอีกอย่าง แบบนี้แหละที่กรานต์ชอบบอกว่าคนอื่นเขาทำได้ลูกเราก็ต้องทำได้ซิ เราก็โอเค ๆ”
https://www.facebook.com/teeneedotcom