วิลลี่-เยลหลี ชีวิตนี้เพื่อลูกวิน

หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย วิลลี่-เยลหลี ชีวิตนี้เพื่อลูกวิน

ข่าวดาราล่าสุด star.teenee.com
บันเทิงดารา entertain.teenee.com

แป๊บๆ เดือน แป๊บๆ ปี เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก เรียกว่ายังลุ้นอยู่ว่าลูกจะมาไม่มา สำหรับนักแสดงหนุ่ม "วิลลี่ แมคอินทอช" กับภรรยาสาว "เยลหลี-เจอราดีน" จนตอนนี้ลูกชาย "น้องวิน-ด.ช.ธาดาฤทธิ์" เพิ่งฉลองเบิร์ธเดย์ครบขวบไปเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา

วันนี้เลยลัดเลาะไปชมความน่ารักของครอบครัว "แมคอินทอช" โดยมี "เสนาหอย" เกียรติศักดิ์ อุดมนาค เพื่อนรุ่นน้องสุดซี้ที่แหยมหน้ามาหยอกล้อกับน้องวินลูกชายและพูดคุยงานหนัง "สาระแน โอเซกไก" กับวิลลี่ผู้เป็นพ่อถึงบ้าน

หลังเล่นกับลูกและคุยงานกับ "เสนาหอย" แล้ว วิลลี่ก็เล่าถึงลูกน้อยอย่างอารมณ์ดีว่า "วินาทีที่เห็นหน้าลูกครั้งแรกในวันคลอดตกใจครับ" วิลลี่หัวเราะ "ผมกับเยลหลีเราไม่คิดว่าเราเป็นลูกครึ่ง ใช้ชีวิตเป็นคนไทยมาตลอด เราลืมไป พอลูกออกมาผมทองก็งง ลูกใคร ทั้งๆ ที่เราอยู่ในห้องคลอดกับเยลหลีตลอด แล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเราเป็นลูกครึ่งทั้งคู่ต้องมีเชื้อฝรั่งอยู่แล้ว" ถามว่าเป็นคุณพ่อเจ้าทฤษฎีไหม วิลลี่กล่าว "เยลหลีมากกว่า ที่เจ้าทฤษฎี ลูกผมครบ 13 เดือน คือ 1 ปี 1 เดือน เมื่อส.ค.ที่ผ่านมา เพิ่งได้นอนกับเรา ที่ผ่านมาเขามีห้องนอนตัวเอง แต่มีกล้องคอย ส่องดู คุณหมอบอกหลัง 3-4 เดือนไปแล้วจะมีโกสฮอร์โมนหลั่งออกมา ถ้าเขานอนได้ยาว ตัวจะใหญ่ยาว เป็นกฎเกณฑ์ที่เยลหลีตั้งไว้และเราก็ทำ ตามอย่างเคร่งครัด" ไม่มีไม่เห็นด้วยเลยเหรอ "มีเยอะครับที่ไม่เห็นด้วย เพราะผมอยากเลี้ยงลูกเป็นธรรมชาติ ผมเห็นน้องแม็ค ลูกน้องแหม่ม (คัทลียา) 3-4 เดือน แหม่มก็หยอดไอศกรีมให้กินแล้ว เราจะเห็นรีแอ๊กชั่นของเด็ก แต่ลูกผมเพิ่งได้กินไอศกรีมตอนเกือบขวบ เพราะเมนูของเขาถูกเซ็ตมาโดยห้ามมีอะไรแทรก สิ่งที่เขาทำมันดี ผมก็พยายามเป็นเพื่อนเล่นลูกให้สนุกที่สุด ส่วนกฎกติกาให้แม่เขาทำ ซึ่งเยลหลีจะเป็นแม่ที่เข้มงวดมาก มีตารางวางไว้ จนผมรู้สึกว่ามันเข้มงวดเกินไปหรือเปล่า เยลหลีก็ถามว่าแล้วลูกออกมา ดีไหม เราก็บอกดีมาก ไม่ว่ากัน เต็มที่เลย เราเป็นพ่อไม่เข้มงวด เพราะอยากให้เป็นธรรมชาติ ส่วนแม่เขาก็จะมีเหตุผลของเขา แต่ถ้าเรามีเหตุผลของเราแล้วมันสำคัญก็ค่อยพูด เพราะไม่อยากให้ที่บ้านทะเลาะกัน"

แล้วมีทะเลาะกันเวลาเลี้ยงลูกไหม "มีเหมือนกับทุกๆ บ้าน บางอันเราก็ยอม แต่ด้วยความที่ลูกมีความสำคัญกับเรา บางอันก็จะไม่ยอม" วิลลี่รับว่าเขาเป็นคนติดลูกมาก แต่เยลหลีติดลูกมากยิ่งกว่า "เยลหลีไม่เคยไปไหนเลยตั้งแต่มีลูก ขนาดเอาลูกนอนตอน 2 ทุ่ม พอ 3 ทุ่มบ่นคิดถึงลูกแล้ว เราก็รู้ว่านั่นมันเยอะไปนิด แต่เราเข้าใจเพราะกลิ่นลูกจางไปเร็วไง ถามว่ามีหวงลูกไหม เยลหลีจะเป็นเพราะเขาวางกฎเกณฑ์ไว้เยอะ" ตั้งแต่มีลูกทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น "ง่ายๆ ความห่ามหายไป อาจเพราะมีลูกยากด้วยกลายเป็นว่าต้องระวังตัว คนนี้กว่าจะได้มาเหนื่อยขนาดนี้ ฉะนั้นอย่าเพิ่งรีบจากเขาไป" มองไปที่น้องวิน เลยแย้มถามว่าอะไรในตัวลูกชายที่คิดว่าเหมือนตัวเอง วิลลี่กล่าวว่า "หุ่นเหมือน ซี่โครงยื่นเหมือนผม ก้นแบบอังกฤษเหมือนผม โมโหหิว ตะกละเหมือนพ่อ(หัวเราะ)" สำหรับการวางอนาคตลูก คุณพ่อวิลลี่แง้ม "ตามความฝันผมอยากให้เขาเป็นนักกีฬาอาชีพ ส่วนงานในวงการก็แล้วแต่เขา ตอนนี้ชีวิตผมสมบูรณ์ลงตัว มีความสุขทุกวัน ตื่นมาได้ดมกลิ่นลูกก็โอเคแล้ว หายเหนื่อย ชีวิตนี้สู้ตายไม่กลัวอะไรทั้งนั้น อนาคตจะเป็นยังไงไม่รู้ แต่ตอนนี้ดีที่สุด" ชินหรือยังกับคำว่า "พ่อ-แม่" "ยังไม่ชิน แต่ไม่เขินที่ถูกเรียกพ่อแม่ มีแต่ความภูมิใจ สิ่งเดียวที่กังวลคือไม่อยากให้เขาเหงาเพราะเป็นลูกคนเดียว กลัวเป็นลูกแหง่ พอพวกเราเป็นอะไรไปเขาไปไม่เป็น เลยทำให้เราต้องดูแลร่างกายกันพอสมควร"

อยากจะบอกอะไรกับ "เยลหลี" ในฐานะแม่ของลูก วิลลี่กล่าวว่า "เขาเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก มีความอดทนและทำหน้าที่แม่ได้ดีมาก เรารู้เลยว่าลูกจะปลอดภัยถ้าอยู่กับผู้หญิงคนนี้ เรียกได้ว่าถ้าเกิดเรา 3 คนจะตกบ่อจระเข้ ผมรู้เลยว่าเยลหลีถีบผมลงก่อน เอาลูกไว้ ถือว่าโอเคอนุโลมได้ (หัวเราะ)" แล้ว "น้องวิน" ล่ะ อยากบอกอะไรเขา "อยากบอกว่าวินโชคดีมากที่ได้พ่อตลกและแม่สวย อนาคตสบาย น่าจะได้ใช้ชีวิตที่มีคุณภาพสูง เพราะเราเอาใจใส่ดูแลลูกจริงๆ อยากให้ลูกใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ อยากทำอะไรก็แล้วแต่ให้ลองนึกดูดีๆ ว่าบนโลกนี้มันใหญ่มาก มีอะไรน่าค้นหาอีกเยอะ โอกาสเป็นของวินอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่นเลย ใช้ชีวิตให้คุ้มกับคุณภาพที่ดี"

เหมือนที่พ่อและแม่ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้อย่างมีคุณภาพเพื่อลูก

ครอบครัวแมคอินทอช

มีลูกอย่ารอเวลา-เหนื่อยแต่มีความสุข

ตอนนี้ลูกชาย "น้องวิน" หรือ ด.ช.ธาดาฤทธิ์ แมคอินทอช มีอายุได้ 1 ขวบ กับ 1 เดือนแล้ว แต่กว่าจะได้ลูกคนนี้มา นักแสดงหนุ่ม "วิลลี่ แมคอินทอช" ย้อนความเล่าให้ฟังว่า "ได้น้องวินมาด้วยการทำกิฟต์ ทำมา 23 ครั้ง เราไม่รู้หรอกว่ากว่าจะได้มายากขนาดนี้ ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้แล้ว ไม่มีลูกแน่ เพราะลองทุกวิถีทาง มาครั้งสุดท้ายทำควบคือทำกิฟต์และกินยาจีนด้วย" ระหว่างการทำกิฟต์ วิลลี่และภรรยาถอดใจกันอยู่ตลอด แต่ทั้งคู่บอกกับตัวเองว่าต้องเข้มแข็ง "เยลหลีจะร้องไห้ทุกครั้งที่เวลาไปตรวจแล้วไม่ติด หลังจากครั้งแรกที่เราทำและแท้งไปเราก็ไม่ยอมแพ้ พยายามลองทำทุกอย่าง จนครั้งสุดท้ายคือทั้งยาจีนและยาแผนปัจจุบัน เรากินยาจีนกันทั้งคู่ และเราใส่ไข่เข้าไปใบเดียว ไม่อยากใส่เยอะกลัวได้แฝด กลัวเป็นอุปสรรคในการตั้งท้อง ไม่ได้เลือกเพศ ไม่ได้ตรวจโครโมโซมเลย ก็ติด" หลังได้น้องวินมาแล้ว วางแผนจะมีลูกคนที่สองเลยไหม วิลลี่เผยว่า "ทุกคนก็ถามว่าจะมีคนที่สองหรือเปล่า เราก็บอกว่าคงไม่มีเพราะเราผ่าออก ครั้งต่อไปเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะมี ถามว่าครั้งต่อไปมีความเสี่ยงเยอะไหม มีความเสี่ยงเยอะกว่าครั้งนี้อีกเพราะเป็นการผ่าครั้งสุดท้าย แล้วเราก็คุยกันว่าถ้าเกิดเราต้องเสียลูกไปอีกคนหนึ่ง หลังจากเสียไปแล้วคนหนึ่ง เราจะรับได้ไหม เราก็คิดว่ารับไม่ได้" แอบเสียดายไหมที่มีลูกอีกคนไม่ได้ คุณพ่อวิลลี่ตอบ "ณ จุดนี้เสียดาย แต่ก็ดีใจที่ได้มาคนหนึ่ง พอใจแล้ว แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะรีบมีลูกเลย ไม่รอเวลาอีกถ้ารู้ว่ามียากขนาดนี้ หลายๆ คนในสังคมทิ้งเวลาเยอะ ยังไม่พร้อมบ้าง ยังไม่มั่นคงพอ เมื่อก่อนก็มีความคิดแบบนี้ ผมบอกเลยว่าไม่มีใครมั่นคงพอที่จะมีลูก แล้วคนก็จะคิดว่าหมอเดี๋ยวนี้เก่ง อายุ 30 กว่าค่อยมีลูกก็ได้ แต่ความเสี่ยงจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ บังเอิญเรากังวลใจ ไปตั้งกฎตั้งข้อแม้ในสังคมเพราะเราเป็นคนของสาธารณะ"

"ยุคสมัยผมใช่ว่าจะแต่งงานแล้วจะถูกยอมรับในสังคมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ก่อนหน้าผมยิ่งลำบากกว่านี้อีก ต้องแอบมีเมีย มีลูก แล้วต้องปิดข่าว ยุคนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว คือใครแต่งงานก็ได้โฆษณาและยังทำงานได้อยู่ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องดีของสังคมที่เปลี่ยนไป โลกมันเปิดกว้าง"

"บางคนบอกยังอยากเที่ยว อยากใช้ชีวิตกันสองคน แล้วเอาเด็กมาเป็นข้อแม้ว่าถ้ามีลูกแล้วคงไปไม่ได้ ไม่จริงหรอกครับ เราจะสนุกกว่าเดิมอีก และเราจะไม่รู้สึกเสียดายที่เราไม่ได้ไป มันเป็นหนังอีกม้วนที่ดีมาก ใครๆ ก็บอกว่ามีลูกแล้วเหนื่อย เหนื่อยจริง แต่มีความสุขอย่างที่ทุกคนพูดเลยครับ"

ดูจากสีหน้าก็รู้ว่ามีความสุขขนาดไหน