มหากาพย์ภาคต่อ! เป๊ก รับSMSพิ้งกี้ เรื่องจริง

เป๊กกล่าวก่อนว่า

 “ผมไม่อยากให้มองว่าเรื่องเอสเอ็มเอสเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องเอสเอ็มเอสเป็นเรื่องจริง เป็นเบอร์ที่น้องเคยใช้ ผมรู้ว่าเอสเอ็มเอสที่ส่งมาเป็นแค่การทักทาย แต่คำที่อยู่ในประโยคนั้นๆ สามารถทำให้คนคิดไปได้หลายรูปแบบ ต่างคนต่างความคิด ต่างสถานะการณ์มันทำให้คำคำนี้แปลไปได้หลายความหมาย อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่การส่งเอสเอ็มเอสของคนที่รู้จักกันหรือคนที่เคยรู้จักทำกันได้

ตัวผมเองเวลาไปเห็นน้องตามสื่อนึกถึงก็ส่งเอสเอ็มเอสไปตามปกติผมก็บอกธัญญ่าแต่ผมเข้าใจในเรื่องของธัญญ่าที่เขาได้รับเอสเอ็มเอสนั้น ในฐานะภรรยาต้องโกรธเป็นธรรมดา ถึงไม่ใช่เบอร์น้อง แต่ถ้าได้เอสเอ็มเอสนั้นต้องโกรธ แต่อยากจะบอกธัญญ่าและทุกคนว่าผมและน้องไม่ได้มีอะไรเลย ไม่เคยเจอกัน ไม่เคยคุยกัน มีเพียงเมสเสจทักทายกันนานๆ ที อันนี้พูดด้วยความสัตย์จริง ผมเป็นลูกผู้ชาย

ที่ผ่านมาโดยเฉพาะธัญญ่าและคนใกล้ตัวผมทุกคนคงเห็นว่าตัวผมพยายามมากแค่ไหนที่จะทำให้ครอบครัวกลับมาเหมือนเดิมให้ภรรยาธัญญ่าที่ผมรักมากและลูกสาวกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องกลับไปทำเหมือนเดิมเริ่มนับศูนย์ใหม่ ในส่วนตัวของน้องเอง เชื่อได้เลย เขาเองผ่านอะไรร้ายๆ มาเยอะ กว่าที่เขาจะกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม ทำงานได้ตามปกติ เลี้ยงดูครอบครัว มันเป็นเรื่องที่ยากลำบาก คงไม่มีความคิดที่จะต้องมาเริ่มจากศูนย์อีก ผมขอยืนยันให้ทุกคนได้ทราบและธัญญ่าได้สบายใจว่าเรื่องทุกเรื่องที่ได้ยินมาไม่ได้เป็นเรื่องจริง เป็นแค่ทักทายกันตามปกติ”

เป๊กยังกล้าวต่ออีกด้วยว่า “ส่วนเรื่องคลิปที่หลุดออกไป ผมไม่ทราบว่าหลุดออกไปได้อย่างไร มีแค่ธัญญ่าส่งให้เพื่อนสนิท ส่งให้ครอบครัวที่ต่างประเทศ มีผมส่งให้เพื่อนสนิทและครอบครัวผม ส่งให้พนักงานผมทุกคน แค่นั้นผมไม่รู้ว่าหลุดได้อย่างไร เรื่องของคลิปต้นเหตุคือธัญญ่าโทร.ไปหาคุณแม่ของน้อง ซึ่งมีอยู่วันนึงคุณแม่น้องบอกว่ามีอะไรให้โทร.ปรึกษาได้มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นของคลิปนี้

ผู้สื่อข่าวถาม ‘ธัญญ่า’ ว่ามีอะไรจะพูดบ้าง ดาราสาวเผยว่า
 “เรื่องทั้งหมดพี่เป๊กพูดไปหมดแล้ว อยากจะฝากถึงน้องคนนั้นว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นมา 2 ปีกว่าจะ 3 ปี เราทุกข์ทรมานกันหมดทุกฝ่าย ขณะนี้เรากำลังให้โอกาสพี่เป๊กขอโอกาส ก่อนหน้านี้เราตัดสินใจว่าจะหย่าแน่นอน ในเมื่อพี่เป๊กพร้อมจะกลับมาเป็นครอบครัวขึ้นอีกครั้งแล้วลูกเราก็โตขึ้นทุกวัน เลยคิดว่าเราควรจะให้โอกาสเขาอีกครั้งเพื่อครอบครัวและเพื่อลูกของเรา

อยากจะฝากขอร้องน้องนิดนึงในเรื่องการส่งข้อความถึงสามีเรามันยากที่จะเข้าใจในเมื่อพี่เป๊กยืนยันว่าไม่มีอะไร เราก็เชื่อแบบนั้น กับกรณีที่คุยกันลักษณะที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไรกับตัวคุณแม่ เราแค่อยากโทร.ไปบอกว่าน้องมีการติดต่อมา แม่เคยบอกว่าถ้ายังมีการติดต่อให้บอกคุณแม่ คุณแม่จะจัดการทุกอย่างเอง เราเลยอยากโทร.ไปบอกเขา ไม่งั้นมันค้างคาใจ เราจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร ในเมื่อเราไม่มั่นใจในเรื่องนี้ แล้วเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา มันทุกข์ทรมาน คุณก็ทุกข์ทรมาน ครอบครัวเรา ครอบครัวคุณก็ทุกข์ทรมาน เพราะฉะนั้นในเรื่องการส่งข้อความ หรือโทร.มาจะในอนาคตหรือ 2-3 ปี หรือจะอีก 6 เดือนก็แล้วแต่ ขอให้เรามั่นใจว่าไม่มีอะไรในเชิงชู้สาวกันอีกแล้ว ธัญญ่าจะโอเคค่ะ”

เป๊กหันไปกล่าวกับธัญญ่าว่า “พี่ยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่า เรื่องเหล่านั้นคงไม่มี พี่ยืนยันได้”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าอีกฝ่ายส่งข้อความมาทักทายบ่อยหรือเปล่าเป๊กเผยว่า
“ผมก็ส่งไปบ้างเดือน1 ครั้ง เวลาที่ผมเห็นสื่อที่ทำให้ผมเห็นคนรู้จัก ผมก็เอสเอ็มเอสเป็นปกติ หรือว่าในอนาคต ผมได้เจอน้องเขาผมก็คงต้องทัก ส่งเมจเสจไปตามปกติครับ”

ต่อข้อถามจะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไหม
 เป๊กปฏิเสธว่า ตนไม่เปลี่ยน และไม่ต้องถามเพราะตนได้พูดไปหมดทุกอย่างแล้ว ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลูกสาว ‘น้องลียา’ เราช่วยกันดูแลทั้งคู่ตลอดเวลา ลียาก็ติดคุณแม่มากกว่า”

ธัญญ่าเสริม “แต่ถ้าไม่มีธัญญ่าลูกก็จะติดพี่เป๊กมากเหมือนกันค่ะ”

แสดงว่าเป๊กขอโฟกัสที่ลูกก่อนเป๊กเผยว่า“แน่นอนในอนาคตผมไม่อยากให้ลูกมีปัญหา มีปมด้อย ฉะนั้นขึ้นอยู่ที่ตัวผมด้วย ต้องทำทุกอย่างให้ครอบครัวผมสมบูรณ์”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าอยากกลับมาใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันร้อยเปอร์เซ็นต์อีกหรือเปล่า

เป๊กตอบ“จริงๆมันก็ใช้อยู่แล้วสามีภรรยาเนี่ย ก็แค่แยกบ้านกันนอน”

ธัญญ่าเสริม “ที่ผ่านมาจากตัดสินใจจะหย่าแน่นอน จบแน่นอน แต่พอมีโอกาสได้กลับมาเป็นครอบครัว อาจไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เราก็ยังไปต่างประเทศ ทำกิจกรรมร่วมกัน มีปัญหาเรื่องลียาก็ปรึกษากันตลอด ทุกอย่างเหมือนดีขึ้น เราสบายใจที่พี่เป๊กพยายามให้เห็นจริงๆ แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้ก็ทำให้เราเฟล เหมือนเรายังไม่ไว้ใจ”

เป๊กแทรกทันที “ที่พูดทั้งหมดเพราะอยากให้เข้าใจว่าไม่มีอะไร”

ธัญญ่าตอบว่า “ธัญญ่าเชื่อว่าถ้าเป็นภรรยา เป็นครอบครัว เป็นแม่ของลูก ถ้ามีใครเข้ามาทำให้ชีวิตเรามีปัญหา เคยมีปัญหามาก่อนแล้วเวลาก็ผ่านไปไม่นาน แล้วยังมาเจอข้อความ Miss you na มันยากที่จะเข้าใจ แต่เราก็พยายามจะเข้าใจหลังจากการที่เราได้รับการยืนยันนะคะ แต่ในวินาทีที่ได้เห็นข้อความก็คิดว่าจบแล้ว ไม่เอาแล้ว แต่พอวันเวลาผ่านไป เราก็ใจเย็นลง ได้คุยกัน ก็โอเค จะเข้าใจแบบนั้น”

เป๊กกล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมยืนยันความด้วยความเป็นลูกผู้ชายของผม แต่พูดไปเดี๋ยวก็โดนด่าอีก ก็มันไม่มีอะไรอย่างที่คนอื่นคิดหรอกครับ”

ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน ดาราสาว ‘ธัญญ่า’ธัญญาเรศ เองตระกูล เดินทางมาร่วมงานฉลองครบรอบ 1 ปี เดอะ ไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม9 ถ.พระราม9 ซึ่งเดิมรายชื่อของผู้ร่วมงานเป็นนางเอก ‘พิ้งกี้’สาวิกา ไชยเดช

หลังเสร็จงาน ‘ธัญญ่า’ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามาเสียบแทนนางเอกสาวคู่กรณี ‘พิ้งกี้-สาวิกา’ ซึ่งได้รับการติดต่อก่อนหน้านี้แต่ปฏิเสธการมาร่วมงานว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน เพิ่งได้ยินคนมาถามวันนี้ ส่วนตัวไม่ได้ซีเรียสอะไร มองว่าเป็นการทำงานและยินดีที่จะมาทำ ไม่ได้คิดว่ามาแทนใคร เพราะงานในวงการมีการแทนกันตลอดอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ

ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า หลังจากแถลงข่าวร่วมกับ ‘เป๊ก’สัณชัย เองตระกูล สามี ไปแล้วในช่วงบ่าย รู้สึกโล่งใจขึ้นไหม ดาราสาวกล่าวว่า โล่งใจขึ้นมาก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาคลุมเครือมาหลายวัน ประชาชน นักข่าว หรือใครๆ ก็อยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไง และจะจบอย่างไร พอพี่เป๊กออกมาพูดทุกอย่างก็เคลียร์และจบด้วยดี ในใจของตนไม่มีอะไรติดค้างในความรู้สึกอีก

ต่อข้อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่สามีไม่กล้าสัญญาว่าจะไม่ส่งข้อความไปหาฝ่ายอีก ธัญญ่ากล่าวว่า ไม่เป็นอะไร ตนขอดูไปเรื่อยๆ ก่อนแล้วกัน ถามว่าเชื่อใจพี่เป๊กได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเปล่า จริงๆ ไม่เต็มร้อยมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เมื่อพี่เป๊กขอโอกาส ลูกก็โตขึ้นทุกวัน หวังว่าจะค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้อีกครั้ง กระแสสังคมเริ่มเปลี่ยนไป โดยจะรู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายมากขึ้น ด้านดาราสาวกล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะตนคงห้ามความคิดใครไม่ได้ ส่วนตัวไม่ได้ติดตามกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางอินเตอร์เน็ตเท่าไรเพราะกลัวจะเครียด แต่ก็มีคนมาเล่าให้ฟังบ้าง ซึ่งตนก็รับฟัง

ต่อข้อถามว่า กลัวอีกฝ่ายจะไม่ยอมหยุดส่งเอสเอ็มเอสมาหาอีกไหม ดาราสาวกล่าวว่า ตนไม่อยากกลัวอะไรไปก่อน ค่อยๆ ดูกันไป ตอนนี้อยากให้ทุกอย่างจบ ไม่อยากให้ยืดเยื้อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้จะทำให้การกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิมยากขึ้นไหม ธัญญ่ากล่าวว่า ตอนแรกยอมรับว่าระยะของความสัมพันธ์ลดไปเลย แต่หลังจากวันนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว