เป็นข่าวครึกโครมมาได้สักพักแล้ว หลังจาก "น้าเน็ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา" ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัว ถึงการประกาศยุติบทบาทหน้าที่พิธีกร ในทุกๆ รายการ ภายในปีนี้ ได้แก่ รายการอีเม้าท์, เปรี้ยวปาก, รู้จิงป่ะ, สะบัดช่อ, เกมเผาขน, เทค มี เอาท์ ไทยแลนด์, ไทยแลนด์ ก๊อตทาเล้นท์ และการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน "The Naked Show” เป็นปีสุดท้าย รวมทั้งจะหยุดทวิตข้อความในทวิตเตอร์ ถ้าครบ 5,555 ข้อความ ซึ่งสร้างความตกใจแก่บรรดาแฟนคลับ รวมไปถึงบุคคลในวงการบันเทิงเป็นอย่างมาก
ล่าสุด น้าเน็ก ก็ได้แถลงข่าวเพื่อชี้แจงถึงเรื่องราวดังกล่าว ให้ทราบถึงสาเหตุของการยุติงานพิธีกรดังกล่าว ว่า "ปี 2555 ถือว่า ครบ 10 ปี ที่ผมทำงานในวงการบันเทิง ในฐานะคนเบื้องหน้า ก่อนหน้านั้นประมาณ 10 ปี ผมทำเบื้องหลัง รวมแล้ว 20 ปี งานแรกในวงการบันเทิง หลายคนคงทราบดีว่า ผมเป็นนักข่าวบันเทิงมาก่อน ก่อนที่จะย้ายไปทำงานเบื้องหลัง มันคือการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ผมเป็นนักข่าวบันเทิง และเกิดความสงสัยว่า ทำไมงานวงการบันเทิง ที่เราต้องไปตามข่าว จริงๆ แล้ว กระบวนการทำงานของคนบันเทิง เขาทำกันยังไง นั่นก็เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่ผมเปลี่ยนบทบาทจากสื่อมวลชน ไปครีเอทงานบันเทิง หลังทำมาได้ 10 ปี ผมก็เกิดความสงสัยอีกว่า งานเบื้องหน้าเป็นอย่างไร มันเป็นเหตุบังเอิญ ที่ผมได้เปลี่ยนมาทำงานเบื้องหน้า ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ ผมรับผิดชอบอยู่ 8 รายการ และรายการที่จะยังอยู่คือ รายการ "ไทยแลนด์ก๊อตทาเล้นท์" น่าจะหมดซีซั่น ประมาณเลยกลางปี
น้าเน็กออกพิธีกรทีวีอ้างอยากพักโต้ป่วย
ส่วนรายการ "เทค มี เอาท์ ไทยแลนด์" ก็ราวๆ เดือน ก.ค. รายการอื่นก็หมดวาระช่วง ก.พ. - มี.ค. ต้องขอบคุณผู้จัดทุกคนที่ให้โอกาส ทำให้ผมได้รับผิดชอบงาน ที่ถือว่าเป็นงานที่มีคุณภาพในทุกรายการ ผมคิดว่า วงการบันเทิง ต้องการสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ต้องการความเปลี่ยน ต้องการให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ผลิตงาน ได้ทำอะไรต่างออกไป ผมรู้สึกว่า ผมไม่สามารถทำอย่างนั้นได้หรอก ถ้าผมไม่มีเวลาพัก และคิดทบทวน ผมสารภาพความจริงอย่างหนึ่งว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผมเป็นพิธีกรมากกว่า 50 รายการแล้ว บางปี ผมเคยทำรายการมากสุด ถึง 13 รายการ ผมทำรายการทีวี ซึ่งไม่มีโอกาสได้ดูทีวีเลย รายการตัวเองก็ได้ดูเฉพาะที่ตัดต่อมาออกอากาศ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดปกติ และการตัดสินใจพักงานชั่วคราวของผมครั้งนี้ ผมไม่ได้มีปัญหากับผู้จ้าง หรือผู้จัดรายใดเลย แต่เหตุผลมันงี่เง่ามาก คือ ผมอยากมีเวลาดูทีวีกับเขาบ้าง เพื่อจะได้รู้ว่าแต่ละช่องมีรายการอะไรกันบ้าง ผมว่ามันเป็นเรื่องสำคัญของคนทำงานนะครับ ด้วยวิถีชีวิตแบบนี้ ผมคงไม่สามารถทำงานที่ดีกว่านี้ได้แล้ว ผมอยากพัก กลับบ้านนั่งดูทีวีทั้งวัน ทุกช่อง ที่บ้านผมมีห้องหนังสือที่ผมซื้อเอาไว้ ยังไม่ได้แกะออกจากถุง เกิน 200 เล่ม เพราะผมไม่มีเวลาหยิบมันมาอ่านเลย ผมใช้ชีวิตในการออกมาทำงาน สัปดาห์ละ 8 รายการ ยังไม่นับงานอีเว้นท์และธุรกิจส่วนตัวต่างๆ อีกมากมาย ผมนอนหลังตี 2 และออกจากบ้าน 7 โมงเช้าทุกวัน จริงๆ ไม่เหนื่อย แต่อาจจะเป็นเพราะว่า พ่อฝึกให้ผมทำงานหนักตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งที่อยู่ในหัวสมองมันถูกใช้ไปทุกวัน ไม่ได้มีโอกาสเติมเต็มเลย ผมก็เลยอยากมีโอกาสพักดู งานบันเทิงในวงการของเราอย่างแท้จริง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากทำอะไรที่เป็นสิ่งใหม่ ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสม ผมจะกลับมาทำงานอีกครั้ง บอกให้ชัดตรงนี้ว่า ผมไม่ได้อำลาวงการ ทุกวันนี้เวลาผมไปงาน แค่เดินขึ้นเวลาที คนก็หัวเราะแล้ว ผมไม่ได้ดีใจที่เขาขำ อาจจะเป็นเพราะความคุ้นเคยของเรา ตลกบารมี แต่ผมไม่ได้รู้สึกดีใจเลย เพราะว่าผมแทบไม่ได้ทำสิ่งใหม่เลย หลังๆ ผมรู้ตัวว่า ผมเริ่มทำในสิ่งที่ซ้ำๆ จากเดิม ทั้งๆ ที่ผมพยายามเปลี่ยนแปลงมันตลอด ถ้าใครมีโอกาสได้ดูรายการผม แม้จะเป็นรายการเดิมแต่ในทุกสัปดาห์ ผมจะพยายามคิดวิธีเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มันต่างออกไป จนผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว จริงๆ นอกจากหยุดมัน พักและรีเฟรชตัวเอง
นี่คือเหตุผลที่ผมยุติงานโทรทัศน์ทั้งหมดในปีนี้ ผมไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้แบบปัจจุบันทันด่วน ก่อนหน้านี้ 2 ปี ผมเริ่มมองตัวเอง ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่ว่า ผมทำเบื้องหลังมา 10 ปี และกำลังจะทำเบื้องหน้าครบ 10 ปี สิ่งที่สะสมมาเริ่มร่อยหรอ ก็เลยอยากยุติเพื่อไปสะสมและมาทำใหม่ แต่งานพิธีกรอีเว้นท์ยังรับปกติ ข้อดีของมันคือ มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นทุกวัน เปลี่ยนคนเปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนธีมงาน ทุกครั้งที่ขึ้นทำงานพิธีกรบนเวทีอีเว้นท์ เหมือนทำงานพิธีกรครั้งแรกเสมอเลย จึงทำให้งานแบบนี้ท้าทายอยู่เสมอ ทางผู้ใหญ่ผมมีการเกริ่นอยู่ตลอด แต่ไม่มีใครเชื่อว่าผมจะทำอย่างนั้น อาจจะด้วยตัวเลขรายได้ แต่ผู้จัดผู้จ้างทุกท่าน เมื่อได้ฟังผมพูดอย่างชัดเจนในวันนี้ ผู้จัดทุกท่านจะเข้าใจ เพราะว่าที่ผ่านมา ผมรับใช้ผู้จัดอย่างเต็มกำลัง ในการทำหน้าที่เป็นพิธีกรของผม ผมตรวจสคริป ดูตัดต่อให้ ก่อนถ่ายผมประชุมไอเดียด้วย กินง่าย ตรงเวลา เสื้อผ้าเอามาเอง ช่างแต่งหน้า-ทำผม ก็เอาไปด้วย ดารา-นักแสดง ที่รับเชิญมาในรายการผม ก็รับแขกให้ด้วย ก่อนถ่ายรายการ ผมก็เป็นคนนับ 543 - คัทเองด้วย ช่วยงานพีอาร์ โดยที่ผมรับแค่ค่าตัวอย่างเดียว นั่นหมายความว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมรับใช้ผู้จ้างผู้จัดได้อย่างเต็มที่แล้ว ถามว่าเสียดายหรือไม่ ก็ไม่เสียดาย การที่ผมตัดสินใจออกมาพูดเรื่องนี้ ผมอยากให้จุดประกายความคิดบางอย่างของคนในสังคม คนเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เราไม่ควรจะยึดติดกับอะไรทั้งนั้น ส่วนระยะเวลาในการพักงาน ผมตอบไม่ได้จริงๆ แต่ไม่ทิ้งงานเบื้องหน้าแน่นอน สำหรับกระแสข่าวลือว่า ลาออกจากการเป็นพิธีกร เพื่อมาตั้งบริษัททำเบื้องหลังนั้น คือปัจจุบันนี้ ผมมีบริษัทของตัวเองอยู่แล้ว 2 บริษัท ทำเกี่ยวกับเอเจนซี่ วางแผนเกี่ยวกับการตลาดและโฆษณา โปรดักชั่นเฮ้าส์ และออแกไนเซอร์ แต่ว่ามีงานใหม่ ที่มีโจทย์ท้าทายต่างออกไปจากเดิม เป็นเรื่องเกี่ยวกับทีวีอินเทอร์เน็ต อย่างที่เราทราบกันดีว่า ฟรีทีวี มีข้อจำกัด บางไอเดียที่คิดและจดใส่สมุดไว้ มันใช้กับช่องฟรีทีวี ไม่ได้ ผมก็เลยเลือกทีวีอินเทอร์เน็ต
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ฟรีทีวี มีข้อจำกัด บางไอเดียที่คิด และจดใส่สมุดไว้ มันใช้กับช่องฟรีทีวี ไม่ได้ ผมก็เลยเลือกทีวีอินเทอร์เน็ต นอกจากความท้าทายคือ การออกอากาศเป็นเรื่องเทคโนโลยี ต้องศึกษาวิธีการใหม่หมด ก็เป็นความสนุกอีกแบบ ตกลงงานที่ยังทำอยู่คือ พิธีกรอีเว้นท์, งานพรีเซ็นเตอร์โฆษณา ที่มีติดต่อมา 3-4 ชิ้น, จัดรายการวิทยุ 3 แยกปากหวาน ก็ยังจัดอยู่ และงานคอลัมนิสต์ที่เขียนให้เว็บไซต์ ก็ยังทำอยู่ครับ ที่ยุติอย่างเดียวคือ พิธีกรประจำในรายการโทรทัศน์นะครับ ในส่วน เดี่ยวไมโครโฟน ปีนี้ก็จะเป็นปีสุดท้าย ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือน พ.ค.นี้"
https://www.facebook.com/teeneedotcom