เต้-ภาราดายืนหยัด ขอเคียงข้างพิ้งค์กี้-สาวิกา

หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย เต้-ภาราดายืนหยัด ขอเคียงข้างพิ้งค์กี้-สาวิกา

ข่าวดาราล่าสุด star.teenee.com
บันเทิงดารา entertain.teenee.com

ถ้าเอ่ยชื่อ "เต้-ภาราดา จินดารัตน์" เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะรู้จักเธอ แต่ถ้าหากเอ่ยชื่อเธอในวงการบันเทิงแล้วรับรองได้ว่าคนในวงการต้องรู้จักเธออย่าง แน่นอน

เพราะเธอคือผู้จัดการส่วนตัวดารา ที่ครบเครื่อง เรื่องความสามารถ เป็น ทั้งช่างแต่งหน้า ช่างทำผม และคอยดูแลเทคแคร์ดารา เชื่อว่าถ้าหากดาราคนไหนเรียกใช้บริการเธอ รับรองได้เลยว่าคุ้ม เกินคุ้ม ปัจจุบันเต้เป็นผู้จัดการส่วนตัว คู่ทุกข์-คู่ยากของนางเอกสาวนัยน์ตาแขก "พิ้งค์กี้-สาวิกา ไชยเดช" ล่าสุด บันเทิงแนวหน้า มีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับเธอ ถึงจุดเริ่มต้นของการเข้ามาดูแลนางเอกสาว และเหตุการณ์ข่าวฉาวต่างๆ ที่ทั้งคู่ต่างร่วมกันฝ่าฝัน และมุมมอง แง่คิด อาชีพในวงการบันเทิง

จุดเริ่มต้นเมื่อต้องมาเป็นส่วนนึ่งในชีวิต "พิ้งค์กี้-สาวิกา"?
"ย้อนไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ปีนี้ก็เข้าปีที่ 10 แล้ว ที่พี่เต้ได้รู้จักกันกับพิ้งค์กี้ เจอกันครั้งแรกจำได้ว่าตอนนั้นพิ้งค์กี้มาถ่ายแบบให้กับนิตยสาร ทีวีพูล และ พี่เต้เองก็เป็นคนแต่งหน้าทำผมให้น้องเค้า คงเพราะถูกซะตาหรืออะไรบางอย่างมาดลใจ เลยทำให้พิ้งค์กี้เลือกให้พี่เต้มาดูแลจนถึงทุกวันนี้ เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านมา 10 ปี ก็ยังงงๆ อยู่ว่านี่พี่เต้ดูแลพิ้งค์กี้มาจะ 10 ปีแล้วเหรอ"

ไม่อยากให้คนมองว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัว?
"หน้าที่หลักๆ ของพี่เต้เลยก็คือ ดูแลเรื่องหน้า-ผม-เสื้อผ้า ส่วนเรื่องคิวงาน ส่วนใหญ่คุณแม่ของพิ้งค์กี้จะดูแลเอง และจะมอบหมายงานมาให้พี่เต้ดูแลอีกทีนึง ถ้างานไหนพี่เต้รับงานเอง พี่เต้ก็จะบอกให้คุณแม่รับทราบ แล้วพี่เต้กับพิ้งค์กี้ก็จะไปกันแค่ 2 คน แต่คิวหลักๆ ก็อยู่กับคุณแม่ เหมือนเดิม หลายๆ คน มองพี่เต้ เป็นผู้จัดการส่วนตัว แต่พี่อยากจะให้มองว่าพี่เป็นแค่พี่เลี้ยงคนนึงเท่านั้นพอ"

เสือ 2 ตัวอยู่ในถ้ำเดียวกัน?
"ด้วยความที่อยู่ด้วยกันมานาน ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายดีอย่างไง พี่ก็อยู่กับน้องมาโดยตลอด แม้บางทีลิ้นกับฟันอาจมีกระทบกันบ้าง พี่ก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา บางทีเขาร้อนเราก็จำเป็นจะต้องถอยกันคนละก้าว พี่เต้กับพิ้งค์กี้เป็นคนเกิด ปีเดียวกัน ก็คือปีเสือ แต่ละรอบ ก็กลายเป็นเสือ 2 ตัว อยู่ในถ้ำเดียวกัน แต่เราก็อยู่ด้วยกันได้ คุณแม่ของพิ้งค์กี้เองก็เกิด ปีหมู พอมาอยู่รวมตัวกัน 3 คน ก็เหมือน กับหนุนกัน ก็เลยทำให้อยู่ด้วยกันได้"

ยืนหยัดฝ่าฟันผ่านเหตุการณ์ร้าย ไปด้วยกัน?
"พี่เต้ให้กำลังใจพิ้งค์กี้ทุกอย่าง ในช่วงที่เกิดข่าว จนหลายคนคิดว่ายังไงพี่เต้ก็ต้องทิ้งพิ้งค์กี้ไปอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายพี่ก็ยืนหยัดอยู่กับพิ้งค์กี้จนผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายๆ เหล่านั้นมาได้ จนหลายๆ คนถึงกับเอ่ยปากชมว่าพี่เต้ดีที่ไม่ทิ้งน้อง ถ้าวันนั้นพี่เต้ทิ้งน้องไปพี่คิดว่าตัวพี่เองคงไม่ใช่คน พี่ไม่สามารถทิ้งน้องได้ ถึงเรื่องอะไรจะเกิดก็ตาม ยามมีก็กินด้วยกัน ยามไม่มีก็ต้องอดทน ด้วยกัน"

"เต้-ภาราดา"ยืนหยัด ขอเคียงข้าง"พิ้งค์กี้-สาวิกา"

อาชีพในวงการบันเทิงทำให้ชีวิตดีขึ้น?
"รายได้อาชีพนี้พี่เต้ถือว่าพออยู่ได้ แต่ไม่มาก เท่ากับคนที่เป็นผู้จัดการเต็มตัว พี่เต้ก็รับเป็นจ๊อบๆ ไป ได้โน่นได้นี่ที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น นอกจากนี้แล้วพี่เต้เอง ก็ยังมีอาชีพเสริม รับงานอีเว้นท์ หาแอดโฆษณา ติดต่อหาพรีเซ็นเตอร์ เป็นช่างแต่งหน้าให้กับนิตยสารประมาณ 10 กว่าเล่ม ซึ่งน้องๆ ดารา คนในวงการบันเทิงที่รู้จักพี่เต้ก็จะเรียกใช้พี่เต้ไปดูแลเป็น จ๊อบๆ ไป ไม่ว่าจะเป็น ติ๊ก-กัญญารัตน์, อั้ม-อธิชาติ, โดม-ปกรณ์ ลัม, น้องมิน-พีชญา และอีกมากมาย เรียกว่าตัวพ่อ-ตัวแม่ของวงการบันเทิง พี่เต้เคยร่วมงาน มาแล้วทั้งนั้น แต่หลักๆ เลยพี่ก็มีพิ้งค์กี้นี่แหละที่เป็นพี่เลี้ยงดูแลทุกงาน"

ต้องเป็นคนคิดดีทำดีถึงจะอยู่วงการนี้ได้?
"ก็คิดดีกับวงการ กับงานที่เราทำอยู่ คนที่อยู่ในวงการนี้ได้จะต้องซื่อสัตย์ และมีความไว้วางใจ ซึ่งดาราแต่ละคนต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน พี่เต้เป็นคนปากไม่สว่าง จะไม่เอาดารามานินทาเด็ดขาด พี่อยู่กินอย่างพอเพียง อยู่ได้เรื่อยๆ ไม่ละโมบ เพราะอย่างนี้พี่ถึงอยู่วงการนี้มาได้ถึง 11 ปี"

อนาคตยังไงก็ไม่ทิ้งวงการบันเทิง?
"ทุกวันนี้พี่เต้เองก็ต้องมีภาระดูแลแม่ ดูแลน้อง พี่เกิดมาเป็นช่างแต่งหน้าทำผม พี่ก็จะยึดอาชีพช่างแต่งหน้าทำผมในวงการบันเทิงนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทำไม่ไหว ส่วนอนาคตในวันข้างหน้า พี่เต้เองก็อาจจะเปิดร้านทำผมเป็นของตัวเอง แต่คงไม่เปิดที่กรุงเทพฯ เล็งๆ ไว้ว่าจะเปิดที่นครปฐม เพราะที่นั่นเป็นบ้านเกิดของพี่"

ขอบคุณวงการมายาที่ทำให้มีทุกวันนี้?
"พี่เต้ต้องขอบคุณวงการบันเทิงหลายๆ อย่าง ที่ให้สิ่งดีๆ กับพี่ พี่รักและเคารพวงการนี้ และภูมิใจมากกับ อาชีพหน้าที่การงานที่ทำอยู่ในทุกวันนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้พี่มีทุกวันนี้เป็น อาชีพ ที่ทำแล้วมีความสุข อยู่ด้วยแล้วสนุกสนาน"