ท่ามกลางสายตาและความชื่นชมของแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนที่มาร่วมงานภายในศูนย์นิทรรศการ ไบเทค บางนา นับพันคน แถมงานนี้ยังถ่ายทอดให้ประชาชนทั่วประเทศได้ยลโฉมความงามของผู้เข้าประกวดทางช่อง 7 สีอีกด้วย
ล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา "น้องไอซ์ อธิชนัน" ผู้คว้ามงกุฎมิสทีนไปหมาดๆ ก็ได้รับประทานอาหารมื้อแรกหลังจากได้รับตำแหน่ง ที่โรงแรมเรดิสัน พระราม 9 พร้อมกับรองอันดับ 1 น้องเอม จณิสตา ชูช่วยสุวรรณ และรองอันดับสองทั้ง 3 ไม่ว่าจะเป็น น้องเมย์ หทัยทิพย์ กังพานิช, น้องโม โมนิก้า เมอลเลอร์, และ น้องพิม พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล โดยมีผู้ปกครองของน้องๆ แต่ละคนมาร่วมแสดงความยินดี
งานนี้ผู้สื่อข่าวสยามกีฬา ซึ่งเกาะติดสถานการณ์การประกวดมิสทีน 2005 มาโดยตลอดจึงไม่ขอพลาดที่จะยกเรื่องราวชีวิตตั้งแต่วัยเยาว์ ของน้องไอซ์ อธิชนัน ศรีเสวก สาวสวยวัยใสที่สามารถก้าวขึ้นมาคว้ามงกุฎ มิสทีนไทยแลนด์ 2005 ซึ่งเป็นเวทีแห่งความฝัน กับรางวัลสู่ดวงดาว แถมยังเป็นโอกาสที่น้องไอซ์จะได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
ซึ่งน้องไอซ์เป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวศรีเสวก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่น้องไอซ์จะเป็นลูกสุดรักและสุดหวงของคุณพ่อเรืองฤทธิ์ และคุณแม่เกศิณี โดยน้องไอซ์เกิดและเติบโตที่กรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันอายุ 16 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.5 ร.ร.ราชินีบน สูง 169 ซม. หนัก 47 กก. เรียกว่าเป็นนางแบบได้อย่างสบายเลยทีเดียว
และน้องไอซ์ อธิชนัน ยังได้เปิดเผยถึงเรื่องราวในอดีตให้ฟังด้วยว่า "ตอนเด็กๆ ไอซ์จะเป็นคนแก่นๆ แต่ก็ไม่ได้ซนอะไรมากมาย คุณแม่จะเลี้ยงแบบเด็กทั่วไป ให้ความรักความใส่ใจแต่ไม่ได้เลี้ยงให้เป็นแบบคุณหนู แม่จะสอนให้ไอซ์ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่ก็จะอยู่ในความดูแลของคุณแม่ตลอด เวลาอยู่บ้านก็จะช่วยคุณแม่ทำงานบ้านบ้าง เห็นไอซ์เป็นอย่างนี้แต่ไอซ์ก็เป็นคนติดดินนะคะ เป็นคนที่ง่ายๆ สบายๆ เวลาจะซื้ออะไรก็ไม่ต้องมียี่ห้อ ซื้อถูกๆ ก็ได้ ขอให้เข้ากับตัวเองก็พอ ส่วนการแต่งตัวก็ง่ายๆ เสื้อยืดกางเกงยีน หรือว่ากางเกงสบายๆ แต่ก็ขอเป็นกางเกงน่ะค่ะ เพราะไอซ์ไม่ชอบใส่กระโปรง มันเขินค่ะ และเวลาที่ไอซ์อยู่กับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนไอซ์ก็จะเป็นคนที่สนุกสนาน ร่าเริง เป็นตัวโจ๊กของเพื่อนๆ ในกลุ่ม และฉายาที่เพื่อนตั้งให้ก็คือ ตะเกียบค่ะ ส่วนที่มาคงไม่ต้องบอกมั้งคะ (หัวเราะ)"
นอกจากนี้น้องไอซ์ยังได้พูดถึงสาเหตุจูงใจที่ทำให้เข้ามาประกวดมิสทีนในปีนี้ให้ฟังด้วยว่า "ไอซ์เคยไปเดินห้างแล้วก็มีโมเดลลิ่งเค้ามาแจกนามบัตรเหมือนกัน แต่ไอซ์ก็เฉยๆ นะเพราะว่าคุณแม่อยากจะให้เรียนมากกว่า แต่สำหรับเวทีนี้ไอซ์ก็ติดตามตั้งแต่ ม.4 แล้ว และก็อยากที่จะเข้าประกวดมาก แต่พอดีว่าตอนนั้นไอซ์เพิ่งจะเริ่มเรียนภาษาฝรั่งเศส ก็เลยขอเรียนไว้ก่อน ซึ่งพอมาปีนี้ขึ้น ม.5 ก็ยุ่งๆ อยู่กับกิจกรรมของโรงเรียนอีก เพราะไอซ์เป็นประธานกีฬาสี แต่พอดีว่าเพื่อนยุ และเพื่อนๆ ก็เชียร์อยากจะให้ไอซ์มาประกวดไอซ์ก็เลยมาลองดู"
"ก่อนที่จะมาสมัครไอซ์ก็ได้ปรึกษาแม่แล้ว ซึ่งแม่ก็บอกว่าถ้าจะเข้าประกวดก็ให้เข้าประกวดในปีนี้ เพราะปีหน้าไอซ์ก็จะต้องเตรียมตัวเอนทรานซ์แล้ว วันที่มาสมัครก็ยังขำกันอยู่เลยค่ะ ไอซ์นั่งรถมากับแม่จะไปเอาใบสมัครกันที่เมเจอร์ ปิ่นเกล้า แต่พอดีเค้าบอกว่าหมด ก็เลยต้องไปสมัครกันที่บ.อินสไพร์ฯ พอไปถึงปากซอยลาดพร้าว 48 เข้าไปไม่ถูก ก็เลยต้องจ้างมอเตอร์หน้าปากซอยให้ขับนำทางไป แต่พอเข้าไปสมัครเอกสารก็ไม่ครบอีก พี่เค้าก็เลยบอกว่าให้มาสมัครใหม่ในวันที่ 15 ที่โรงแรมเรดิสันเลย ซึ่งมันเป็นอะไรที่ทุลักทุเลพอสมควร"
นอกจากนี้ "เกศินี ศรีเสวก" แม่ของน้องไอซ์ ยังได้เปิดเผยถึงความรู้สึกที่ลูกสาวคนเดียวสามารถคว้ามงกุฎมิสทีนฯ มาครองได้ด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ พร้อมกับวิธีการและการดูแลน้องไอซ์ ให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่า "ดีใจมากค่ะ ตอนแรกที่เข้ารอบ 5 คน แม่นึกว่าน้องเอม จณิสตา จะได้เพราะน้องเอมน่ารัก และก็ตอบคำถามได้ดี แต่พอรู้ว่าเป็นลูกเราได้แม่ก็กระโดดกอดกับคุณพ่อเลย บอกไม่ถูกเหมือนกันทั้งปลื้ม ทั่งภูมิใจ
"ส่วนการเลี้ยงน้องไอซ์นั้นแม่เลี้ยงดูเค้าแบบเพื่อน และก็จะดูแลเค้าตลอดเวลาไม่ว่าเค้าจะไปไหน หรือว่าเค้าจะทำอะไร เห็นไอซ์ที่ไหนก็จะเห็นแม่อยู่ที่นั่น เพราะแม่มีลูกอยู่คนเดียว และความอดทนในการรอลูกแม่มีอยู่เต็มร้อย อย่างเวลาไปโรงเรียนแม่ก็จะตามไปรับไปส่งทุกวัน เวลาเค้าไปเรียนพิเศษแม่ก็จะไปนั่งคอย หรือแม้กระทั่งเวลาไปเดินห้าง แม่ก็ต้องไปด้วยแต่จะปล่อยให้เค้าเดินไปก่อน เค้าอยากจะดูอะไรก็ปล่อยให้เค้าดูไปตามใจชอบ ส่วนแม่ก็จะคอยเดินตามหลังอยู่ห่างๆ พอเค้ามีอะไรให้เราช่วยหรือมีปัญหาอะไร เค้าก็จะหันมามอง หรือว่าจะโทร.มาหาเอง"
"ยิ่งต่อจากนี้ไปแน่นอนว่าการที่เค้าได้รับตำแหน่งมิสทีนฯ มาเค้าก็ต้องมีภารกิจมากยิ่งขึ้น แม่ก็คงจะต้องดูแลเค้ามากขึ้น เพราะแม่เป็นห่วงเค้าเรื่องสุขภาพ แต่ก่อนเค้าจะเคยเป็นโรคโพลงจมูกบางและเปราะจึงทำให้เลือดกำเดาไหลง่าย และที่สำคัญก็เรื่องการเรียนเพราะปีหน้าไอซ์เค้าก็ต้องเอนทรานซ์แล้ว ส่วนเรื่องผู้ชายที่เข้ามาจีบแม่ไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไหร่ เพราะเค้าไม่ค่อยสร้างปัญหาตรงนี้ให้แม่นะ แต่ก็สอนๆ เค้าไว้ว่าเดี๋ยวนี้ภัยสังคมมันน่ากลัว คือผู้หญิงถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้เค้ากอดอกเอาไว้ก่อน ตอนนี้ก็เลยเป็นว่าถ้าไอซ์เค้าไม่ไว้ใจใครเค้าก็จะกอดอกแล้วก็จะค่อยๆ ถอยหลัง (หัวเราะ)"
อย่างไรก็ตาม น้องไอซ์ อธิชนัน ศรีเสวก มิสทีนไทยแลนด์ 2005 ยังได้กล่าวขอบคุณ และเปิดเผยความรู้สึกในการก้าวขึ้นมาคว้ามงกุฎในครั้งนี้ไว้อย่างน่าฟังด้วยว่า ถึงตอนนี้แม้ว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่บอกตรงๆ เลยว่าไอซ์ยังดีใจและยังตื่นเต้นไม่หายเลยค่ะ ไม่เคยนึกเคยฝันเลยว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ได้ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ผู้เข้าประกวดทั้ง 41 คนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด ขอบคุณพี่ๆ ทีมงาน ขอบคุณคณะกรรมการที่ให้โอกาสไอซ์ และไอซ์ก็ขอสัญญาว่าจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ขอบคุณมากค่ะ
https://www.facebook.com/teeneedotcom