คุณแม่ไฟเขียวกับทุกคนที่เข้ามาจีบแพนไหม?
คุณแม่ : แม่ก็อยากให้เขาได้เรียนรู้กันนะ ให้ลองศึกษาดู ไม่ใช่ไปตัดสินแค่เพียงผิวเผิน ตั้งแต่สมัยเรียนถ้ามีใครมาชวนลูกไปดูหนัง
แม่ก็บอกลูกว่าไปเลย แม่ไปส่ง ดูเสร็จแม่รอรับกลับ คือมันต้องมีมุมที่ได้ลองสัมผัสตัวตนกันจริง ๆ ไม่ใช่แค่เพียงโทรศัพท์คุยกันเท่านั้น อย่างบางคนดูหนังทานข้าวเสร็จก็ไม่ได้เจอ ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยนะ เพราะลูกจะมีความรู้สึกทันทีเลยว่ามันไม่ใช่ ลูกเราไม่ได้อยากไปไหนด้วยแล้ว
แต่ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นไม่ดีนะ แต่อาจเป็นที่ลูกเรายังไม่พร้อมจะเป็นแฟนกับเขามากกว่า หรืออย่างมีไปทานข้าวกันสักครั้งสองครั้ง ลูกก็จะมาบอกเราว่ารู้สึกยังไง เราก็รู้แล้วว่าควรจะถอยหรือเดินหน้า แม่ไม่เคยรู้สึกว่าลูกไม่ปลอดภัย เพราะเราเองก็ต้องคอยดูอยู่ด้วย แต่นี่คือการให้โอกาสให้เขาทั้งคู่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน แค่คุยโทรศัพท์จิ๊จ๊ะกันมันบอกไม่ได้หรอก
อย่างเป้ (อารักษ์ อมรศุภศิริ) คุณแม่ก็ให้โอกาสหรือเปล่า?คุณแม่ : คือถ้าเป็นคนดีเราก็เปิดโอกาสให้ลองมาใกล้กัน และดูว่าเขาทั้งคู่พร้อมจะศึกษากันแค่ไหน เพราะแค่รักมันง่าย
อันที่ยากคือคุณจะรักษาความรักให้ตลอดรอดฝั่งได้หรือเปล่า มันมากกว่าคำว่ารักแล้ว เพราะเราเลี้ยงลูกของเรามา เรารู้เลยว่าความรักของลูกมันคือความจริงจัง ไม่ใช่แค่หวือหวาชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าจะมีรักแท้ ลูกต้องคิดแล้วว่ามันจะต้องยาวนาน และไม่ใช่แค่ดูฝ่ายผู้ชายไปเรื่อย ๆ ฝ่ายเราก็ต้องเปิดตัวเองด้วย ลองพัฒนากันดู
ตอนเป้มาจีบ แพนให้คุณแม่ช่วยดูบ้างไหม?แพนเค้ก : ก็คุยกันบ้างค่ะ แต่จริง ๆ แล้วแม่แพนจะเห็นอยู่แล้วนะว่าเขาเป็นคนยังไงจากการที่เราได้ทำงานด้วยกันหรือเวลาเจอกัน แต่แพนเป็นคนที่ไม่ได้เปิดรับอะไรแบบนี้มากนัก ถ้าใครเข้ามาใกล้ตัวเราเยอะมากจนเกินไป แพนก็จะถอยทันที หรืออย่างหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมาบางคนรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีมากเลย แต่ว่าไม่เอาอีกแล้ว หนีแทบไม่ทัน คือไม่ใช่เขาไม่ดีนะ แต่เราไม่ได้เปิดใจขนาดนั้น แม่เองยังบอกว่าใครจะอยู่กับแพนได้บ้างเนี่ย เพราะชีวิตราบเรียบมาก ไม่ได้อยากทำอะไร ไม่ได้ขวนขวายต้องออกไปนอกบ้าน ถ้าคนที่เข้ามาหาเราเขาไม่ได้มีชีวิตแบบนี้ เขาก็คงจะอยู่กับเราลำบาก และอีกอย่างแพนติดครอบครัวมาก จะให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวทุกคนก่อน
https://www.facebook.com/teeneedotcom