สั่งจับแม่ซอนย่าคดี ยักยอกเพชร กว่า 1.2 ล้าน !!

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 14 มี.ค.

นายบำรุง ชื่นจิต ทนายความของนางอรอนงค์ กุนสอน อายุ 38 ปี อยู่ บ้านเลขที่ 215/25 ซอยเฉลิมสุข แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. เจ้าของร้านเพชร "อรอนงค์จิวเวลรี่"

ได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวพร้อมด้วยหมายจับของศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 246/2550 ลงวันที่ 7 มีนาคม 2550 ให้จับตัว น.ส.กัญญนันทน์ หรือมาลินี สืบสันติวงศ์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191/58 ซอยสุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.

ข้อหายักยอกทรัพย์

นายบำรุง กล่าวว่า ลูกความของตน เปิดร้านจำหน่ายเครื่องทองประดับเพชร เครื่องเพชร และรับสั่งทำเครื่องเพชรในรูปแบบต่างๆ โดยใช้ชื่อร้านว่า "อรอนงค์ จิวเวลรี่"

ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าบัวสุวรรณ หลังสำนักงานการบินไทย ส่วนน.ส.กัญญนันทน์ หรือมาลินี สืบสันติวงศ์ เป็นลูกค้าที่ซื้อเครื่องเพชรที่ร้าน และบางครั้งก็จะเอาเครื่องเพชรไปช่วยจำหน่าย

รวมทั้งหยิบยืมเครื่องเพชรไปใส่ออกงานต่างๆ

ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร จนนางอรอนงค์เกิดความไว้ใจ เพราะเห็นว่าเป็น มารดาของนักแสดง-นางแบบชื่อดัง "พิม"ซอนย่า คูลิ่ง

นายบำรุง กล่าวต่อว่า

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16, 24 และ 25 ตุลาคม 2548 น.ส.กัญญนันทน์ได้มาขอยืมเครื่องเพชรจำนวน 39 รายการ โดยอ้างว่ามีงานแสดงโชว์ จะขอนำไปใส่โชว์ในงานแสดงดังกล่าว

หลังจากนั้น น.ส.กัญญนันทน์ ก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมนำมาคืน

จึงทวงถาม น.ส.กัญญนันทน์จึงนำ เครื่องเพชรมาคืนเพียง 19 รายการ ส่วนเครื่องเพชรที่เหลืออีก 20 รายการก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด

จนนางอรอนงค์เห็นท่าไม่ดี จึงได้มอบหมายให้ตนดำเนินการฟ้องต่อศาล และศาลแขวงพระนครเหนือได้อนุมัติหมายจับน.ส.กัญญนันทน์ในคดียักยอกทรัพย์ดังกล่าว

ด้านนางอรอนงค์ กล่าวว่า

รู้จักกับน.ส.กัญญนันท์น์หรือมาลินี เมื่อช่วงปี 2547 ระหว่างมาซื้อเครื่องเพชรที่ร้าน พร้อมกับแนะนำตัวเองว่าเป็นมารดาของซอนย่า คูลิ่ง นางแบบชื่อดัง หลังจากนั้นก็แนะนำลูกค้าให้มาซื้อเครื่องเพชรที่ร้านของตนเป็นประจำ

บางครั้งก็จะเอาสินค้าจำพวกเครื่องเพชรไปช่วยจำหน่ายให้

หรือขอยืมไปใส่โชว์ตามงานต่างๆ ซึ่งตนก็เชื่อ เพราะคิดว่าเป็นการนำเอาสินค้าของเราไปใส่โชว์ ประกอบกับตนเห็นว่า น.ส.กัญญนันทน์เป็นคนมีชื่อเสียงในสังคม

เป็นมารดาของนางแบบชื่อดัง อีกทั้งทุกครั้งที่นำเอาสินค้าไปแต่ละครั้งก็ไม่มีปัญหาอะไร จึงทำให้ตนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ

นางอรอนงค์ กล่าวต่อว่า

จนกระทั่งเมื่อเดือนตุลาคม 2548 น.ส.กัญญนันทน์ ได้มาที่ร้านตน 3 ครั้ง พร้อมทั้งเอ่ยปากบอกกับตนว่าจะมีงานแสดงโชว์ อยากจะนำเอาเครื่องเพชรไปขายให้กับเพื่อนฝูง และบางส่วนก็จะนำไปใส่โชว์ เพื่อให้คนที่ได้พบเห็นเกิดความนับถือในความมีฐานะ

และด้วยความที่ น.ส.กัญญนันทน์ มักแนะนำผู้ที่สนใจเครื่องเพชรมาซื้อที่ร้านเป็นประจำ ตนจึงมอบเครื่องเพชรจำนวน 39 รายการ รวมมูลค่า 1.2 ล้านบาทไป

และทุกครั้งที่ตนถามถึงเครื่องเพชรที่เอาไปก่อนหน้านี้ น.ส.กัญญนันทน์ ก็จะบอกว่า ขอกำหนดระยะหนึ่ง เพราะมีงานแสดงโชว์หลายที่หลายวัน โดยจะนำเอาเครื่องเพชรที่ขอยืมทั้งหมดไปใส่ผลัดเปลี่ยนกัน

เพื่อให้ลูกค้าและบรรดาเพื่อนๆ ของนักแสดงเห็น จะได้หาลูกค้ามาสั่งซื้อของที่ร้าน

ต่อมา น.ส.กัญญนันทน์ ได้นำเอาเครื่องเพชรที่ยืมไปมาคืนเพียง 19 รายการ

ส่วนที่เหลืออีก 20 รายการ น.ส.กัญญนันทน์บอกว่ามีคนรู้จักและกลุ่มเพื่อนๆ มาขอไปดู และจะนำมาคืนภายในเดือนเมษายน 2549

จนกระทั่งถึงเวลานัดคืนเครื่องเพชร น.ส.กัญญนันท์ กลับไม่ยอมนำเอาเครื่องเพชรมาคืนและหายเงียบไปเลย" นางอรอนงค์ กล่าว

นางอรอนงค์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนเคยไปทำธุระเรื่องที่ดินกับ น.ส.กัญญนันทน์ ที่หัวหิน

ซึ่งตอนนั้นตนมีโอกาสเจอกับน้องสาวของ พิม-ซอนย่า คูลิ่ง

โดยน.ส.กัญญนันทน์บอกว่าเป็นน้องสาวของนางแบบชื่อดัง

และเมื่อมีการเซ็นชื่อลงในใบทำสัญญา

ก็เห็นหญิงสาวเซ็นชื่อและนามสกุล คูลิ่ง ซึ่งก็เป็นนามสกุลเดียวกันกับนางแบบชื่อดัง

และตนก็ไม่คิดว่า น.ส.กัญญนันทน์ จะกล้าทำลายชื่อเสียงของลูกสาวได้ และหลังจากที่ศาลได้ออกหมายจับแล้ว

น.ส.กัญญนันทน์ ก็ยังได้ติดต่อมาหาตน พร้อมทั้งขอร้องว่าอย่าให้เป็นข่าว เดี๋ยวลูกสาวจะไม่ยอมช่วยชดใช้คืน

ทางด้าน พิม ซอนย่า คูลิ่ง นางแบบสาวและดาราชื่อดัง เปิดเผย

ถึงกรณีดังกล่าวว่า

พิมไม่รู้เรื่องนี้เลยเพราะแยกกันอยู่กับแม่และไม่เคยได้คุยกันมานานมากแล้ว แม่ของพิมไปทำอะไรพิมไม่รู้เรื่องด้วยเพราะไม่ได้ติดต่อมานาน แม่เขาแยกไปอยู่กับเพื่อนๆ ของเขา

และไม่ได้ติดต่อกับญาติพี่น้องเลย โดยส่วนตัวพิมไม่ได้สนิทกับคุณแม่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ไปทำอย่างนั้นหรือเปล่า

ปกติแม่เป็นคนหัวแข็ง

"อยากทำอะไรก็ทำโดยไม่ปรึกษาใคร แม่ค่อนข้างดื้อและมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ที่ผ่านมาพิมเคยทราบมาเหมือนกันว่าแม่ไปทำให้คนอื่นไม่พอใจ พิมไม่อยากเกี่ยวข้องกับปัญหาของแม่

และคิดว่าข่าวนี้คงไม่ส่งผลกระทบกับพิมหรอกค่ะ" พิม-ซอนย่ากล่าว