ฉายแววนักแสดงตั้งแต่เด็กในช่วงป.5-ป.6 ที่สาวหมวย "ใบเฟิร์น"พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ เป็นนักกีฬายิมนาสติกของกกท. ถูกแมวมองชวนแคสต์งานโฆษณา เหมือนเป็น เส้นทางสู่งานในวงการบันเทิง
-เข้าวงการมาตอนไหน?
ใบเฟิร์น - "หลังมีโฆษณาก็ได้มาเล่นเอ็มวีเพลง น้ำลายของซิลลี่ฟูลส์ และได้เล่นมิวสิควีดีโอมาเรื่อยๆ แต่ถ้านับเข้าวงการจริงก็ตั้งแต่ถ่ายภาพยนตร์เรื่องแรก 5 หัวใจฮีโร่ ตามด้วย อนึ่งคิดถึงเป็นอย่างยิ่ง, เชือดก่อนชิม, สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก และ โคตรสู้โคตรโส"
"จากนั้นก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงช่อง 7 เล่นละครเรื่องแรก วัยป่วน ก๊วนล่าฝัน ตามด้วย นักสู้พันธุ์ข้าวเหนียว, ลูกโขน และกำลังถ่ายทำละคร มนต์รักแม่น้ำมูล กับภาพ ยนตร์เรื่อง เลิฟซัมเมอร์ สำหรับเรื่องที่ทำให้คนรู้จักคือหนังเรื่อง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ค่ะ"
-ตอนนี้กลายเป็นคนมีชื่อเสียง กดดันไหม?
ใบเฟิร์น - "กดดันนะ เพราะอย่างเมื่อก่อนเฟิร์นเป็นคนง่ายๆ ออกจากบ้านไม่ต้องแต่งหน้าแต่งตัว แต่พอมาอยู่ตรงนี้มันก็ต้องมีบ้าง ต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตบ้าง เพราะเรามีคนที่สนใจเราอยู่ตลอด ชีวิตเปลี่ยนจากคนธรรมดา เมื่อก่อนเลิกเรียนอยู่กับเพื่อน แต่เดี๋ยวนี้เลิกเรียนก็มีอะไรที่ต้องไปทำ มีคนรู้จักมากขึ้น ก็อยากทำตัวให้ดี ให้เขาชื่นชม เมื่อก่อนเป็นเด็กที่ไม่ต้องคิดอะไร แต่ตอนนี้เวลาจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างมันยากขึ้นค่ะ"
-ระหว่างละครกับหนัง รู้สึกชอบงานไหนมากกว่ากัน?
ใบเฟิร์น - "เฟิร์นโตมากับหนัง บางทีเราเข้าใจกับการทำงานเขาง่ายกว่า กับงานละครเป็นอะไรที่ต้องเรียนรู้ใหม่ เพราะเรายังใหม่มาก ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ค่ะ"
-เรื่องการเรียนตอนนี้เป็นอย่างไร?
ใบเฟิร์น - "สอบตรง มศว คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขากำกับการแสดง ตอนนี้สอบติดแล้ว ช่วงรับน้องโดนว้ากโดนดุสาร พัด เราต้องเข้มแข็งอดทน ด้วยความที่เป็นดาราอาจจะโดนหนักกว่าคนอื่น เขาก็จะบอกว่าเธอใช่มั้ยที่เป็นดารา จำไว้นะคณะนี้ไม่มีดารา เราก็ค่ะ ตอนนั้นกลัวมาก เพิ่งรู้ว่าการกลัวจนขาสั่นเป็นอย่างไร จริงๆ เฟิร์นก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นดาราอยู่แล้ว เฟิร์นไปแบบคนธรรมดา ตั้งใจเป็นรุ่นน้องของพี่เขาในมหา วิทยาลัย เพราะคณะนี้เขารักกันมาก ถ้าเราอยากเรียนรู้ที่จะเป็นอย่างพวกเขา ก็ต้องอดทนให้ได้"
-ถือว่ามีประสบการณ์ในวงการมากกว่าคนในรุ่นเดียวกัน?
ใบเฟิร์น - "โชคดีกว่าคนอื่นในรุ่นมากกว่าค่ะ เราก็ไปเล่าประสบการณ์ที่เจอให้เพื่อนๆ ฟัง เพื่อนๆ หลายคนคิดว่างานที่เราทำเป็นงานสบาย แต่จริงๆ เป็นอะไรที่หนักกว่าที่เราไปเรียนอีกนะ เราต้องไปอยู่กองถ่ายถึงเที่ยงคืนตีหนึ่ง แต่ถ้าเราเรียนตอนนั้นเราก็เข้านอนแล้ว มันต้องแลกกัน ถ้าเราคิดว่าการมีชื่อเสียงเป็นสิ่งที่ดี เราก็ต้องทำงานให้ออกมาดีด้วย ถึงเหนื่อยเฟิร์นไม่เคยคิดจะเลิกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง คิดแค่ว่าอยากทำโอกาสที่ได้มาตอนนี้ออกมาดีมากกว่าค่ะ"
-พอเข้ามาอยู่ในวงการ แม่เตือนอะไรบ้าง?
ใบเฟิร์น - "แม่เป็นห่วงเรื่องข่าว แม่รับราชการ บางทีท่านไม่ค่อยมีเวลาไปรับส่ง ก็จะฝากพี่ๆ ที่กองถ่ายบ้าง พี่ๆ นักแสดงบ้าง แม่กลัวเราจะไปทำให้เขาเป็นข่าว และแม่จะเป็นห่วงอีกเรื่องคือเรื่องเรียน แต่แม่ก็เชื่อว่าเฟิร์นรู้ว่าอะไรควรไม่ควร เขาเป็นห่วงเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมากกว่า เพราะเฟิร์นเป็นคนคิดมาก"
-มีวิธีแบ่งร่างอย่างไร ทั้งเรียนและทำงาน?
ใบเฟิร์น - "อย่างแรกเลยคือแบ่งเวลา ต้องรู้ว่าตอนนี้เรามีหน้าที่อะไร เราต้องเรียน ต้องทำอะไรบ้าง เรามีงาน ต้องทำอย่างไรบ้าง ถามว่าเหนื่อยมั้ย ก็เหนื่อย แต่มองว่ามันเป็นเรื่องสนุก ท้าทาย เพราะการที่เรามีงานใหม่ๆ เข้ามาเหมือนเราได้เจอเพื่อนใหม่ ได้ทำอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา ซึ่งกับวงการนี้ เฟิร์นถือว่ายังใหม่อยู่ต้องศึกษาอีกมาก เพราะเราเพิ่งเข้ามา ประสบการณ์ยังน้อย ขอเวลาพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ ค่ะ"
- ชีวิตในวงการบันเทิงอยากจะอยู่ถึงจุดไหน?
ใบเฟิร์น - "ความฝันของเฟิร์นคืออยากเป็นผู้กำกับฯ ตั้งใจอยากจะทำหนังทำภาพยนตร์ดีๆ เฟิร์นชอบคิดเวลาที่ดูหนังว่าถ้าเฟิร์นเป็นคนนี้นะ เฟิร์นจะไม่ทำอย่างโน้นอย่างนี้ เฟิร์นรู้สึกว่าถ้าเราทำหนังที่เราสามารถทำให้คนย้อนกลับมาดูตัวเองได้ว่าเราจะไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็ทำให้คนเรากลับไปพัฒนาอะไรหลายๆ อย่างเพื่อสังคมได้ หนังเป็นอะไรที่สามารถเปลี่ยนมุมมองของคนได้ เพียงแค่ว่าเราจะถ่ายถอดอารมณ์ลงไปในหนังของเราได้ในทางไหนเท่านั้นเอง"
- ไม่ได้คิดอยากเป็นดาราระดับแถวหน้า?
ใบเฟิร์น - "การเป็นนักแสดงถือว่าเป็นงานที่เฟิร์นรัก การที่ได้ทำ ถือว่าโชคดี และจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด จนวันหนึ่งเรามีความสามารถพอ และเรียนในด้านการกำกับฯ จนคิดว่าตัวเองมีศักยภาพดีพอ เฟิร์นก็จะมาทำงานเป็นผู้กำกับฯค่ะ"
เจอผู้กำกับฯหญิงน่ารักอัธยาศัยดีอย่างนี้ คงมีแต่คนแห่สมัครอยากเล่นหนัง
https://www.facebook.com/teeneedotcom