เต้ย ขอเป็นตัวเอง ไม่ต้องเหนื่อยเฟค

ถ้าถามหนุ่ม ๆ ว่านักแสดงวัยรุ่นหญิงคนไหนที่น่ารักสดใสโดนใจ หนุ่ม ๆ หลายคนก็มักจะพร้อมใจกันตอบว่าสาวคนนั้นคือ
 
เต้ย–จรินทร์พร จุนเกียรติ ที่เรารู้จักกันดี เต้ย มีทั้งผลงานโฆษณา ภาพยนตร์ ละคร และงานพิธีกร แต่ถึงจะลองงานในวงการบันเทิงเกือบครบทุกด้านแล้ว แต่หลายคนกลับมองว่ายังไม่สามารถจดจำเต้ยในบทบาทที่ต่างไปจากบทสาววัยรุ่นใส ๆ เท่าไหร่นัก งานนี้ “ดาวต่างมุม” จึงขอนั่งคุยกับเต้ยแบบสบาย ๆ ไล่เรียงตั้งแต่ก้าวแรกในวงการมาจนถึงปัจจุบัน เต้ยโตขึ้นและมีมุมมองในการทำงาน และการใช้ชีวิตยังไงบ้าง ที่สำคัญเรื่องหัวใจที่หนุ่ม ๆ หลายคนอยากรู้ซะเหลือเกิน

@@@เข้าวงการมาได้กี่ปีแล้ว?

“เต้ยเข้าวงการมาประมาณ 5 ปีแล้ว เต้ยว่ามันก็เร็วเหมือนกันนะ ถามว่าชินกับวงการหรือยังเหมือนมันก็เพิ่งจะเริ่มรู้สึกว่ามันโอเค สนุก เพราะตอนเด็ก ๆ ยังเกร็ง ที่ต้องมาเจอคนเยอะ ๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง เต้ยเป็นคนขี้เล่นไม่รู้ว่าเล่นแบบนี้ไปคนอื่นจะอะไรหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ทำให้รู้ว่าจริง ๆ เราไม่ต้องคิดมากเราเป็นในสิ่งที่เราเป็นดีที่สุด เราไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับใคร ฉะนั้นทุกคนรอบข้างเราจะเข้าใจเราไปเอง ไม่ต้องคิดมาก คิดเผื่อแทนใคร”



@@@แสดงว่าตอนเข้ามาแรก ๆ เรามีความกลัว กลัวในเรื่องของอะไรบ้าง?

“ไม่กลัวเรื่องข่าวหรืออะไรนะ เหมือนกับว่าก่อนที่จะเข้ามาวงการเต็มตัว เต้ยโดนวิจารณ์ว่าทำศัลยกรรมในอินเทอร์เน็ตค่ะ คือช่วงนั้นยังเป็นช่วงที่คนยังรับไม่ค่อยได้กับดาราที่ทำศัลยกรรม ซึ่งตอนนั้นเต้ยไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ สาบานได้ว่าแค่ดัดฟัน ก็จะโดนกระแส ทุกอย่างให้ประสบการณ์ที่ดีกับเต้ยตลอด ตอนนั้นยอมรับเสียใจจริง ๆ แต่พอเราโตขึ้นมา 3-4 ปีผ่านไปก็มองกลับไปเป็นเรื่องที่เล็กจริง ๆ แต่เข้าใจอะไรที่เจอกับตัวเองมักเป็นเรื่องใหญ่เสมอ ตอนนี้เต้ยไม่เคยรู้สึกแย่หรืออะไรเลยที่เจออย่างนั้น มองย้อนกลับไปดีใจซะอีกที่เจอแบบนั้นเพราะมันสอนเรา ทำให้เราแกร่งขึ้นค่ะ”

@@@บางคนยังจดจำเราในฐานะนักแสดงไม่ได้เท่าไหร่รู้สึกยังไง?


“ส่วนใหญ่เต้ยชอบได้แต่บทเดิม (หัวเราะ) จะได้บทใส ๆ แต่มีที่ฉีกออกไปที่เห็นได้ชัดคือละคร “ชิงชัง” อีกเรื่องคือหนังสั้นทางช่อง 3 เรื่อง “มั่นใจคนไทยหนึ่งร้อยคนเกลียดเมธาวี” นี่เป็นผลงานที่เต้ยชอบมาก ๆ เลย มันฉีกไปเลย ถามว่าเต้ยเบื่อมั้ยกับการเล่นอะไรแบบนี้มันก็สามารถเล่นได้แหละ แต่ก็อยากลองอะไรใหม่ ๆ บ้าง แล้ว “ชิงชัง” เป็นดราม่า ซึ่งเต้ยยังทำได้ไม่ดีหรอก แต่ว่ารู้สึกดีที่ได้เล่นบทอื่น ๆ บ้าง อย่างเมธาวีเนี่ยชอบมาก”

@@@ถ้าให้เลือกได้เราอยากลองบทไหน?

“เลือกไม่ได้จริง ๆ แต่ถ้าได้ลองดูบทแล้ว น่าสนใจก็ลอง แต่ให้บอกว่าอยากเล่นแบบไหนไม่รู้เลย ถ้าสนุก ๆ คอมเมดี้ขำ ๆ กัด ๆ ร้าย ๆ นิดนึง แต่ไม่ใช่ร้ายน่ากลัวก็น่าสนุกดีนะ แต่เดี๋ยวจะได้เล่นละครคล้าย ๆ ลูกสาวกำนันมีบทบู๊ด้วย กำลังอยู่ในขั้นคุย ๆ ค่ะ เชื่อว่าน่าจะได้เห็นกันแต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นะคะ”



@@@เคยกลับมาดูผลงานการแสดงของเราบ้างมั้ยว่าโตขึ้นบ้างหรือเปล่า?

“เต้ยว่าจริง ๆ ยังต้องฝึกอีกเยอะเลยค่ะ การทำงานแบบนี้มันต้องมีสมาธิ เต้ยเป็นคนสมาธิสั้น เต้ยยอมรับ คือจะไม่อยู่เฉย  ขี้ลืมด้วยนิดนึง เลยคิดว่ายังต้องฝึกอีกเยอะเลย”

@@@แล้วจริง ๆ เราฝันอยากเป็นนักแสดงตั้งแต่แรกเลยมั้ย?

“ไม่เลยค่ะ เต้ยเหมือนเด็กทั่วไปที่ตอนนั้นเป็นกระแส ไปแคสต์งานหาเงิน จริง ๆ เลยเต้ยอยากทำธุรกิจของตัวเอง หรือไปเรียนด้านดีไซน์ แต่พอพลิกมาอยู่ในวงการแล้วรู้สึกรักแล้ว รู้สึกเราได้อะไรจากวงการนี้เยอะมากค่ะ เป็นคนชอบท่องเที่ยวก็ได้เที่ยวจากวงการนี้ ถ้าไม่ได้ทำงานตรงนี้ก็อาจจะไม่มีโอกาสไป บ้านเต้ยไม่ใช่บ้านที่มีฐานะขนาดนั้น แต่เราได้ไปอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลี มีความสุขมาก แล้วล่าสุดก็ทำงานกับพี่ย้ง-ทรงยศ เป็นรายการท่องเที่ยวไม่เหมือนใคร ไม่มีพิธีกร ไม่มีสคริปต์อะไรทั้งสิ้น ไม่มีข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว เหมือนถ่ายหนัง จะพูดอะไรก็พูดเป็นตัวเอง เทปแรกเราพาเขาไปทะเลแหวก ไปถึงดันมีพายุเราไม่รู้มาก่อน แต่เราก็ถ่ายแบบว่าสถานการณ์นั้นน่ากลัวยังไง คนดูเองก็จะรู้สึกว่าได้ไปเที่ยวกับพวกเต้ยจริง ๆ ค่ะ”

@@@เรื่องการเรียนล่ะเป็นยังไงบ้าง มีผลกระทบอะไรมั้ย?

“มีผลกระทบแน่นอน มันก็มีกระท่อนกระแท่น เต้ยก็พยายามจะให้จบพร้อมเพื่อน ๆ พยายามมาก ๆ เลยค่ะ แล้วเพื่อนที่มหาวิทยาลัยก็น่ารักมาก ทุกคนช่วยกัน วันนี้ต้องส่งงานโน่นนี่นะ ทุกคนน่ารักช่วยเราตลอดค่ะ เต้ยเคยดร็อปเรียนไปครึ่งเทอมตอนถ่ายหนังเรื่อง “กาลิเลโอ” เพราะฉะนั้นต้องตามให้ทัน แล้วก็มีบางวิชาที่เวลาเรียนไม่ครบก็ต้องดร็อปไปก่อน แต่จากที่เต้ยมานั่งเช็ก ดูแล้วจะพยายามทำให้ทัน ต้องทันค่ะสาธุ (ยิ้ม)”



@@@การวางตัวในวงการบันเทิงล่ะ มีวิธีการดูแลตัวเองยังไงบ้าง?

“เป็นตัวของตัวเองค่ะ อย่าไปทำความเดือดร้อนให้ใคร การมีคาแรกเตอร์ที่มาจากธรรมชาติเป็นตัวเองมันสบายที่สุดแล้ว แต่ว่าก็ต้องมีบ้างเจอใครถ้าเป็นตัวเองจนเกินไปก็ไม่ได้ ต้องรู้กาลเทศะ ทำอะไรก็คิดถึงตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ก่อน แต่จริง ๆ เต้ยก็ทำตัวปกติเหมือนคนทั่วไปนะ อยากไปไหนก็ไป ไปคนเดียวก็ไปก็คิดว่าไม่แต่งหน้าไม่มีใครจำได้หรอก (หัวเราะ) แต่ก็มีคนจำได้ ก็ตกใจมากจำได้ยังไง คือเต้ยแต่งหน้ากับไม่แต่งหน้านี่คนละคนเลย ไม่แต่งนี่หมวยโล้นมาก เต้ยว่าการที่เราเป็นตัวเราทำไปเถอะ อยากทำอะไรก็ทำไป ดีกว่าที่มาแอบ ๆ ทำอะไรที่เป็นตัวเรามันจะสบายใจที่สุดนะ”

@@@ถามถึงเรื่องความรักบ้าง ตอนนี้มีคนมาจีบหรือยัง?


“จริง ๆ มันก็มีคุยกันบ้างนะคะ แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้คุยกับใครแล้ว ไม่มีเลย อยู่แบบนี้เต้ยว่ามันสบายที่สุด เต้ยอยู่คนเดียวไม่ได้คบกับใครเป็นเรื่องเป็นราวมาปีกว่าแล้ว แต่ใครเข้ามาก็รู้จักเอาไว้คุยกันไปในฐานะพี่น้องก็ได้ แต่ตอนนี้คืออยู่อย่างนี้ดีแล้วค่ะ แฮปปี้ บางทีเวลาคนเรามีความรักมันจะสูญเสียอะไรบางอย่าง เต้ยต้องเรียนแล้วก็ทำงาน ถ้ามีแฟนปุ๊บเต้ยอาจจะแบ่งเวลาไม่ถูกก็ได้ แต่พออยู่อย่างนี้ได้มีเวลา เราไม่ต้องรีบไปไหน หรือเรียนก็ได้เต็มที่กับมัน อาจเป็นเพราะว่าอยู่ตรงนี้สักพักหนึ่งจนรู้สึกดีแล้ว”

@@@ข่าวกับพี่ฌอห์น จินดาโชติ ล่ะมาเล่นละครคู่กันก็มีข่าวว่ากิ๊กกันออกมาเขามีท่าทีมาจีบเรามั้ย?


“กับพี่ฌอห์นรู้จักกันมานานมาก เต้ยเล่นรับเชิญหินกลิ้งก็เจอพี่เขา พี่เขาเป็นคนที่น่ารักดี มีความเป็นผู้ใหญ่ให้คำปรึกษาได้ แต่เราก็เป็นพี่น้องกัน เรื่องจีบมั้ยเต้ยก็ไม่รู้เหมือนกัน (ยิ้ม) เราก็ใช้ชีวิตของเราไปแหละเนอะ แล้วก็เปิดโอกาสให้แต่ละคนได้เจออะไร เอาจริง ๆ อันนี้ไม่ได้พูดตามประสาดาราหรืออะไรนะคะ เต้ยรู้สึกว่าอายุเพิ่งจะ 21 หนทางยังอีกไกลมากก็เลยเป็นพี่น้องกันไปไม่ได้เสียหายอะไร ก็เป็นมิตรภาพที่ดีค่ะ”



@@@จริง ๆ มุมมองความรักของเต้ยล่ะเป็นยังไง?

“มันเปลี่ยนไปนะคะ จากตอนที่เต้ยเป็นเด็กอยู่มัธยมก็เป็นเรื่องสำคัญ ตามประสาผู้หญิงวัยรุ่นมีแฟน ชอบคนนี้ แต่พอโตขึ้นมาตอนนี้ด้วยความที่เราทำงานยังฝันที่จะเจอคนที่ใช่อยู่แต่ยังไม่เจอ แต่เป็นใครนิสัยยังไงตอนนี้ไม่รู้แล้ว  คือมันแล้วแต่ว่าเราจะเข้ากันได้มั้ยมากกว่า  ส่วนสเปกน่ะ สูง ขาว ตี๋ หล่อ อันนี้ตอนเด็ก ๆ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เอาหน้าตาพอดูได้ เต้ยชอบผู้ชายที่เป็นคนมองโลกในแง่ดีแบบอารมณ์ดีน่ะค่ะ นิ่ง ๆ แต่แอบกวน ๆ นิดนึง แต่ว่ายังไม่เจอ (ยิ้มเขิน ๆ)”

@@@อนาคตในวงการบันเทิงของเรา เรามองว่ายังไงต่อไปบ้าง?

“จะพยายามทำให้มันดีขึ้นเรื่อย ๆ ต้องมีการพัฒนาไปในทางที่ดีเนอะ ถ้าให้พูดแบบฝัน ๆ หน่อยอยากทำอะไรควบคู่กัน ถ้ามีงานในวงการบันเทิงต่อยอดไปเรื่อย ๆ ก็ยังจะทำอยู่ ก็จะดูว่าอันไหนเหมาะสมกับเรา อันไหนไม่เหมาะสมกับเรา วงการบันเทิงทุกคนก็น่าจะรู้ว่าไม่ได้เป็นอาชีพที่มั่นคงมีขึ้นลงได้ตลอด เต้ยอยากทำธุรกิจหรืออะไรที่เราชอบจริง ๆ แล้วมีความสุขกับมันก็อยากทำ เต้ยชอบอะไรเกี่ยวกับหนังหรือถ่ายภาพ หรือออกแบบตกแต่งบ้าน ทำอะไรพวกนี้แล้วมีความสุข แต่เต้ยก็ยังไม่ได้มีเป็นชิ้นเป็นอันว่าอยากทำอะไร แต่รู้ว่าชอบแนว ๆ นี้ค่ะ”

@@@สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟน ๆ ที่ติดตามผลงานเราอยู่มั้ย?

“ฝากติดตามรายการ “ซิสเตอร์เดย์” นะคะ แล้วก็มีรายการแฮงค์โอเวอร์ไทยแลนด์ ทางแทรเวลแชนแนล ทรู ช่อง 73 แล้วเดี๋ยวเต้ยจะมีละครมาให้ดูแน่ๆ ก็อยากให้ลองติดตามกัน แล้วก็ขอขอบคุณที่ให้เสียงตอบรับ ก็คอยให้กำลังใจไม่ว่าจะเจอแค่แป๊บเดียวเวลาเต้ยไปงาน ซึ่งเขารู้อยู่แล้วพอเต้ยลงจากเวทีเต้ยก็ต้องกลับแล้ว แต่เขาก็มาน่ารักมาก ๆ ค่ะ”.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์