แตงโม ปรี๊ดแตกทะเลาะ แต๊งค์

หลังจากโดนสื่อแบนไม่ยอมสัมภาษณ์หากปรากฏตัวงานไหน ทำเอานางเอกขาเหวี่ยง แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ไม่มีข่าวตามหน้าสื่อให้เห็น

แต่ล่าสุดสาวแตงโมก็ตกเป็นข่าวเมาท์ว่าเจ้าตัวทะเลาะกับหวานใจ แต๊งค์-พงศกร มหาเปารยะ กลางที่สาธารณะถึงขั้นสาวแตงโมตบหน้าหนุ่มแต๊งค์ซะงั้น พอมีโอกาสเจอตัวสาวแตงโมเลยถามไถ่เรื่องนี้ซะหน่อยว่า

เท็จจริงเป็นอย่างไรเจ้าตัวเลยขอเปิดใจทั้งเรื่องข่าวและก็ความรักกับหนุ่มแต๊งค์ทันทีว่า

แตงโม เผยว่า “ข่าวที่ทะเลาะกับคุณแต๊งค์กันกลางงานอันนั้นมีปากเสียงกันจริง แต่ไม่อยากลงรายละเอียดเพราะมันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก ยิ่งออกไปทะเลาะข้างนอกก็ไม่อยากให้เกิดเลย แต่บางทีก็ควบคุมไม่ได้เป็นจุดบกพร่องหนึ่งของเราทั้งคู่ที่ตรงนี้เรายังไม่โตกันเลย มันไม่ควรเอาเรื่องภายในออกไปข้างนอกมันไม่ใช่เรื่อง ควรนึกถึงหน้าที่การงานหน้าตาพ่อแม่เราบ้าง มันก็เป็นเรื่องที่รู้สึกแย่มากค่ะ”

เรื่องนี้เกิดมานานหรือยัง?

“ประมาณ 3-4 เดือนแล้วค่ะ” แต่เราก็ยังรักกันเหมือนเดิมนะ? “ค่ะ หลังจากทะเลาะกันทุกครั้งเราก็กลับมาดีกันเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนที่เราต้องปรับปรุง” ความรักทุกวันนี้ของเราเป็นยังไง? “ยังทรง ๆ ไม่มีอะไรหวือหวาหรืออะไรแย่ ไม่ได้ถึงกับห่าง เพราะคุณแต๊งค์กำลังจะบวชวันที่ 15 ม.ค. ประมาณ 9 วัน ที่วัดยานนาวา ค่ะ”

งานนีจะถือหมอนด้วยมั้ย?

“โมไม่รู้ธรรมเนียมเท่าไหร่ เพราะโมนับถือคริสต์ แต่ได้ยินมาว่าถือหมอนไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนเสมอไปเป็นญาติพี่น้องก็ได้ โมเฉย ๆ เอาเป็นว่าถ้าเขาอยากใช้งานสะดวกตรงไหนก็ตรงนั้น ไม่ซีเรียสตรงนี้ค่ะ” แต่เราไปร่วมพิธีแน่นอน? “ไปค่ะ จริง ๆ เราคุยกันมาตลอด เขาก็บอกว่าอยากจะบวชเราก็แนะนำ บวชก็ดีเหตุการณ์ที่ผ่านมาอาจจะมีอะไรที่ไม่ค่อยดีนักอยากให้เขาได้ศึกษาหลักธรรมะในการดำรงชีวิตเราก็อยากให้เขาได้ดี”

บวชแล้วเบียดเลยมั้ย?

“ยังค่ะ อีกหลายปีเลย ยังมีภาระเยอะเพราะโมให้ความสำคัญตัวเองรอง ๆ ลงมาจากครอบครัวที่ต้องสบายก่อนหลัง ๆ เลยยังไม่รู้เมื่อไหร่จะผ่อนบ้านหมด เมื่อไหร่พ่อจะสบายโดยไม่ต้องทำงาน แล้วค่อยแต่งค่ะ เพราะตอนนี้เริ่มมองอนาคตตัวเองจะไม่ถลำตัวเองเข้าไปมากนัก แต่ก็ไม่ได้เฟดตัวเองออกมามากจนห่างกัน เอาง่าย ๆ โมไม่มั่นใจคุณแต็งค์น่ะค่ะ ที่ศึกษาเขาเองทั้งตัวโมและตัวเขามันยังมีเรื่องต้องปรับอีกเยอะ

เมื่อผ่านเรื่องดี ๆ อย่างการบวชไปแล้วความคิดคนเราอาจจะเปลี่ยนไปหลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที

แต่เรายังเหมือนเดิมไม่ได้เลิกกัน ไม่ได้ห่างกัน เพียงแต่ต่างคนต่างรู้เรายังมีข้อเสียเยอะถ้ามองถึงอนาคตข้างหน้า เราตั้งใจว่าชีวิตการแต่งงานจะเป็นคนสุดท้ายของกันและกัน จนบางทีเราแอบไม่มั่นใจในตัวเอง ฉะนั้นพอเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยกลัวว่าต่างคนต่างไม่ดีพอสำหรับกันและกัน ไม่อยากที่จะเลิกกันไปเจอคนอื่น ทุกคนอยากแต่งงานครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย เราเลือกกันและกันแล้วเลยอยากตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่ถ้าไปกันไม่ได้จริง ๆ เราก็ต้องยอมรับความจริงค่ะ”