เปิดใจคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนล่าสุดในวงการบันเทิง รับกำลังพิจารณาร้องศาลเพื่อรับรองบุตรจากฝ่ายชาย
รับวาระวันแม่ "ไทยรัฐออนไลน์" เปิดใจ เอ-อัญชลี หัสดีวิจิตร คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือซิงเกิลมัมคนใหม่ที่กล้าหาญที่จะต่อสู้เพื่อลูกน้อย "เอวี่" วัย 4 เดือน เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมาย
ล่าสุดต้องหอบลูกวัย 4 เดือนออกทำงานที่บริษัททุกวันพร้อมกระเตงไปตามอีเว้นท์ต่างๆ ตามหน้าที่ แต่เธอก็เข้มแข็งและยืนหยัด
"สนุกดีแม้จะเหนื่อย วันๆ วุ่นกับลูก ทุกนาทีมีค่ามากกว่าสมัยก่อน ต้องจัดสรรเวลาให้ลงตัว ไม่มีเวลาคิดให้เรื่อยเปื่อย กิจวัตรมากมายลูก 4 เดือน ดีขึ้น ตี 5 หกโมงตื่น นอนสี่ทุ่ม ยาว ตีห้า มากินนม เล่นคุยแล้วก็กลับไปหลับ ช่วงนี้เอจะปั๊มนม จัดแจงเสื้อผ้าให้เขา ตื่น 9 โมงอาบน้ำ ให้นมเขา เตรียมทำงานที่ออฟฟิศ มีอีเว้นท์ มีน้องๆ แอคเคาน์มารับลูกช่วยเอ มาทำงานก่อน ไปเจอที่งานอีเว้นท์ คนดูเยอะแยะไปหมด เย็นกลับบ้านพร้อมกัน อาบน้ำแล้วก็กล่อมเขาหลับ ตอนนี้เอรู้สึกซึ้งความเป็นแม่ ตอนท้อง รู้สึกเริ่มห่วงใย แม่มีเรา รู้สึกแบบนี้กับเรา ปลาบปลื้มแม่ห่วงใย ทุกนาที คอยห่วง แม่ถึงรักเรามาก"
เอ-อัญชลีเตรียมร้องศาลให้พ่อเอวี่รับรองบุตร
"คำว่าซิงเกิลมัม (Single Mom) เอต้องเข้มแข็ง เวลาจะพูดเรื่องนี้ ไม่อยากร้องไห้นะ
เพราะร้องไปก็ไม่มีใครจะมาช่วยเรา เราต้องช่วยตัวเอง เพื่อนก็ให้กำลังใจ ทำใจ ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แม่ก็มาดูหลานบ้าง แต่แม่มีภาระของเขา น้องสาวยายก็มาอีกแรง แม่มาเสาร์อาทิตย์เป็นหลัก ตอนนี้ โย (ยศวดี หัสดีวิจิตร) มาช่วยเหมือนกัน แต่โยเขาเหมือนผู้ชาย โยก็จะดูอย่างเดียว แต่ไม่ได้ป้อนนม กล่อมลูก โยก็บอกว่าเขาต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหารายได้มาช่วยหลาน"
สำหรับกรณีที่จะร้องศาลเพื่อให้บิดารับรองบุตรนั้น เธอบอกว่ายังมีความคิดนี้อยู่
"ทุกวันนี้พูดกับลูก แม่รักลูก อยู่กับแม่ พ่อมีเหตุจำเป็น วันหนึ่งเขาจะเข้าใจ แม่เล่าให้ฟัง ไม่พูดเรื่องพ่อที่ทิ้งไป แต่ถ้าวันหนึ่งเขาถาม พ่อเป็นใคร เอก็ต้องบอก แต่ตอนนี้แบบว่าเขาไม่มารับรองบุตร อนาคตมันลำบาก ติดตัวเด็กไปจนโต ก็สงสารลูกในใบเกิดเขียนว่าไม่ปรากฏชื่อบิดา ก็เศร้ามาก ไม่รู้จะพูดยังไง แต่วันหนึ่งต้องบอกพ่อเขาคือใคร โยเขาอยากฟ้องร้อง เราก็คิดว่าอะไรที่ทำได้ก็ควรทำเพื่อเด็ก โดยใช้กฎหมายมาตัดสิน เอก็พยายามคุยโดยได้ให้ทนายของเอ ติดต่อคุยกับเขา แต่ทางนั้นเขาไม่เคยติดต่อกลับมา เอได้คุยกับทนายบอกว่าอยากให้ลูกเอได้รับความยุติธรรมมากที่สุด ทุกวันนี้ก็รอให้พ่อเขาโทรมาปรึกษา จะมาทิ้งให้ผู้หญิงคนเดียวรับผิดชอบเอว่ามันไม่แฟร์ จริงๆ เขาพร้อมที่จะทำได้ แต่ปัดความรับผิดชอบ จะไปตามหาเขาก็ไม่รู้ตามหาเขาที่ไหน".
เพราะร้องไปก็ไม่มีใครจะมาช่วยเรา เราต้องช่วยตัวเอง เพื่อนก็ให้กำลังใจ ทำใจ ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แม่ก็มาดูหลานบ้าง แต่แม่มีภาระของเขา น้องสาวยายก็มาอีกแรง แม่มาเสาร์อาทิตย์เป็นหลัก ตอนนี้ โย (ยศวดี หัสดีวิจิตร) มาช่วยเหมือนกัน แต่โยเขาเหมือนผู้ชาย โยก็จะดูอย่างเดียว แต่ไม่ได้ป้อนนม กล่อมลูก โยก็บอกว่าเขาต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหารายได้มาช่วยหลาน"
สำหรับกรณีที่จะร้องศาลเพื่อให้บิดารับรองบุตรนั้น เธอบอกว่ายังมีความคิดนี้อยู่
"ทุกวันนี้พูดกับลูก แม่รักลูก อยู่กับแม่ พ่อมีเหตุจำเป็น วันหนึ่งเขาจะเข้าใจ แม่เล่าให้ฟัง ไม่พูดเรื่องพ่อที่ทิ้งไป แต่ถ้าวันหนึ่งเขาถาม พ่อเป็นใคร เอก็ต้องบอก แต่ตอนนี้แบบว่าเขาไม่มารับรองบุตร อนาคตมันลำบาก ติดตัวเด็กไปจนโต ก็สงสารลูกในใบเกิดเขียนว่าไม่ปรากฏชื่อบิดา ก็เศร้ามาก ไม่รู้จะพูดยังไง แต่วันหนึ่งต้องบอกพ่อเขาคือใคร โยเขาอยากฟ้องร้อง เราก็คิดว่าอะไรที่ทำได้ก็ควรทำเพื่อเด็ก โดยใช้กฎหมายมาตัดสิน เอก็พยายามคุยโดยได้ให้ทนายของเอ ติดต่อคุยกับเขา แต่ทางนั้นเขาไม่เคยติดต่อกลับมา เอได้คุยกับทนายบอกว่าอยากให้ลูกเอได้รับความยุติธรรมมากที่สุด ทุกวันนี้ก็รอให้พ่อเขาโทรมาปรึกษา จะมาทิ้งให้ผู้หญิงคนเดียวรับผิดชอบเอว่ามันไม่แฟร์ จริงๆ เขาพร้อมที่จะทำได้ แต่ปัดความรับผิดชอบ จะไปตามหาเขาก็ไม่รู้ตามหาเขาที่ไหน".
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
https://www.facebook.com/teeneedotcom