- คบกันจนตัดสินใจแต่งงาน?
เมจิ - "แต่งงานตอนปี 2549 ตอนนั้นเมจิอายุ 28 ปี เป็นอะไรที่พร้อม เพราะคิดมาตั้งแต่อายุ 27 แล้วว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ดี วางแผนและเริ่มมองอะไรเยอะขึ้นเพื่อเป็นรากฐานของเรา มองเผื่อมีลูกด้วย เรื่องบ้านเรื่องที่อยู่ คุยกันตั้งแต่อายุ 27 จากนั้นก็ไปซื้อบ้าน แยกกันมาอยู่ 2 คน คิดไว้ถึงเผื่อมีลูกเลยเลือกบ้านที่มีพื้นที่เยอะหน่อย พอทุกอย่างลงตัวเราก็ตัดสินใจแต่งงาน"
- หลังแต่งงานเป็นอย่างที่คิดไว้ไหม?เมจิ - "สเต็ปแรกผ่านหมด บ้าน ธุรกิจ หน้าที่การงาน
การดำเนินชีวิตคู่ในช่วงแรกๆ เป็นไปตามที่คิด"
- ฟังดูชีวิตก็แฮปปี้ดี อะไรคือจุดเปลี่ยน?
เมจิ - "มีความรู้สึกที่ว่าเปลี่ยน มีอะไรที่แทรกเข้ามาชนิดที่ไม่น่าเกิดขึ้น เลยเริ่มรู้สึกว่าชีวิตเริ่มสั่นคลอน ตอนแรกเริ่มสั่นคลอน จากเรา 2 คนก่อน
ด้วยความที่เริ่มทำงานมากขึ้นเลยเริ่มจากการเครียดทั้งคู่ กลับบ้านมาก็ปะทะกันเหวี่ยงกันไปมาจนหาจุดจบไม่ได้ และปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเล็กๆ ที่รวมๆ กันจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทะเลาะกันได้แม้กระทั่งเรื่องพื้นบ้าน"
- รวมถึงเรื่องที่เป็นข่าว (มีมือที่สาม) ด้วยหรือเปล่า?เมจิ - "เรื่องนั้นก็มีเข้ามาบ้าง เลยทำให้ต้องแก้ เ
มจิไม่ได้มองว่าเรื่องนั้นเขาผิดทั้งหมด เราต้องมองด้วยว่าเราผิดพลาดอะไรหรือเปล่า ถึงทำให้เกิดขึ้นลักษณะแบบนี้ ก็มานั่งคุยกันว่าเราต้องเป็นแบบไหนอยู่ในสภาพนี้ต้องทำอะไรสักอย่าง"
- เพราะไม่มีลูกเลยกลายเป็นปัญหาไหม?
เมจิ - "เคยคิดนะ
แต่คุยกันแล้วมันไม่ใช่ปัญหาตรงนั้น เราทำงานกันทั้งคู่ ถ้ายังไม่ลง ตัวแล้วเกิดมีลูกขึ้นมาอีกคนต้องเหนื่อยมาก เคยคุยกันในบางจังหวะไม่มีลูกก็ได้ แต่อีกสักแว้บมีอารมณ์แบบว่าเพื่อนๆ เริ่มมีลูกกัน ก็เห็นถึงความน่ารักของเด็ก เราทั้งคู่ไม่ได้มีอะไรตายตัว ดูจังหวะมันมาเดี๋ยวคำตอบจะบอกเองมากกว่า"
- เคยคิดไหมถ้ามีลูกสถานการณ์จะไม่เป็นแบบนี้?เมจิ - "เคยคิดว่าการมีลูกเป็นสิ่งที่ดีจะได้มาเติมเต็มให้ครอบครัว แต่คงไม่ได้เอาลูกมาดึงดูดอะไรบางอย่างให้เขากลับมา
เมจิมองว่าถ้าเขาจะเปลี่ยนอะไรไปคงไม่ใช่เพราะลูก แต่คงเป็นที่ตัวคนมากกว่า"
- ก่อนตัดสินใจเลิกได้ปรึกษาคุณแม่บ้างหรือเปล่า?เมจิ - "ไม่ค่ะ เมจิรอให้ทุกอย่างจบก่อนแล้วค่อยไปเล่าให้ฟัง เพราะคุณแม่ค่อนข้างปล่อย แล้วเขามั่นใจการทำงานและวิธีการดำเนินชีวิตของเมจิ เขามั่นใจว่าเมจิเป็นคนที่สามารถแก้ไขปัญหาชีวิตตัวเองได้ เขาเลยมั่นใจว่าชีวิตคู่ไม่น่าใช่ปัญหาอะไร คุณแม่บอกถ้ามาในลักษณะแบบนี้แล้วเป็นสิ่งที่ทำให้มีความสุขทั้งคู่ก็ทำไปเถอะ"
- เคยลองคุยกับแมนจริงจังก่อนตัดสินใจไหม?เมจิ - "เคยลองรีเซ็ตกันแล้วเหมือนฝืน 10 ปีคบกันนานมากจนน่าจะมีจุดๆ นึงที่ทำให้รู้สึกเหมือนพี่น้อง
อย่างเขาจะไปไหน ทำอะไรเราไม่ค่อยหึง ไม่ค่อยโทร.ตาม เลยมองว่าจุดนี้น่าจะมีส่วนทำ ให้เราไม่ได้รู้สึกเหมือนสามีภรรยา ที่ไม่ตามส่วนนึงเพราะไว้ใจ ประกอบกับเราเป็นคนไม่หึง"
- วินาทีที่ตัดสินใจแยกทางกัน?เมจิ - "วันนั้นรอเขาตื่นขึ้นมา ก็นั่งคุยกันสบายๆ
เหมือนในใจเรารู้สึกกันทั้งคู่แต่ไม่มีใครพูดก่อน เหมือนเขาก็รู้สึกแต่เขาคงไม่ใช่เป็นฝ่ายพูดก่อนแน่นอน เขารอให้เมจิพูด เราก็บอกว่า
"เราแยกทางกัน" ก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็โอเค บอกว่าถ้าตรงนั้นเป็นความสุขที่จะเกิดขึ้นของทั้งคู่ เขาก็ยินดี ก็คุยกันว่าเรายังมีมิตรภาพเหมือนเดิม สิ่งที่เราเคยทำผิดอะไรก็อโหสิกรรมให้"
"ที่ผ่านมาเหมือนเป็นคลื่นใต้น้ำมีปัญหาอะไรเก็บไว้ไม่พูด คิดแต่ว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี พอเก็บๆ ไว้จนรื้อออกมาพูดไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงเลยกลายเป็น
ปัญหา ที่ไม่พูดเพราะเราให้อภัย เราปล่อยวางเพราะเข้าใจ แต่จริงๆ มันต้องเคลียร์ถึงจะเข้าใจกันได้"
- แล้วบ้านที่เคยอยู่ด้วยกัน?เมจิ - "เมจิไปตัวเปล่าก็ต้องเดินออกมาตัวเปล่า ยอมรับในสิ่งที่เป็น เมจิยังมีมือ มีเท้า ไม่ได้เรียกร้องอะไร ถ้าวันนึงเขาจะเอาใคร เข้ามาอยู่
ตอนย้ายเสื้อผ้าออกมาก็นั่งมองรูปชุดแต่งงาน มันเลยจุดเสียใจมาแล้ว ทุกวันนี้เราจะมองและคิดอะไรไปข้างหน้า เพราะถ้าเราคิดแต่เรื่องความเสียใจก็เท่ากับดึงตัวเองให้ทรุด บางทีทรุดถึงขนาดไม่มีแรงจะกินข้าว ก็มานั่งคิดว่าเราจะเป็นอย่างนี้อีกนานแค่ไหน
พอแล้ว ต้องลุกขึ้นสู้หาคุณค่าของตัวเองให้เจอ นึกถึงความดีที่เราเคยทำตรงนี้ทำให้เป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้เราลุกขึ้นยืนได้"
"ธรรมะช่วยได้เยอะมาก บางทีตอนเศร้าเราก็ดึงธรรมะเข้ามามอง ถ้ามองให้ก้าวหน้าก็จะให้เราก้าวหน้า ถ้ามัวแต่คิดย้อนหลังเหมือนเราเดินถอยหลัง"
- เข็ดกับความรักไหม?เมจิ - "ไม่เรียกว่าเข็ดดีกว่า ยังคงมองว่าความรักเป็นเรื่องที่ดี
เมจิเปิดรับทุกอย่างในสิ่งที่ดีๆ เข้ามาในชีวิต มองชีวิตคู่ในอดีตถึงสิ่งที่ตัวเองผิดพลาดอะไรบ้าง ทำอะไรไม่ดี มีอะไรต้องแก้ไข"
- รู้สึกอย่างไรที่ต้องเป็น "ม่าย"?เมจิ - "ไม่เป็นไร อย่างน้อยรู้สึกว่าเป็นคำที่มีเกียรติ อย่างน้อยเราก็ได้มีพิธีแต่งงานมา เราได้รีบเกียรติจากผู้ชายคนนึงที่อยู่กับเรา น่าจะเป็นรางวัลที่ดีที่ผู้หญิงคนนึงควรจะได้รับ ถึงแม้ว่ารางวัลอันนั้นจะไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป"
- มีสิ่งที่อยากจะบอกไหม?เมจิ - "อยากบอกว่าที่ทุกคนมองว่าคู่เมจิ กับพี่แมนเป็นคู่ตัวอย่างที่ดี จริงๆ เรา 2 คนได้ทำอย่างนั้นไปแล้ว เราประ คองกันมา
และขอโทษทุกคนที่ทำให้ผิดหวัง ณ วันนี้ถึงแม้เราจะแยกทางกันแต่เราก็เป็นคู่ที่ดีได้ เป็นพี่น้องกันได้ ขอบ คุณประชาชนที่ให้กำลังใจเราทั้งคู่ จริงๆ ไม่อยากโทษใครเพราะชีวิตคู่ไม่มีใครถูกไม่มีใครผิด เปรียบเทียบว่าชีวิตคู่เหมือนเปิดห้องรับแขกให้คนเข้ามา แต่เราไม่ได้เปิดห้องนอนให้เขาดู เพราะฉะนั้นอย่ามาโทษทางฝั่งพี่แมนผิดฝ่ายเดียว ชีวิตคู่เป็นเรื่องปกติ ถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ต้องแยกกัน"
- ชีวิตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร?เมจิ - "ก็อยากจะกลับมารับงานในวงการบันเทิง แต่จะกลับมาได้หรือไม่อยู่ที่คนให้โอกาสมากกว่า อยากจะบอกผ่าน "ข่าวสด" ว่าเมจิอยากกลับเข้ามาทำงานในวงการค่ะ"
- อยากฝากอะไรถึงแมนไหม?เมจิ - "อยากให้พี่แมนเป็นตัวของตัวเองเหมือนเดิม ใช้สติปัญญาที่เคยฝึกเคยปฏิบัติธรรมกันมา มาใช้ในชีวิตจริง
สิ่งที่พี่แมนฝันอะไรก็ขอให้ไปให้ถึง ทำให้ประสบความสำเร็จ และขออวยพรให้พี่แมนจะคิดจะทำอะไรขอให้มีความเจริญก้าวหน้าในทุกอย่าง พบเจอใครก็ขอให้พบเจอแต่คนที่ดี จริงใจ ทำให้พี่แมนมีความสุข"
ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แค่ปรารถนาดีต่อกันก็เพียงพอแล้ว
https://www.facebook.com/teeneedotcom