เย้ ๆ น้องฝ้าย เจอพ่อของลูกแล้ว

พ่อตัวจริงของลูกน้องฝ้ายคู่กรณีแด๊ก บิ๊กแอส โผล่แล้ว

เป็นคนนอกวงการ ยอมรับพร้อมให้เงินเลี้ยงดูลูกเดือนละ 1 หมื่นบาท น้องฝ้ายยันเป็นตัวจริง ตอนนี้ขอทำงานพริตตี้หาเงินเลี้ยงลูกอีกทางด้วย ขณะที่เรื่องคดีศาลนัดพร้อมคดีอีกครั้ง 25 ก.ย. หลังที่พบเอกสารของจำเลยไม่พร้อม แม่น้องฝ้ายโผล่มาเป็นโจทก์ร่วม ศาลเตือนนัดครั้งหน้าให้เตรียมเอกสารให้สมบูรณ์ ส่วนแด๊ก ไม่ขอพูดอะไรให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

ที่ห้องพิจารณาคดี 612 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 11 ก.ย.

ศาลนัดแถลงเปิดคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนาย เอกรัตน์ วงศ์ฉลาด หรือ แด๊ก บิ๊กแอส นักร้องนำของวงร็อกชื่อดัง ค่ายแกรมมี่ เป็นจำเลยในความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย และพาบุคคลเกินกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้นั้นยินยอม โดยวันนี้ นายปรีชา ณ เชียงใหม่ ทนายความของมารดาน้องฝ้าย (นามสมมุติ) ผู้เสียหายในคดี ได้ยื่นคำร้องขอให้มารดาน้อง ฝ้าย เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดี ศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้

โดยศาลสอบถามคู่ความว่าจะนำพยานเข้าสืบอย่างไร

แต่ฝ่ายจำเลยแถลงต่อศาลว่ายังไม่พร้อมเรื่องเอกสาร ขอให้ศาลเลื่อนนัดแถลงเปิดคดีออกไปก่อน ศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้เลื่อนการแถลงเปิดคดีออกไปเป็นวันที่ 25 ก.ย.นี้ และได้กำชับทั้งฝ่ายโจทก์-จำเลยว่าให้เตรียมพยานเอกสารที่จะนำมาแถลงให้ครบถ้วนด้วย

หลังการพิจารณาคดี แด๊ก บิ๊กแอส

ซึ่งมาในชุดเสื้อยืดคอปกสีเหลือง กางเกงสแลกสีดำ รองเท้าหนังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนสั้น ๆ ว่า ตอนนี้ขอให้เป็นเรื่องของศาลที่ดำเนินไปตาม กระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ตนจะไม่ขอเปิดเผยอะไรทั้งนั้น ส่วนเรื่องของน้องฝ้ายก็เพิ่งจะคุยกันในวันนี้ หลังจากที่ไม่ได้คุยกันเลย แต่ก็แค่ทักทายกันธรรมดา ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ

ด้านน้องฝ้าย

ซึ่งมาในชุดเสื้อยืดรัด รูปสีเขียว กางเกงยีนสีเทา รองเท้าผ้าใบ สวม หมวกสีขาวเดินทางมากับมารดา ได้เปิดเผยว่า เรื่องพี่แด๊ก ตอนนี้ขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนายความและผู้ใหญ่ วันนี้ตนและพี่แด๊กได้มีโอกาสคุยกันในห้องพิจารณา ซึ่งเป็นเพียงการทักทายกันธรรมดา เรื่องลูกนั้นตอนนี้โตขึ้นมากหนักถึง 10 กิโลกรัม กำลังน่ารัก เพราะเริ่มหัด พูด สำหรับเรื่องพ่อของลูกนั้นตอนนี้ยอมรับว่าเจอพ่อของลูกแล้ว เป็นคนนอกวงการ โดยทางพ่อของลูกได้ให้เงินค่าเลี้ยงดูเดือนละ 1 หมื่นบาท อย่างไรก็ตามตนก็จะทำงานหาเงินเลี้ยงดูลูกอีกทางหนึ่งด้วย โดยจะทำงานเป็นพริตตี้ของสินค้าต่าง ๆ แล้วแต่ใครจะว่าจ้าง.

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์เดลี่นิวส์