นาธาน โอมาน เค้าคือ คนลวงโลก?

หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย นาธาน โอมาน เค้าคือ คนลวงโลก?

รูปที่นาธานใช้อ้างว่าอยู่ในหนังเรื่อง THE PRINCE OF RED SHOE

เรียกว่าอยู่ในช่วงมรสุมรุมกระหน่ำซัมเมอร์เซลเลยทีเดียว สำหรับ อดีตนักร้องหนุ่ม ค่ายRS นาธาน โอมาน เพราะหลังจาก ถูกชาวไซเบอร์ ตั้งข้อสังเกตุเกี่ยวกับ หนังฮอลลีวูดส์ เรื่อง THE PRINCE OF RED SHOE ที่เจ้าตัว เคยออกมาให้ข่าวว่าได้ไปเข้าฉากถ่ายทำคู่กับสองดารานำระดับโลก อย่าง บรู๊ซ วิลลิซ และ คริสติน่า ริชชี่ ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่า หนุ่ม นาธาน ได้ไปเล่น หนังฮอลลี่วู๊ด เรื่องดังกล่าวจริงรึเปล่า และ หนังเรื่องนี้มีตัวตนจริงๆหรือแค่ถูกนาธาน อุปโหลกขึ้นมาเท่านั้น ....

นอกจากเรื่องหนังที่ยังเป็นประเด็นให้ถกกันไม่จบแล้ว ก็ยังมีคดีอีกหลายคดีที่รอให้ อดีตนักร้องหนุ่มคอยแก้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โกงเงินหุ้นส่วนร้าน jamaree yak cafe gallery พระราม 9 ที่มีข่าวว่าตัวหนุ่ม นาธาน ได้ร่วมหุ้นเปิดกับหุ้นส่วนอีกหลายคนรวมถึง ดีเจ เจเจ แห่งคลื่นวิทยุดัง เวอร์จิ้น ฮิต เรดิโอ ซึ่งหนุ่มนาธานก็ปฏิเสธว่าตัวของเค้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดใดกับร้านนี้แต่อย่างใดเป็นเพียงแค่ พีอาร์ที่รับหน้าที่ประชาสัมพันธ์ร้านเท่านั้นพร้อมนำหลักฐาน สลิปบัตรเครดิต มายืนยันว่าได้จ่ายค่าเช่าบ้านทั้งหมดแล้ว และไม่ได้โกงเงินใคร ก่อนจะชี้แจงเรื่องเงิน 76,000 บาท ที่ ดีเจเจเจ อ้างว่ายึดไปจากลูกค้าร้านเป็นค่ามัดจำไปทัวร์เนปาลกับบริษัท โอมานีทัวร์ จำกัด ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดและมีการเคลียร์เงินกันไปแล้ว พร้อมโชว์พาสปอร์ตยืนยันไม่ได้เป็นคนต่างด้าว และเตรียมรวบรวมหลักฐานฟ้องกลับกลับดีเจเจเจ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วย

ซึ่งทั้งหมดนั้นขัดแย้งกับคำให้สัมภาษณ์ของ ดีเจ เจเจที่บอกว่า
“ตอนนี้เรื่องของคดีทัวร์จบแล้ว เพราะได้มีการนำเงินมาคืนให้แล้ว โดยใครก็ไม่ทราบ แต่เรื่องของร้าน จามารี แยค คาเฟ่ ยังไม่เคลียร์เลย เพราะว่า ณ วันนี้ที่นัดมาดูเอกสาร แต่ตัวเขาไม่ได้มาเอง เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ได้เจอทางฝั่งเขาเลย เรามารอเพื่อหวังจะได้เจอ แต่ก็ไม่ได้เจอ เพราะฉะนั้นอันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร”

       “แต่เมื่อกี้ได้ไปปรึกษาท่านผู้กำกับทางสน.หัวหมาก ท่านก็บอกว่าดูรูปคดีแล้ว เรื่องราวและเอกสารทั้งหมดแล้ว ท่านก็บอกว่าให้ออกหมายเรียกแล้วก็เป็นหมายจับได้เลย เพราะว่ามีผู้เสียหายแสดงตัวอีกค่อนข้างจะเยอะ ปัญหาก็คือว่าเขามีการยืดเยื้อเวลาของเรื่องร้าน จามารีฯ ไป เพื่อที่จะให้มันหมดอายุความ อีกแค่เดือนเดียวก็จะหมดอายุความแล้ว"

       "ถ้าเป็นอย่างนั้นเราต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ มันจะเสียเวลามาก แล้วทางร้านเราก็มีปัญหาเรื่องสัญญาเช่า ที่เราต้องรับผิดชอบต่อเจ้าของบ้านด้วย”

       “เขายืนยันเองว่ามีเอกสารการโอนเงิน ที่เขาอ้างอิงเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ซึ่งผู้หมวดสมเจตน์ (ร.ต.อ.สมเจตน์ พลเหลา ตร.ผู้ดูแลคดี) ก็ได้เป็นพยานในห้องไกล่เกลี่ยว่า เขาพูดว่าจะนำสลิปนั้นมาโชว์ และทุกอย่างก็ดำเนินไปตามระบบระเบียบกฎหมายหมด มีการลงบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อย แต่พอมาถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า และไม่มีการพูดเพิ่มเติมด้วยว่า จะได้เจอกันเมื่อไหร่ยังไง”

       “ที่ติดใจก็ตรงเรื่องการติดต่อ ทำไมในเมื่อเขาบอกว่ามีสลิป ทำไมถึงไม่เอามา มันก็ง่ายนิดเดียว ถ้าเขาไม่มีก็ต้องบอกว่า จะทำยังไงต่อ แต่เขาบอกเองว่ามี ผู้หมวดสมเจตน์เลยบอกว่าให้เวลาเขาไปรวบรวมเอกสาร เราก็ตกลงตามนั้น ณ วันนั้นถึงวันนี้เขาน่าจะรวบรวมเอกสารได้แล้ว ถ้าเกิดเขามีเอกสารจริงตามที่อ้างอิง ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก แต่นี่มันกลายเป็นเรื่องที่ต้องคลุมเครือจนถึงวันนี้”

“ตอนที่เราตกลงไปเนปาลด้วยกันกับเขา ในฐานะเป็นตัวแถมของกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ แล้วได้ให้เงินมัดจำไป เราก็ไม่ได้มีการสอบถามอะไรมาก เพราะเราก็คือเพื่อนกัน แต่พอทราบว่าทางทัวร์ใหญ่ยังไม่ได้ตกลงหรือมีการทำสัญญา เราก็เลยขอยกเลิกในส่วนของเรา"

       "แต่พอไม่ได้ถามว่าเสียความรู้สึกกับเขาไปเลยมั้ย คิดว่าจริงๆ มันน่าจะมาคุยกันตั้งแต่แรก เรื่องจะได้ไม่มาถึงขนาดนี้ ต่อไปหลังจากนี้ถ้ามีโอกาสได้เจอเขา ก็สามารถพูดคุยกันได้ แต่เราคิดว่าต่างคนต่างอยู่ดีกว่า”

ดีเจ เจเจ + นาธาน โอมาน

นอกจากสองคดีข้างต้นที่ตกเป็นทอร์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ แล้ว ยังมีเรื่องราวชุลวุนวุ่นวายตามมาอีกเป็นกระบุงโกยไม่ว่าจะเป็น อดีตเรื่องที่ไม่ได้เป็นลูกครึ่งเนปาลจริง แต่มีพ่อเป็นคน พิษณุโลก และไม่ได้มีนับถือ อิสลามอย่างที่เคยให้ข่าว โดยหนุ่มนาธานถูกขุดคุ้ยประวัติ ว่าได้ผ่านการเปลี่ยนชื่อมาแล้ว โดยมีชื่อเดิมว่า ธัญวัฒน์ หยุ่นตระกูล เป็นบุตรชายของ นายธัญญา หยุ่นตระกูล มีเชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ไม่ได้เป็นคนเนปาล ซึ่งปัจจุบันนายธัญญาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งจังหวัดพิษณุโลก โดยเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ยายออง”ยาย แท้ๆของหนุ่ม นาธานได้ออกมาให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า

“เขาเป็นคนนครฯ พ่อแม่เขาอยู่นครฯ คนไทยนี่แหละไม่ใช่คนเนปาล แต่นาธานไปตั้งเอาเองว่ามีพ่อแม่บุญธรรมเอง พ่อเป็นคนไทยแต่นาธานไปทำตัวคล้ายแขกอิสลาม พ่อไทยแม่ไทยแน่ๆ แต่ไปทำคล้ายแขก มันทำเอาเอง”

นอกจากยายออง แล้วก็ยังมีเพื่อนสนิทของหนุ่มนาธาน แสดงตัวออกมายืนยันกันอีกหลายคนเช่น วัญเพ็ญ เพื่อนสนิทสมัยประถม
“เขาไม่ได้เป็นลูกครึ่งพ่อแม่เขาก็เป็นคนไทย นี่แฟนพี่ก็เรียนรุ่นเดียวกันกับเขา ก็ลองไปถามครูที่โรงเรียนดูก็ได้ ตอนนั้นครูจินดาเป็นครูประจำชั้นป.5 ครูสมาพรเป็นครูประจำชั้นป.6 พ่อกับแม่เขาเลิกกันป้าเขาก็เลี้ยงมา แต่เขาดิ้นรนชีวิตตัวเองนะเขาเรียนต่อกรุงเทพฯก็ดิ้นรนเอง ตอนที่จบป.6 ที่ดรุณเขาก็ไปเรียนม. 1 ที่โรงเรียนทุ่งสง เรียนจนถึงม.3 ก็เข้ากรุงเทพ”

และกับคดีล่าสุดที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นโรงพักกันเมื่อวานนี้ เมื่อ นางสาว อรทัย ยิ้มละม้าย วัย 27เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแจ้งจับหนุ่มนาธาน ข้อหาหลอกลวงเรียกเงินเกือบแสนบาท อ้างสามารถฝากเข้าทำงานใน ททท. สุดท้ายไม่เป็นไปตามอ้าง โดยทวงถามขอเงินคืนก็เงียบหายเข้ากรีบเมฆไปเสียเฉยๆ โดยนางสาวอรทัยได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า

“เมื่อประมาณเดือน ต.ค.51 รู้จักกับนาธาน หลังจากที่คุยกันถูกคอ นาธาน ทราบว่า ต้องการจะทำงานที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ฝ่ายการพัฒนาเศรษฐกิจต่างประเทศ นาธานจึงเสนอว่า รู้จักกับทางเลขาหน้าห้องผู้ใหญ่ชื่อ "รจนา" สามารถฝากเข้าทำงานได้ 100% แต่จะต้องมีค่าดำเนินการ ด้วยความที่อยากทำงาน จึงยินยอมที่จะจ่ายเงิน โดยตกลงกันว่าจ่ายเป็น 2 งวด งวดแรกจ่ายไป 69,000 บาท งวดที่ 2 จ่ายเพิ่มอีก 9,000 กว่าบาท รวมเป็นเงิน 78,780 บาท โดยมีการออกใบเสร็จให้ ประทับตราของ ททท.ที่ด้านบนของใบเสร็จด้วย แต่ระบุเงิน 75,600 บาท นาธานบอกว่าทาง ททท. ออกมาให้แค่นี้ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเพราะเห็นว่าสนิทกัน”

"ต่อมาเดือนเม.ย.ที่ผ่าน มา หลังไปเข้าสอบเพื่อทำงานที่หน่วยงานดังกล่าว แต่เมื่อผลสอบออกมาว่าไม่มีชื่อติด จึงโทรศัพท์ไปหานาธานหลายครั้ง แต่ละครั้งเขาก็จะบอกว่าอยู่ต่างประเทศ อาทิ เดนมาร์ก นอร์เวย์ และก็แถบดูไบ กำลังถ่ายหนังอยู่ และบอกว่าจะนำเงินมาคืนให้ แต่ผ่านไปนานเขาก็ยังไม่คืนเงินและก็ผัดผ่อนมาตลอด โดยให้เหตุผลว่าต้องไปเอาเงินที่สำนักงาน ททท. เพื่อเอามาคืน จนเมื่อ 2-3 วันก่อนเขาบอกว่าเขาอยู่กรุงเทพฯ และจะคืนเงินให้แบบครบทุกบาททุกสตางค์ไม่เกินสิ้นเดือน ก.ย.นี้ แต่ไม่อยากเชื่อเพราะเขาบอกแบบนี้มาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้รับเงินคืน"

สาวคู่กรณี

ไม่รู้ว่าเรื่องราวนับจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป แต่ที่แน่ๆ จากเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา สังคมคงอยากได้คำตอบจากผู้ชายคนนี้ ‘นาธาน โอมาน’ ว่าเค้าคือคนลวงโลกจริงๆ หรือ?....