ไผ่วันพอยท์ฟ้องแพ่งรายการคันปาก50ล้าน

วันนี้ (21 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลแพ่ง นายไผ่ ลิกค์ หรือไผ่ วันพ้อยท์

มอบอำนาจให้นายสนั่น วาริทสวัสดิ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด หรือช่อง 7 สี,  นายเชษฐวุฒิ หรือบ๊วย วัชรคุณ  กับ น.ส.พรทิพย์ หรือเอ๋ วงศ์กิจจานนท์ สองพิธีกรจากรายการคันปาก เป็นจำเลยที่1ถึง 3 ฐานละเมิด โดยเรียกค่าเสียหาย50ล้านบาท โดยไผ่ วันพอยท์ ฝ่ายโจทก์  ได้ยื่นฟ้องว่า โจทก์เป็นทายาทของนายเรืองวิทย์ ลิกค์ อดีตส.ส.กำแพงเพชร9สมัย เคยเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง บิดาโจทก์มีธุรกิจโม่หินและธุรกิจที่ดิน 

ส่วนโจทก์เป็นผู้ช่วย ส.ส. และเป็นข้าราชการทางการเมืองตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

จึงเป็นบุคคลมีชื่อเสียง และยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้โจทก์ยังเป็นนักแข่งรถที่ประชาชนรู้จักในนามไผ่ วันพ้อยท์ และเมื่อวันที่  22 พ.ค. 2552 จำเลยที่ 2, 3 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ทำหน้าที่พิธีกรรายการคันปาก ได้กระทำในทางที่จ้างของจำเลยที่ 1 โดยข้อความที่กล่าวอ้างในรายการเป็นการฝ่าฝืนความจริง ต่อมาวันที่ 27พ.ค. 2552 จำเลยที่ 3 ได้กล่าวอ้างเกี่ยวกับข่าวนี้อีกครั้ง 

ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นการสร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงเกียรติคุณ ทำให้กระทบต่อวงศ์ตระกูล เป็นเหตุให้สูญเสียคะแนนนิยม

 กระทบต่อการลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยหน้า ทั้งที่โจทก์ไม่เคยชวน น.ส.หยาดทิพย์ ราชปาล หรือหยาด ไปค้างอยู่ด้วยกันหรือไปเสพยากัน ซึ่งจำเลยได้กล่าวในรายการโดยไม่เคยตรวจสอบข่าว และได้นำข้อมูลมาจากรายการวิทยุคลื่นหนึ่งซึ่งไม่ได้ระบุชื่อบุคคลใดโดยเฉพาะ โจทก์จึงนำความไปฟ้องคดีอาญาต่อศาลอาญาแล้ว ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงสร้างความเสียหายแก่โจทก์ทางครอบครัว ทางการเมือง และทางธุรกิจ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ชี้แจงข้อเท็จจริง จึงฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน  50 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง และขอให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับเป็นเวลา 7 วัน

นายสนั่น วาริทสวัสดิ์ ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์และนายสาคร ศิริชัย ทนายความ ร่วมกันแถลงข่าวว่า

ก่อนหน้านี้เคยฟ้องคดีอาญาไปแล้วเพื่อลองดูว่าเขาจะออกมาขอโทษหรือแก้ไขข่าว แต่เวลาผ่านไป1เดือนแล้วก็ยังเพิกเฉย จึงมาฟ้องแพ่ง การฟ้องคดีนี้จะมีการขอแผ่นซีดีบันทึกภาพและเสียงการออกอากาศรายการคันปากมาเสนอศาล โดยจะมีหยาด, ดีเจปอ-วรฐก์ ปิฎกานนท์ และดีเจนุ้ย-ธนวัฒน  ประสิทธิสมพร  มาเป็นพยานให้ด้วย รวมพยานทั้งสิ้น10ปาก