นัท-มีเรีย มองตัวเองว่า ไม่ใช่คนเพอร์เฟค ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง

นัท-มีเรีย มองตัวเองว่า ไม่ใช่คนเพอร์เฟค ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง

‘นัท มีเรีย เบนเนเดตตี้’ ลูกครึ่ง ไทย-สวิส-อิตาเลียน (คุณพ่อเป็นลูกครึ่งสวิส-อิตาเลียน ส่วนคุณแม่เป็นคนไทย) เข้าวงการและมีอัลบั้มแรกเมื่อปี 2539 กับอัลบั้ม ‘Natmyria Benedetti’ มีผลงานภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์มาแล้วมากมาย

ล่า สุดต้องเล่นละครกว่า 30 รอบทั้งร้อง ทั้งแสดง แถมยังใช้กำลังในบางช่วง เช่น สู้กับหมอผี โหนสลิง ฯลฯ อยากรู้ว่าสาวราศีกุมภ์ วัย 34 ปีคนนี้เธอมีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร

“ช่วงนี้กว่าจะเล่นละครเสร็จก็ 4-5 ทุ่ม กลับบ้านกว่าจะล้างหน้า อาบน้ำ สระผม กว่าจะได้นอนก็เกือบตี 2 แต่โชคดีที่ตื่นสายได้ ก็จะตื่นราวๆ 10 โมง แต่ 7 โมง จะตื่นมาดื่มนม 1 แก้วก่อนให้เหมือนกับว่าเราได้ทานอะไรแล้วนอนต่อ " กิจวัตรสำคัญของนัทก่อนจะแปลงร่างมาเป็นนางนาคคนสวย ที่ต้องอาศัยพละกำลังมากมายทั้งร้อง (เพลง) ทั้งหลอก

เวลาพักของเธอ ไม่ได้ยืดยาวไปถึงบ่าย ใกล้เที่ยงเธอต้องตื่นมารับอรุณกับมื้อเที่ยงก่อนจรลีจากบ้านมาโรงละครรัชดา ลัย แต่นั่นยังไม่โหดเท่าวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่เธอต้องตื่นตั้งแต่ 8 โมงเช้า เพราะเล่นละครสองรอบไม่เหมือนวันธรรมดา

ทุกวันนัทจึงต้อง พร้อมด้วยการดื่มน้ำมากๆ เรียกได้ว่าทุกจุดที่ไปสแตนบาย จะมีน้ำ เคล็ดลับก็คือหมั่นจิบน้ำเสมอๆ ระหว่างแสดงจะทำให้ร้องเพลงไพเราะ เสียงใสดุจน้ำค้างยามเช้า ทัพเสริมอีกแรงของการดูแลรักษาสุขภาพก็คือ รับประทานอาหารดี มีประโยชน์

“เวลาที่เรามาทำงาน หรืออยู่ที่กองถ่าย เขาจะมีอาหารอยู่แล้วสองสามอย่าง เราก็ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีกับข้าวอะไรบ้าง แต่นัทก็จะเอามาเองเผื่อไว้ก่อน เช่นทำสลัดมาทานเองบ้าง เอาผักต้มมาบ้างเพราะช่วงนี้แม่เมาท์ (สุดา ชื่นบาน) เขามีน้ำพริกมาด้วย ชื่อว่าน้ำพริกชายชั่ว หรือน้ำพริกแมงดานั่นเอง (หัวเราะ) "

เมนูน้ำพริกชายชั่วของแม่สุดา ชื่นบาน เธอใส่แมงดาแท้เป็นตัว กลายเป็นเมนูเรียกเอ็นไซม์ให้ย่อยอาหารได้อย่างดี แกมกับต้มจืด ผัดหมู ที่เน้นเนื้อให้โปรตีน และแน่นอนว่า มันต้องตบท้ายกันด้วยผักและผลไม้เยอะๆ เพื่อเพิ่มพูนไฟเบอร์

"ไม่ได้ไดเอทค่ะ" เสียนัทอุทธรณ์ขึ้นมาเอง แล้วขยายถ้อยกระทงความด้วยน้ำเสียงใสว่า เธอต้องการให้ได้สารอาหารครบ ผักที่ทานไม่นิยมผัด แต่เน้นต้ม เรายิ่งลงมือเตรียมอาหารเองยิ่งมั่นใจว่าใหม่ สด เสมอ

นัทยังมีอาหาร เสริมอย่างเช่น วิตามินซีวันละ 1,000 หรือ 2,000 กรัม แล้วแต่ มีกระเทียมที่เป็นแคปซูล มีมัลติวิตามินรวมทุกอย่างใน 1 เม็ด แต่ช่วงนี้นัทขอทาน 3 เม็ด เพราะใช้กำลังเยอะ

เธอเตรียมความพร้อม ด้วยการออกกำลังกาย วอร์มอัพ ก่อนเล่นละครทุกรอบ เธอต้องมาถึงโรงละครก่อน เพื่อมายืด กล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายตื่นตัว วอร์มเสียง ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วค่อยไปแต่งตัวเตรียมขึ้นเวที

“เรามาถึงก็จะไปแต่งหน้าคร่าวๆ ก่อน แล้วลงไปวอร์มอัพ แล้วมาแต่งหน้าแต่งตัว สแตนบาย เพราะเราอยู่ดีๆ จะขึ้นมาบนเวทีมันไม่ได้ร่างกายเราต้องวอร์มก่อน มันก็ดีต่อสุขภาพด้วยแหละ"

เธอ ยอมรับว่า ถ้าไม่ได้เล่นละครเวที ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกกำลังกายมากนัก หรือทำน้อยลง แต่พอมาเล่นละครเวที มันเหมือนเป็นระเบียบวินัยที่ต้องทำ และก็เป็นผลดีต่อร่างกายตัวเอง เธอเปรียบว่า "เหมือนอยู่โรงเรียนประจำเลย (หัวเราะ)”

การออกกำลังกายเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อเรียกภูมิคุ้มกันให้ มาเป็นทหารประจำยามต้านไข้หวัดตามฤดูกาล และไข้หวัดใหม่วายร้าย เพราะการแสดงละครมิวสิคัลให้ถึงอารมณ์ต้องอาศัยเสียงร้องจริงผสมคลุกเคล้า กับแอคติ้งเต็มพลัง

“กลัวเป็นหวัดเหมือนกัน เห็นใครไอ จาม เราก็ต้องเลี่ยงเหมือนกัน น้องคนไหนรู้สึกเริ่มเป็นหวัด เขาก็จะมีอะไรมาปิด แต่เราก็ต้องดูแลตัวเอง ติดหวัดเมื่อไหร่เป็นเรื่องแน่นอน การร้องเพลงของเราก็จะไม่มีประสิทธิภาพ คนฟังเขาตั้งใจมาฟังเราร้องเพลงใสๆ แต่ว่าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ในโรงละครมีสโมค มีควัน ถ้าเราไม่ทานผัก ผลไม้ ดื่มน้ำเยอะๆ ไม่ออกกำลังกาย แล้วมาเจอฝุ่นเยอะๆ บนเวที ร่างกายเราก็จะรับไม่ไหวเหมือนกัน ”

นัทเชื่อว่าพอจะรับมือไหว เพราะเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายมาอย่างเต็มที่ ทางด้านจิตใจนัทก็มีการเตรียมพร้อมเช่นกัน เธอเชื่อว่ามนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะกำลังมีความสุขอยู่ หรือพบกับปัญหา ความทุกข์ ทุกคนควรมุ่งหาใฝ่หาธรรมะ ที่จะมาช่วยเติมเต็มความสุขทางด้านจิตใจ ช่วยให้จิตใจคนเราแข็งแรงยิ่งๆ ขึ้น

นัทอ่านหนังสือธรรมะมาตั้งแต่ เด็กๆ อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะว่าคุณแม่ปลูกฝังอยู่แล้ว ให้ชอบไปวัด ทำบุญ พอโตขึ้นมากๆ เริ่มจริงๆ จังๆ ก็สัก 3 ปีที่ผ่านมา

" ปฏิบัติเพื่อส่องตัวเองค่ะ ไปดูตัวเอง ให้ตัวเองไปอยู่ในที่ไม่ต้องสบายมาก ตัดกิเลส ตัวเอง พิจารณาตัวเอง ดูความคิดตัวเอง ชอบนะคะถ้ามีโอกาสก็จะทำเรื่อยๆ " ผู้สวมบทวิญญาณรักอมตะแห่งทุ่งพระโขนง บอก

เธอไปวัดทุกเดือน ไปไหว้พระวัดพระแก้ว วัดโพธิ์ อยู่ใกล้ๆ แถวศิริราชที่คุณแม่อยู่ เวลาไปหาคุณแม่ก็จะไปวัดด้วย เหมือนกิจกรรมยามว่างที่มีความสุข เป็นอีกโลกที่อยู่ซ้อนกับอีกโลกที่เธอทำงาน และใช้ชีวิตอยู่กับสังคม เป้าหมายของเธอคือ เพื่อสร้างสมดุลให้ตัวเอง ไม่ให้เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง

3 ปีที่ผ่านมา นัทไปปฏิบัติธรรมที่ราชบุรี เป็นวัดสายป่า หลวงปู่มั่น การปฏิบัติธรรมของที่นี่ไม่มีกฎข้อจำกัดอะไรมากนัก จะมีกุฏิเล็กๆ 1 กุฏิ เธอเลือกที่จะอยู่คนเดียว ทั้งที่มีให้เลือกแบบอยู่คนเดียวกับอยู่สองคนก็ได้ ไม่มีไฟฟ้า มีแต่เทียนไข และจุดตะเกียง พอมืดไม่มีแสง มีแค่ดาวเต็มท้องฟ้า

"ตก ค่ำ เราก็อยู่กับความมืด ข้างนอกก็จะเป็นป่าหมดเลย เราจะนั่งสมาธิ อ่านหนังสือ หรือทำอะไรก็ได้ เขาจะไม่มีจำกัดเวลาว่า กี่โมงต้องลุกขึ้นมาทำอะไร จริงๆ ต้องรู้อยู่แล้วว่า ตี 4 ต้องลุกขึ้นมาเดินจงกรม เสร็จแล้วไปใส่บาตร…”

หลังจากไปปฏิบัติธรรม แล้ว นัทบอกว่า เธอสามารถละกิเลสบางส่วนไปได้ เช่นเวลาอยู่บ้าน อยู่ในทางโลก อยากทำอะไรก็ทำ ร้อนก็ไปเปิดแอร์ แต่ตอนปฏิบัติธรรมอยู่เหมือนถูกบังคับให้ตัวเองต้องอยู่ให้ได้ในสิ่งแวดล้อม ที่ไม่มีอะไร จึงตัดความอยากหลายๆ อย่างไปได้ อยู่กับธรรมชาติอยู่กับสิ่งที่เป็นความเงียบ ความสงัด ความสงบ แล้วอยู่กับความคิดตัวเอง

แล้วนัทก็รู้ว่าสาเหตุของความทุกข์ก็มาจากความคิดของตัวเองนั่นเอง

“ยัง ได้เรื่องของสมาธิด้วยนะคะ เพราะเราจะมีการจดจ่อ กับสิ่งที่เราทำ ณ ปัจจุบัน เมื่อก่อนนั่งสมาธิไม่ได้ 5 นาทีก็จะลืมตาแล้ว ปวดเมื่อย ค่อยๆ ฝึกไปเรื่อยๆ เหมือนกับสู้กิเลสในตัวเองไป เพิ่มเวลาทีละนิด แล้วก็ระบบหายใจ กำหนด พุธโธ ทำให้ระบบหายใจเราดีขึ้น หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปในร่างกายมากขึ้น เหมือนเป็นการดีท็อกซ์ทั้งร่างกายและจิตใจ”

พลอยให้แนวคิดและอุปนิสัยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จากเมื่อก่อนเป็นคนที่โกรธง่าย หายเร็ว ใจร้อน ก็จะใจเย็นขึ้น ไม่ค่อยโกรธง่ายๆ

“เมื่อ ก่อนไม่ได้ใจร้อนทุกเรื่องนะคะ บางเรื่องคนอื่นเขาร้อนกันแต่เรากลับเย็นก็มี แล้วแต่เหตุการณ์ บางทีเห็นคนอื่นร้อน นัทก็จะเย็น หลังๆ นี้พอไปปฏิบัติเราก็จะปล่อยวางมากขึ้น ไม่ค่อยไปยึดมั่นอะไรมาก ตอนนี้ก็ยังมีตบๆ ตัวเองให้เข้าที่เข้าทางในบางความคิด มองอะไรบวกขึ้น มองอะไรกว้างขึ้น ไม่ค่อยเครียดอะไรกับเรื่องต่างๆ ก่อนหน้านี้ ความเครียด ความคิดของเราทำให้เราทำทุกเรื่องให้ยากไปหมด ทำไมมันยากจัง พอเราเปลี่ยนแค่ความคิดของเรา อะไรก็ดูง่ายขึ้น”

เป็นนักแสดงที่มี ชื่อเสียง ย่อมมีประชาชน ผู้คนมากมายให้ความสนใจ ไม่ว่าทำอะไร พูดอะไรก็จะอยู่ในสายตาผู้คนจำนวนมาก เพราะนัทเองก็มีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยที่รักและคอยให้กำลังใจ

“บาง เรื่อง คนอาจจะมองว่านัทเป็นคนสมบูรณ์แบบ ดูดีไม่ค่อยมีอะไร คือ...บางทีนัทไม่ใช่คนเพอร์เฟคอะไร ก็ยังเป็นคนที่มีรัก โลภ โกรธ หลงเป็นมนุษย์ปุถุชนอยู่ ไม่ได้เป็นคนที่ทำอะไรก็ถูกต้องไปหมดทุกเรื่องหรอกค่ะ"

แต่นัทเลือก ที่จะทำให้มันดีที่สุด และเธออยากจะบอกว่า อย่าคาดหวังในตัวเธอว่าจะต้องดีทุกอย่าง เธอเป็นปถุชนหนึ่ง บางครั้งก็อาจจะมีผิดพลาดกันบ้าง

นัทบอกว่าเคยทุกข์กับความคิดของตัว เองว่าจะต้องเป็นคนดีในสายตาของทุกคน และจำกัดเส้นชีวิตให้กับตัวเองว่า ต้องไม่มีใครมองเธอในแง่ไม่ดีเด็ดขาด ความคิดดังกล่าวทำให้เธอจมอยู่กับความทุกข์ที่ต้องเอาตัวเองไปอยู่ในสายตา ของคนอื่นตลอดเวลา

“เป็นมากเลย บางครั้งทุกข์เหมือนกัน เคยทุกข์เหมือนกัน บางครั้งมันอยากตามใจตัวเองบ้างบางเรื่อง แต่กลัวว่าทำไปแล้วโดนว่า ทำไมนัททำแบบนั้น บางทีก็แคร์มากเกินไป กลัวคนจะไม่เข้าใจ กลัวคนจะรู้สึกไม่ดี ตอนนี้รู้สึกโอเคแล้ว ให้มันเป็นไปทำธรรมชาติดีกว่า"

หลังจากศึกษาธรรมะแล้วทำให้นัทคลี่ คลายความทุกข์ในใจลงได้เยอะ แต่เธอก็อยากฝากถึงคนที่ไม่มีคำว่าทุกข์อยู่ในพจนานุกรมว่า ก็ศึกษาธรรมะได้ เพราะธรรมะเป็นเรื่องของธรรมชาติ เป็นเรื่องที่ไม่เชย ควรเข้ามาศึกษา

นัทเป็นคนเชื่อเรื่องของเวรกรรม ต้องทำบุญเยอะๆ แต่เป็นบุญบริสุทธิ์ที่ไม่หวังผลตอบแทน เป็นการสะสมบารมี และพยายามตัดกิเลส ความอยากในตัว มากกว่าทำบุญแล้วหวังสิ่งตอบแทน

“ตอน นี้ นัทพยายามอยู่กับปัจจุบัน พยายามมีชีวิตที่เข้าใจธรรมชาติให้มากกว่านี้ ประคองตัวเองให้ดี ไม่ให้ไปในทางที่ผิด นัทว่ามันท้าทายตัวเรา สังคมเป็นแบบนี้แต่เราไม่เป็นมันก็ท้าทายแล้วละ สังคมปัจจุบันมีทั้งดีและไม่ดี เป็นอะไรที่ไม่สวยงามเหมือนเมื่อก่อน คนเริ่มรู้สึกว่าธรรมะเชย แต่เดี๋ยวนี้คนก็ไปปฏิบัติธรรมกันเยอะขึ้นนะ แต่บางคนก็หลงผิด ไม่รู้จริงเรื่องธรรมะแล้วนึกว่าตัวเองรู้ กลับหลงทางไปก็มี ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ต้องอยู่ที่ครูบาอาจารย์ด้วย”

เธอคนนี้ยังยึดมั่นจะปฏิบัติธรรมตลอดไป เพื่อชีวิตที่มีความสุข จากภายในจิตใจ และชวนผู้อ่านมาสนใจปฏิบัติธรรมด้วย

ถาม ถึงผลงานอัลบั้มเพลงของนัท มีเรีย เธอว่าหลังละครปิดฉากน่าจะมีผลงานเพลงออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังกันอีก ต่อจากนั้นเธอน่าจะได้เล่นละครโทรทัศน์ เพราะไม่ได้เล่นมานานแล้ว ส่วนบทบาทที่ท้าทายน่าจะเป็นแนวโรแมนติคคอมเมดี้ หรือดรามาก็ได้ แต่สิ่งที่ท้าทายที่สุดตอนนี้ปัจจุบันนี้ก็คือบทของแม่นาคพระโขนง เป็นมิวสิคัลที่มีหลายรส ทั้งสุข เศร้า น่ากลัว ตลก ซาบซึ้งประทับใจ

นัทว่า ถ้าเป็นอาหาร ก็เรียกว่าเป็นรสชาติที่กลมกล่อม ใครที่พลาดชมให้รีบจองบัตรด่วนด้วยนะคะ


ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจค่ะ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์