เริ่มแรกมองภาพวงการบันเทิงอย่างไร
ตอนเข้ามาเริ่มแคสโฆษณา ก็ไม่คิดว่าจะเป็นนักแสดง คิดแค่ว่าถ่ายแค่โฆษณา เพราะวงการบันเทิงมันไกลตัวมาก แค่นั่งดูหนัง ดูทีวี ก็พอแล้ว และตอนแรกก็คิดว่างานแสดงไม่น่าจะยาก แต่พอสัมผัสจริง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กว่าที่คนหนึ่งจะเป็นตัวละครหนึ่งได้ ที่ไม่ใช่ตัวเขา เขาก็ต้องศึกษามากมาย ไม่ใช่แค่นักแสดง ผู้กำกับก็ต้องกำกับดี มันหลายอย่าง กว่าจะเป็น
ภาพออกมาให้คนดูไม่กี่นาที
ถึงวันนี้ตัดสินใจถูกไหมที่เข้ามาอยู่จุดนี้
ถือว่าตัดสินใจถูก ถ้าไม่เข้ามา ก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับวงการนี้เลย และเราก็ได้ความมั่นใจมากขึ้น ได้มีความรับผิดชอบมากกว่าเด็กทั่วไปที่แค่เรียนก็กลับบ้าน แต่นี่เราได้เพิ่มหน้าที่รับผิดชอบว่าต้องคอยทำอะไรยังไงบ้าง
พอมีชื่อเสียง ก็เริ่มต้องมีข่าว กังวลไหม
ตอนนี้ยังไม่มีอะไร เดี๋ยวต้องรอดูแล้วค่อยว่าอีกที แต้วไม่กลัวว่าจะเป็นข่าว แต่ไม่อยากมีข่าวที่ไม่ค่อยดี แต้วจะค่อนข้างตกใจกับพาดหัวข่าวบางอย่าง บางทีมันดูน่ากลัวมาก หรือไม่ก็คลิป มันดูน่ากลัว อย่างตอนนั้นแต้วทำโทรศัพท์หาย แต่ไม่น่าจะมีอะไร เพราะแต้วไม่เคยถ่ายอะไรแบบนั้น
ต้องระวังตัวมากขึ้นไหม
เป็นดาราก็ระวังตัวประมาณหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับทำให้เสียความเป็นส่วนตัวในชีวิต แค่ทำให้ดูดีในมาตรฐานคนทั่วไป ไม่ใช่ดีเด่นมาก แต่ก็ต้องระวังตัวกว่าคนทั่วไปนิดหนึ่ง
สถาปนิกแต้ว
เป้าหมายก่อนหน้านี้คืออะไร
คงเป็นเรื่องเอนทรานซ์ ก่อนหน้านี้อยากเอนท์ติดคณะสถาปัตย์ให้ได้ เพราะแต้ว อยากเป็นสถาปนิกเหมือนคุณแม่ ซึ่งตอนนี้เป้าหมายนั้นก็ยังอยู่ เพราะพอได้เรียนแล้วก็สนุกดีถึงแม้จะเหนื่อย เป็นอาชีพที่คิดว่าน่าจะเข้ากับเรา
ความรู้สึกที่เอนทรานซ์ติดสถาปัตย์ จุฬาฯ
ดีใจมาก ไม่คิดว่าจะได้ เพราะตอนแรกวัดแววความเป็นสถาปัตย์ แต้วทำข้อสอบไม่ทัน เพราะเป็นคนทำอะไรช้า แต่พอเฉลี่ยๆ รวมๆ คะแนนได้ มันถึง ก็ดีใจมาก เพราะใฝ่ฝันมาแต่เด็ก อยากเป็นอย่างคุณแม่ ใครถามก็บอกอยากเป็นสถาปนิก ก็ดีใจมาก รู้สึกว่ามันน่าสนุก พอมาเรียนก็ได้รับความรู้ใหม่ๆ คิดว่ามันไม่ง่ายอย่างที่เราคิด ยาก แต่เราก็ต้องพยายาม เพราะมันเป็นสิ่งที่เราชอบ ตอนนี้ขึ้นปี 3 อีก 2 ปีถึงจะจบ
https://www.facebook.com/teeneedotcom