อ๋อมเลือดใหม่มาแรง ได้แอนกระตุ้นฝีมือแสดง

เล่นละครเรื่องแรกกับบทร้ายในละคร "เจ้าหญิงลำซิ่ง" ทางช่อง 7 หลังจากนั้นก็มาเล่นรับเชิญให้ละคร "รักซ่อนแค้น"

แต่ที่ทำคนฮือฮาและกล่าวขานถึงนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ "อ๋อม"อรรคพันธ์ นะมาตร์ เห็นจะเป็นละคร "มนต์รักข้าวต้มมัด" ทางช่อง 3 กับบทพระรองแสนซื่อที่ชื่อ "ลายไทย"

และล่าสุดมาโปรยเสน่ห์ให้สาวๆ ได้ฝันถึงกันอีกกับบท "หมวดภัทร" ตำรวจคู่หูของนางเอกในละครเรื่อง "สะใภ้ไกลปืนเที่ยง"

วันนี้จังหวะดี นัดแนะหนุ่มฮอตมาพูดคุย

-ทุกวันนี้ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม?

อ๋อม - "ตอนนี้ยังไม่มากครับ เพราะผมเพิ่งจะเริ่มต้นกับการแสดง ไปไหนก็มีคนมาทักบ้าง แต่ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะชอบไปไหนที่มีคนเยอะๆ อยู่แล้ว เลยไม่ค่อยจะรู้สึกอะไรเท่าไหร่"

-กับงานละครเรื่องแรกเป็นอย่างไรบ้าง?

อ๋อม - "เรื่องแรกที่เล่น เป็นบทตัวร้ายชื่อเจ้าภาสกร ก่อนเล่นผมก็ได้ไปเรียนแอ๊กติ้งก่อน โดยมีอาโย(ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ฯ) เป็นคนสอน ก็รู้แนวว่าจะต้องเล่นยังไงบ้าง แต่พอวันที่ถ่ายจริงๆ โอ้โห...มันตื่นเต้น ทำอะไรไม่ถูกเลย เพราะทฤษฎีกับปฏิบัติมันคนละเรื่องเลย"

"ตอนเรียนเราเล่นคนเดียวก็โอเค แต่พอมาเล่นจริงมันจะมีนักแสดงคนอื่นๆ ที่เป็นมืออาชีพ กล้อง ไฟ ผู้กำกับฯ ทีมงาน ซึ่งตอนเรียนมันไม่มี ที่สำคัญฉากที่เล่นในวันแรกเป็นฉากปล้ำพิ้งกี้(สาวิกา ไชยเดช) ซึ่งก็เพิ่งจะเจอกันแล้วต้องให้ปล้ำเขา แค่เจอหน้าก็เกร็งแล้ว วันนั้นที่ถ่ายนับเทกไม่ถ้วนเลย"

-ความรู้สึกเป็นไง หลังถ่ายไปแล้ว?

อ๋อม - "รู้สึกไม่ดีกับตัวเองมากๆ เพราะเจอปัญหาว่าทำไมเราทำไม่ได้ กดดันตัวเองเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าท้อหรือถอดใจ รู้สึกแต่ว่าต้องสู้ต่อไปเพื่อทำให้ดี ต้องพยายามให้ดีกว่านี้ ศึกษาให้ดีกว่านี้ พอสักพักหนึ่งหลังจากที่เริ่มจะสนิทกับนักแสดงคนอื่นๆ เริ่มจะเข้าใจบทแสดงมากขึ้น เราก็เริ่มผ่อนคลายขึ้น"

-จากนั้นมามีงานละครอะไรอีก?

อ๋อม - "ก็มีไปรับเชิญเรื่อง "รักซ่อนแค้น" 2 ตอน เหมือนเป็นการให้ทดลองสนาม จนมาได้เล่น "มนต์รักข้าวต้มมัด" ซึ่งเรื่องนี้ในส่วนตัวผมรู้สึกว่าความเกร็งน้อยลง แต่ก็มีบ้างที่เกร็งอยู่เพราะนักแสดงคนอื่นๆ ทั้ง ฟิล์ม-รัฐภูมิ แพท-ณปภา พลอย-ชิดจันทร์ เขามืออาชีพ"

"แต่พอทำงานด้วยกันได้รู้จักกันมากขึ้น อีกอย่างวัยก็เท่ากัน ก็เลยเล่นแบบสบายๆ มากขึ้น ทำให้เล่นไปแล้วได้ผลตอบรับกลับมาดีมาก คนรู้จักมากขึ้นเยอะมากๆ โดยคนจะชมว่าเล่นได้น่ารัก เป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่น และก็จะถูกเรียกว่า พี่ลายไทย ซึ่งก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น"

-แล้วกับเรื่องล่าสุด "สะใภ้ไกลปืนเที่ยง" ล่ะ?

อ๋อม - "เรื่องนี้เล่นกับพี่แอน ทองประสม แต่ผมบอกก่อนเลยว่า ละครทั้ง 3 เรื่องคือ เจ้าหญิงลำซิ่ง มนต์รักข้าวต้มมัด และสะใภ้ไกลปืนเที่ยง เป็นละครที่เปิดกล้องและถ่ายพร้อมๆ กัน พัฒนาการในการแสดงของผมจะยังเป็นเหมือนเดิม"

"ซึ่งเรื่องสะใภ้ฯ พอออกอากาศทีหลังคนก็จะมองว่าผมมีประสบการณ์แล้วน่าจะเล่นดีขึ้น แต่จริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้น เพราะทุกเรื่องถ่ายพร้อมกัน แต่เรื่องนี้ที่จะทำให้ผมดูดีขึ้นบ้างก็เพราะมีพี่แอนเข้ามาช่วย"

"อย่างตอนที่กำลังออกอากาศในตอนนี้ เป็นการถ่ายหลังจากที่เล่นมาได้กลางเรื่องแล้ว ถ่ายกันมานานพอสมควรแล้วคุ้นเคยกันแล้ว ซึ่งต้องไปดูฉากประมาณกลางเรื่องที่ถ่าย ตอนเล่นกับพี่แอนครั้งแรกๆ จะเห็นเลยว่าผมเกร็งมากๆ"

-ทำไมเกร็งขนาดนั้น?

อ๋อม - "จะไม่ให้เกร็งได้ยังไงครับ เพราะมันยิ่งกว่าเจอพิ้งกี้เจอฟิล์มอีก พี่เขาคือ แอน ทองประสม นักแสดงระดับแถวหน้าของเมืองไทย เล่นเรื่องไหนดังเรื่องนั้น บารมีมันก็มีอยู่ และที่ผ่านมาที่ผมเล่นกับพิงกี้ ฟิล์ม หรือ แพท ก็เป็นรุ่นเดียวกัน แต่พี่แอน นอกจากจะเป็นรุ่นพี่แล้วเขาก็คือ ซูเปอร์สตาร์ เป็นเจ้าหญิง เป็นทุกอย่าง"

"เชื่อหรือไม่ว่าเข้าฉากกันวันแรก ในแฟลตย่านวัชรพล ซึ่งเป็นฉากแฟลตตำรวจ ผมเตรียมตัวท่องบทมาอย่างดี เป็นซีนอารมณ์ บทจำได้หมด แต่พอเข้าฉากกับพี่แอน ผมลืมบทหมดเลย มันตื่นเต้นมาก"

"ผู้กำกับฯต้องหยุดถ่ายเพราะผมเล่นไม่ได้ และพูดกับผมว่า "ถ้าอ๋อมยังมองว่าคนที่เล่นด้วยคือ แอน ทองประสม ยังไงอ๋อมก็เล่นไม่ได้ อ๋อมต้องมองเขาเป็นผู้หมวดลลิน ตำรวจคู่หูคุณ" หลังจากที่ผมกลับบ้านผมก็ไปนั่งคิด จากนั้นก็กลับมาลองใหม่ โดยตัดความเป็นพี่แอนทิ้งไปเลย ซึ่งมันยากมากๆ เพราะผมมองยังไงหน้าเขาก็คือ แอน ทองประสม ต้องพยายาม ก็ทำได้ในระดับหนึ่ง"

-แอนแนะนำการแสดงอะไรบ้าง?

อ๋อม - "หลายอย่างมากครับ อย่างเช่นว่า ผมเล่นละครผมชอบจะเล่นล่วงหน้า คือผมอ่านบทมา ผมก็จะรู้ว่าผมเล่นแบบนี้แล้วคนที่เล่นต่อจากผมจะเล่นอะไร ผมก็จะแสดงท่าทางออกมาล่วงหน้า ตรงนี้พี่แอนก็จะบอก ซึ่งมันไม่ได้ มันต้องเก็บอาการเหมือนไม่รู้อะไรมาก่อน คนอื่นเล่นเสร็จค่อยรับแอ๊กชั่น ตรงนี้พี่แอนจะเตือน และก็มีอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ผมมีการพัฒนาการแสดงมากขึ้น"

-รู้สึกอย่างไรที่ดูเหมือนผู้ใหญ่กำลังดันให้อ๋อมเป็นนักแสดงแถวหน้า?

อ๋อม - "ถ้าเป็นแบบนั้นจริง มันก็ดีกับผมแหละ แต่ในความรู้สึกผม คือแค่ผู้ใหญ่ให้ผมมีโอกาสแบบนี้ ให้บทไหนก็ได้ที่เห็นว่าเหมาะกับผม ผมก็โอเคแล้ว ซึ่งผู้ใหญ่ก็จะคอยแนะนำและอยากให้ผมพัฒนาการแสดงมากขึ้น ให้ผมดูละครดูหนังเยอะๆ ให้ดูการแสดงของนักแสดงคนอื่นๆ"

"เพราะปัญหาอีกอันที่ผมติดเวลาแสดงคือ ถ้าอารมณ์ผมขึ้น ผมก็จะขึ้นเป็นเส้นตรงเลย ลงก็ลงแบบตรงๆ ผู้ใหญ่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เพราะมันดูไม่นุ่มนวลและไม่มีอารมณ์ตรงกลาง อยากให้ค่อยๆ ซอยอารมณ์เวลาแสดงมันจะได้ละเอียดมากขึ้น"

-มองอนาคตตัวเองในวงการไว้อย่างไรบ้าง?

อ๋อม - "ผมวางเอาไว้ว่าจะทำงานตรงนี้ให้ดีที่สุดและเพื่อจะอยู่ให้นานที่สุด จนไม่มีใครจ้างให้เล่น กับงานวงการบันเทิงทำงานแล้วสนุก ชอบ แต่เหนื่อยนะ ทำงานทุกวัน แต่ก็ถือว่ามันเป็นโอกาสที่ไม่ใช่ใครจะได้ง่ายๆ อย่างผมเรียกว่าส้มหล่นก็คงได้ ทุกวันนี้พยายามทำงานให้ดีที่สุด ให้สมที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสครับ"

ได้ฟังอย่างนี้ ใครบ้างไม่ชื่นใจ

สาวของ"อ๋อม"ต้องไม่ขี้บ่น

แม้เคยถูกเพื่อนล้อที่มีชื่อเหมือนผู้หญิงว่า "อ๋อม" แต่นักแสดงหนุ่ม "อรรคพันธ์ นะมาตร์" ก็ไม่เคยใส่ใจหรือซีเรียส และไม่เคยคิดถามพ่อกับแม่ถึงความหมายของชื่อเล่น

"อ๋อม" เกิดและเติบโตที่กรุงเทพฯ โดยมีพ่อเป็นข้าราชการ ส่วนแม่ทำงานธนาคาร เขามีน้องสาวหนึ่งคนที่ตอนนี้ไปเรียนต่อโทที่อเมริกา

ชีวิตวัยเด็กเรียบง่าย แต่มีซนและเกเรบ้าง ส่วนแววการเป็นนักแสดงนั้น เจ้าตัวว่า ไม่มีเลยและไม่เคยคิดมาก่อน

"ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบงานเบื้องหน้า แต่ไม่เคยคิดว่าจะทำ ตอที่ผมเรียนโฆษณาก็มีการแคสติ้งคนเพื่อไปถ่ายโฆษณา เขาก็มาชวนผม ผมก็ลองดูเล่นๆ แรกๆ ไม่ติด จนต่อมาได้ถ่ายโฆษณาตัวแรกคือคอนโดฯ โนเบิลนาโน ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 4 หลังจากนั้นก็มีตามมาอีกหลายตัว จนผู้ใหญ่ทางโพลีพลัสเห็นเลยเรียกเข้ามาแคสต์ ผมก็ลองดูเพราะมันเป็นโอกาส กระทั่งได้เล่นละครเรื่องแรก เจ้าหญิงลำซิ่ง"

ถามถึงนิสัยส่วนตัว นักแสดงหนุ่มจาระไน "ตัวผมเป็นคนนิ่งๆ อยู่ง่ายกินง่าย ขี้อาย ไม่กล้าพูด แต่หลังๆ มาพูดมากขึ้น เพราะว่าโดยงานต้องตอบคำถาม ต้องอธิบาย แต่ก็ไม่ได้ฝืนความรู้สึกตัวเองครับ"

พอมาเป็นดารา ซึ่งเป็นที่รู้จักแล้ว ถามว่ามีสาวๆ เข้ามาหาเยอะไหม อ๋อมปฏิเสธ "ก็ไม่นะครับ ก็ปกติ"

"ซึ่งเรื่องแฟนตอนนี้ผมยังไม่คิด ผมเองอายุแค่ 24 ยังอยากทำงาน เพราะเพิ่งเริ่มและสนุกกับมัน ตอนนี้ที่คุยๆ กันก็เป็นเพื่อนๆ นอกวงการ ส่วนคนในวงการไม่มีครับ ผมเพิ่งจะเข้ามายังไม่มีใครสนิทขนาดนั้น"

สำหรับเพื่อนๆ ที่คุยกัน นักแสดงหนุ่มกล่าวย้ำไม่มีใครพิเศษ

ส่วนเรื่องแฟน เขายอมรับว่าตัวเองเป็นคนค่อนข้างเลือกมาก ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการเลือก โดยกล่าวว่า

"เพราะผมรู้สึกว่าใครก็ตามที่จะมาเป็นคนที่เรารักและมาเป็นคนที่รักเรา สิ่งสำคัญที่สุดคือความเข้าใจ และอีกเรื่องคือ ต้องไม่จู้จี้ ขี้บ่น ถ้าอย่างนี้ผมจะไม่ชอบเลย เพราะฉะนั้นการจะคบใครเป็นแฟนจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องขอศึกษาดูก่อนว่าเขาเป็นคนอย่างไรครับ"

โสดอย่างนี้ รับรองสาวๆ เข้าคิวสมัครกันเป็นแถว