แหม่ม บอกขี้โกงขี้จุ๊ไปไกล ๆ แต่ผู้ใหญ่อยากให้หยุด

หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย แหม่ม บอกขี้โกงขี้จุ๊ไปไกล ๆ แต่ผู้ใหญ่อยากให้หยุด

ข่าวดาราล่าสุด star.teenee.com
บันเทิงดารา entertain.teenee.com

เรียกได้ว่ากลายเป็นคู่เกาเหลาอีกคู่ไปแล้ว สำหรับดาราสาวคนดัง แหม่ม วิชุดา พินดั้ม และพิธีกรสาว ปราย ธนาอัมพุช หลังจากที่ทั้งคู่มีกรณีเคลียร์เรื่องเงินไม่ลงตัวไปคราวหนึ่งแล้ว ก็มีเรื่อง ส่งก.ก.น.เย้ย เข้าอีกกรณี หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างออกมาเคลียร์ว่าไม่มีอะไร ก็นึกว่าเรื่องจะจบ ที่ไหนได้จู่ ๆ มีคลิปเสียงหลุดออกมาได้เสียนี่ งานนี้เลยมีเคลียร์ยาว

ซึ่งทางด้านดาราสาวเองเคยกล่าวเอาไว้ว่า อยากจะเคลียร์กับคู่กรณีให้มันจบ ๆ ไปเลย แต่สุดท้ายไม่วายเข้าตัวตบมือข้างเดียว เพราะไร้สัญญาณตอบรับใด ๆ จากคู่กรณี แถมงานนี้เจ้าตัวยังโดนสื่อเคือง เพราะมีข่าวออกมาว่า สาวแหม่มบอกว่า "สื่อน้อยไม่ให้สัมภาษณ์" แถมยังหนีหน้าไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นอีกต่างหาก ซึ่งเรื่องนี้สาวแหม่มกล่าวว่า

"ก็เสียใจที่พี่ ๆ น้อง ๆ รู้สึกไม่ดีเอาอย่างนี้ เอาง่าย ๆ เลยนะตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาเกือบทุกคนจะมีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับข่าวเรื่องนี้ พี่แหม่มกล้าพูดได้เลยว่าไม่เคยหนี ให้ความร่วมมือมาตลอด แล้วก็ตอบคำถามในเรื่องจริงมาตลอด

จนมาถึงจุดนึงมีความรู้สึกว่าทุก ๆ คนอยากรู้ว่าเรื่องเป็นยังไง สนใจว่าเรื่องจริงเป็นยังไง แต่น้อยคนที่จะสนใจว่าพี่แหม่มรู้สึกยังไง

เพราะว่าถ้าคนที่สนใจความรู้สึกเราเนี่ย เมื่อเขารู้ว่าเราอึดอัดที่จะพูดเขาจะหยุดถาม ทั้งนี้ทั้งนั้นพี่แหม่มให้ความกระจ่างมาตลอด แต่มันถึงจุดที่มันอิ่มตัวสักที พี่รู้สึกว่าเหมือนพี่ถูกไล่บี้ให้ตอบในเรื่องที่ไม่ได้ทำ พี่ขอโทษนะที่ใช้คำว่าไล่บี้ เพราะรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ในขณะเดียวกันคนที่เขาเป็นผู้กระทำเขากลับไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ แล้วก็แม้แต่พูดความจริงสักครั้งก็ยังไม่เคยในความรู้สึกของพี่ ชีวิตนี้ไม่เคยหนีอะไร มั่นใจว่าตัวเองพูดเรื่องจริงและพิสูจน์ได้"

ทั้งนี้ดาราสาวแหม่มวิชุดา ได้ชีแจงถึงกรณีที่มีคนพูดว่าสาวแหม่มกล่าวว่า "สื่อน้อยไม่ให้สัมภาษณ์" ว่า "ไม่มีทาง จะให้พูดว่าอะไรดี ใช้คำว่าสาบานมันก็ดูตลกไปหน่อย เอาเป็นว่าถ้าเชื่อในสิ่งที่แหม่มพูด พี่แหม่มขอพูดจากใจว่าไม่เคยพูดว่าสื่อเยอะจะให้สัมภาษณ์หรือสื่อน้อยจะไม่ให้สัมภาษณ์ เอางี้มีคนมาถามพี่แหม่มคนเดียว ถ้าอยู่ในสถานภาพที่พร้อมจะตอบก็เล่าให้ฟัง

วันนั้นไม่รู้จริง ๆ เพราะว่าหนึ่งคือวันที่ 6 เป็นวันที่ยื่นเรื่องกับทางช่อง 3 ว่าจะทำกิจกรรมเกี่ยวกับการทักไหมพรม ให้ผู้ป่วยที่ทำครีโม ที่นี้วันนั้นมันเป็นวันของกิจกรรมนั้น แต่ก็เคยออกมาบอกก่อนหน้านั้นแล้วว่ามันมีข่าวมาว่าพี่จะนัดแถลงข่าวหรือนัดเคลียร์กับใคร ก็ออกมาบอกแล้วว่าวันนั้นถ้าไม่ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนั้นก็ขอโทษนะ เพราะว่าไม่ได้ขอเขาไว้

คือบางทีเราขออะไรไว้เราก็ต้องทำแบบนั้น แล้วที่นั่นมันไม่ใช่สถานที่ของเรา จำได้ว่าเคยออกมาพูดครั้งนึง แล้วพอถึงวันนั้นก็ไม่ได้มีโอกาสลงมาข้างล่างเลย แม้แต่หน้าพี่ ๆ น้อง ๆ ที่เป็นสื่อก็ยังไม่เห็นหน้ากันเลยอยู่ข้างบนตลอด"

ซึ่งทางด้านแหม่ม วิชุดา เองก็ไม่กล้าฟันธงว่าที่มีข่าวออกมาว่าเจ้าตัวไม่ให้สัมภาษณ์สื่อนั้น เป็นเพราะมีคนกลั่นแกล้ง เพื่อให้เธอไม่ถูกกับสื่อหรือเปล่า

เพราะเจ้าตัวเองก็เข้าใจว่าภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นแบบไหน ทั้งนี้เจ้าตัวยังกล่าวด้วยว่า ตอนนี้หากรู้สึกอย่างไรก็ไม่อยากจะพูดออกมาแล้ว เพราะยิ่งพูดคนก็จะยิ่งมองว่าเจ้าตัวไม่ยอมจบเรื่องราวเสียที ทั้งที่ในความเป็นจริง สาวแหม่มเธอจบไปนานแล้ว

ทั้งนี้สาวแหม่มได้กล่าวว่า อันที่จริงคนที่ติดตามข่าวสาร หรือรับรู้เรื่องราวมาโดยตลอดน่าจะสามารถแยกแยะออกมาว่า อะไรเป็นอย่างไร

ทั้งนี้เจ้าตัวยอมรับว่าพอจะรู้ตัวว่าเรื่องน่าจะจบอย่างไม่สวยแน่นอน เพราะอย่างแรกใคร ๆ ก็ต้องมองว่า ปัญหามาจากเรื่องผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้สาวแหม่มเองก็คิดว่าน่าจะออกมาแบบนี้ตั้งแต่ทวงตังค์แล้ว ทั้งนี้เจ้าตัวกล่าวด้วยว่าเพราะความเป็นคนที่ไม่ยอมที่จะปล่อยให้คนอื่นมาเอาเปรียบ เรื่องก็เลยไปไกลพร้อมกับบอกว่า เจ้าตัวนั้นแขยงคนอยู่สองประเภทนั่นคือ ขี้โกงกับขี้โกหก สองประเภทนี้รับไม่ได้แล้วก็อยากจะอยู่ไกล ๆ คือไม่ได้กลัวอะไรคือกลัวตัวเอง

และตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นผู้ใหญ่หลาย ๆ ฝ่ายต่างก็ออกความเห็นตรงกันว่า ไม่อยากให้พูดอะไรอีก ให้มันจบ ๆ ไปเสียจะดีกว่า

ซึ่งเจ้าตัวเองคิดว่าการจะจบเรื่องคงลำบากเพราะ เรื่องเกิดจากคนสองคน แต่อีกคนนึงเอาความจริงออกมาพูดอยู่ตลอดเวลา ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ในเมื่อไม่มีใครอยากเคลียร์กับเรา เราจะเคลียร์กับใคร ไม่มีประโยชน์ แต่สาวแหม่มก็ไม่ได้เดือดร้อน หากคู่กรณีจะไม่เคลียร์ เพราะถือว่าเจ้าตัวไม่ได้มีปัญหาอะไร

สุดท้ายนี้สาวแหม่มกล่าวว่า แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะแรง และผู้ใหญ่ได้ให้คำแนะนำมา แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่องานของเธอเลย ทุกอย่างก็ยังปกติดี พร้อมยังย้ำด้วยว่า เธอโตแล้วสามารถแยกแยะเรื่องงาน กับเรื่องส่วนตัวได้ เพราะฉะนั้น ณ ตอนนี้เธอก็ยังยินดีร่วมงานได้กับทุก ๆ คนเหมือนเดิม