หมอกฤษฏ์ แจงฟ้องกลับลิเดีย ไม่ไกล่เกลี่ย

หลังจากนัดไกล่เกลี่ย 2 ครั้งแต่ไม่เป็นผล หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม เลยหมดความอดทนยื่นฟ้อง ลิเดีย-ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา, นางศันสนีย์ วิสุทธิธาดา(คุณแม่ของลิเดีย) และนายแมทธิว ดีน ฉันทวานิช แฟนหนุ่ม โดยเย็นวันนี้ (19 ก.พ. 2552) หมอกฤษฏ์เปิดใจกลางรายการ สยามทูเดย์ ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ถึงเหตุผลที่ต้องฟ้องกลับคู่กรณีทั้ง 3 คนเป็นจำนวนเงินถึง 200 ล้านบาทว่า

ที่ผ่านมา ครอบครัวบอกให้อดทน รอให้เวลาคลี่คลายปัญหาต่างๆ เพราะคิดว่าหลังจากขอโทษผ่านรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย คดีน่าจะจบลง

"แต่ที่ผ่านมาเรื่องไม่ยุติ ยังถูกผลกระทบเรื่อยมา แม้แต่ไปกินข้าวกับครอบครัว เจอคนมาพูดว่ากราบตีนสิ หลังจากถูกคุณแม่ของลิเดียให้กราบเท้าขอโทษกลางงาน หรือไม่ก็จะได้ยินคำว่า หมอกฤษฏ์ 50 ล้าน ผมอยากจะบอกว่ากระแสก่อนหน้าที่ผมจะทำนาย ก็มีข่าวลือออกมาเป็นระลอก ผมไปเปิดดูข่าวเก่าๆ ตั้งแต่ช่วง 31 ก.ค. 2550 แต่ผมทำนาย 1 ธ.ค. 2551 ผ่านมานานผมก็ทำนายตามหลักโหราศาสตร์ ไม่ได้จะกล่าวหา ผมเองก็ไม่ได้อยากมีเรื่องบาดหมางกับใคร สามารถพิสูจน์ได้ วันที่ 21 ม.ค. นัดไกล่เกลี่ยกันครั้งแรก ผมไม่มีทนายไป เพราะก่อนหน้านี้คุณแม่ของลิเดียบอกว่าจะให้อภัย ผมก็พร้อมเลยไม่คิดจะมีทนาย ครอบครัวผมไปกันพร้อม แต่ทางนั้นไม่มีใครมา จนกระทั่งวันที่ 16 ก.พ. ก็หวังว่าจะได้ไกล่เกลี่ยก็ไม่มี ผมเลยไม่รู้จะไกล่เกลี่ยยังไง"

ทำไมต้องฟ้อง 3 คน

“คนที่ได้ดูข่าวตั้งแต่วันที่ 15-19 ธ.ค. จะเห็นคำว่ากราบตีนสิ ถึงผมจะอายุน้อย แต่ศักดิ์ศรีความเป็นคนที่ผมควรมี มีผลต่อการรับงานแน่นอน ปกติไปงานอีเว้นท์ พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็ต้องยกเลิก เพราะเค้าเกลัวจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีก ผมถูกยกเลิกงานไปประมาณ 18-20 งาน”

ได้เช็คดวงตัวเองมั้ย

“กาลเวลาเท่านั้นจะพิสูจน์ว่า คำทำนายของตนแม่นยำแค่ไหน ทั้งนี้ พร้อมไกล่เกลี่ยคดีความกับนักร้องสาวตลอดเวลา” ด้านนายสาคร ศิริชัย ทนายความของหมอกฤษฏ์ เชื่อว่า หมอกฤษฎ์แม่นยำในหลักโหราศาสตร์ หลัง16 ก.พ. เอาหลักฐาน ประมวลกันและยื่นฟ้อง 3 คดี โดยคดีแรก ฟ้องลีเดียและแมทธิวที่ให้สัมภาษณ์เกินกว่าคำที่หมอกฤษฎ์พูด เช่น ใช้คำพูดว่าท้องไม่มีพ่อเด็ก ซึ่งจริงๆ แล้ว หมอกฤษฎ์ไม่ได้พูดเช่นนั้น เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท 2. ฟ้องนางศันสนีย์ ที่ขู่ให้หมอกฤษฎ์กราบเท้า เห็นว่าเป็นการทำลายศักดิ์ศรี เรียกค่าเสียหายอีก 100 ล้านบาท และ 3.ฟ้องนางศันสนีย์ในคดีอาญาที่ศาลแขวงปทุมวัน