ย้อนเส้นทางบันเทิง11ปี ต่อ ธนภพ ดังเปรี้ยงจากMVเพลงนี้เอง
ผลงานปังทุกเรื่องเลยรู้สึกยังไงบ้าง ?
ต่อ : ดีครับ ผมก็เขินๆเพราะว่าส่วนใหญ่ผมรู้ตัวว่าผมเป็นคนที่งานออกมาไม่ได้ถี่เท่ากับพี่ๆคนอื่น ผมอาจจะเป็นคนทำงานช้า ผมชอบรู้สึกว่าทีมไหนที่ได้เราไปหรือเราตัดสินใจว่าเราจะทำงานจากทีมไหนเราอยากให้เขาได้ร่างร้อยเปอร์เซ็นต์ของเราไปแล้วเราก็อาจจะไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ผมมีพรแสวงในการไปถึงเป้าทุกๆบท ถ้าผมมีพรสวรรค์ผมคงรับที 4-5 เรื่องแล้วมันก็คงออกมาดีสุดๆทุกเรื่อง แต่มันก็ไม่ใช่แบบนั้นทุกครั้ง
ตอนนี้เข้าวงการมาทั้งหมดกี่ปี ?
ต่อ : ปีที่ 11 แล้วครับ
เริ่มต้นยังไงกับวงการบันเทิง ?
ต่อ : ผมน่าจะเริ่มจริงๆที่เกี่ยวข้องกับคำว่าบันเทิงน่าจะตอนอายุประมาณ 18 ปลายๆ เกือบ 19 มีโอกาสเข้ามาเป็นนายแบบก่อน ผมจะเดินงานที่ทุกคนน่าจะรู้จักก็คืองาน Bangkok international week หรือ BIFW แล้วก็จะมีงาน Elle Fashion Week ได้ลองหลายอย่างมาก ได้ไปแคสต์โฆษณา ได้ไปลองเป็นดีเจ พิธีกรก็เคยไปลองช่วยพี่ย้งใน 789 Survival มา ผมเป็นคนชอบลอง MV ก็เล่น โฆษณาก็เล่นบ้าง จน MV เปลี่ยนชีวิต เพลงของพี่ดา เอ็นโดรฟิน เพลงถึงเวลาฟัง ซึ่งทีมที่ทำนี้ก็น่าจะเป็น 1 ในทีมที่ทำซีรีส์ Change อยู่ทุกวันนี้
ต่อ : ไม่ใช่ว่าการเล่น MV นี้ทำให้ผมได้เข้านาดาว MV นี้ดันทำให้พี่ย้ง ทรงยศ เจอผมผ่าน MV ไม่ได้เจอตัวจริง ซึ่งซีนที่เขาเคยพูดกับผมว่าเขาชอบคือโดนตบหน้าแล้วหน้ามันสโลว์ หน้ามเป็นคลื่น แล้วหน้าเบี้ยวๆ เขาบอกเขาชอบสิ่งนี้มาก เขาอยากเจอคนนี้ แปลกมากๆ
ผลงานเรื่องแรกที่ร่วมกับนาดาวคือ ?
ต่อ : ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น ซึ่งจริงๆมันๆไม่ใช่การแสดงเรื่องแรกของผมด้วยนะ ผมเคยมีซีรีส์ก่อนหน้า ซึ่งลูกพี่ผมก่อนหน้านี้คือพี่ฉอด จริงๆผมอยู่ในคลับฟรายเดย์ เดอะ ซีรีส์ ซีซั่นแรกเลย ผมอยู่ตอนที่เป็น 3 คู่ โลกกลมมากตอนนั้นมีทั้งพี่มาร์ช มีทั้งเก้า สุภัสสรา ด้วย มันเป้นตอนที่เป็นเด็กวัยรุ่น ลุคแรกที่ผมรู้จักกับทุกๆคนคือเป็นสกินเฮดแล้ว แต่ตอนเล่นคลับฟรายเดย์คือยังมีผมอยู่
ค่อยๆเริ่มที่จะปรับบทบาทในการรับละครไปเรื่อยๆ ตอนนั้นเป็น Side by Side ใช่มั้ย ?
ต่อ : อันนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ชัดๆเลยก็จะเป็น Side by Side
ตอนนั้นทำการบ้านกับบทพี่ยิมใน Side by Side ยังไง ?
ต่อ : หยุดรับงานไปเลย พยายามอยู่กับคาแร็คเตอร์นี้ทำให้มันดีที่สุด ทิ้งคำว่าพระเอกในนามปธรรมที่คนอื่นเข้าใจ ผมขว้างทิ้งเลย บังเอิญระหว่างรีเสิร์ชบทนี้ผมไปเจอจุดที่คอนเนคกับเด็กออทิสติกมากๆ อาจจะเริ่มต้นจากความสงสารแต่สุดท้ายมันกลายเป็นความสวยงามที่เราเห็นว่าทำไมคนอย่างเราไม่เคยสัมผัสเขามาก่อนเราถึงไม่เห็น จนมันเป็นแรงผลักดัน ถ้าซีรีส์เรื่องนี้มันจะช่วยตะโกนออกไปว่าคนเหล่านี้เขาน่าจะอยู่ในสังคมเดียวกันกับเราได้ ถ้าเราเข้าใจเขามากขึ้น แล้วจุดเปลี่ยนเลยคืองานแสดงครั้งแรกที่ผมแสดงจากความเชื่อว่าผมอยากให้ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ผมอยากทำให้คนเข้าใจ
วิธีการทำการบ้านของต่อก็คือ เอาตัวเองไปรีเสิร์ชแล้วก็เอาตัวเองไปเจอเด็กที่เป็นออทิสติกจริงๆด้วย ?
ต่อ : ใช่ครับ เจอตั้งแต่พี่ๆน้องๆที่เป็นออทิสติกจริง พยายามเข้าไปพูดคุยกับพ่อแม่เขา ไปอยู่กับคุณครูที่ดูแลเขา ไปอยู่กับพยาบาลหรือหมอที่คอยอัพเดทอาการเขาในแต่ละช่วงวัน
ต่อ : ด้วยการปลูกฝังของค่ายผมก่อน นาดาว บางกอก ถึงค่ายจะปิดไปแล้วก็ตาม แต่ผมยังรู้สึกเสมอว่าถ้าไม่มีบ้านหลังนี้ ผมจะไม่ได้เติบโตมาเป็นนักแสดงแบบนี้ หรือแม้กระทั่งครูบิว เขาเป็นเหมือนแม่ที่คลอดผมออกมาทางการแสดงและเป็นพื้นฐานทั้งหมดก่อนที่ผมจะออกไปเรียนรู้กับครูที่เป็นโปรเฟสชั่นนอลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นครูเงาะ ครูแอ๋ว ผมอาจจะพูดไม่หมดเพราะผมเรียนกับครูเยอะมาก ผมยังขอบคุณทุกคนแต่คนที่เปิดประตูให้ผมยังไงก็คือครูบิวที่เป็นเจ้าของการแสดง Act-Things มันอยู่ที่ผมโตมาด้วย สุดท้ายสิ่งที่ผมเป็นคือไม่มีใครสั่งผม แต่ที่ผมทำหนักขนาดนี้ผมรู้สึกว่าทุกอาชีพควรจะมีมุมผลิตของคุณที่ชาวบ้านไม่ต้องรู้หรอก แต่คุณต้องพิถีพิถัน มันเหมือนเราสร้างสินค้าคือผมก็หนึ่งในผู้ประกอบการที่เรารักคุณแล้วกัน
เมื่อก่อนรับบทเป็นนักเรียน นักศึกษาแล้ว เดี๋ยวนี้มีผู้วางแผนให้เปลี่ยนบทบาทจะไม่ใช่บทนักเรียน นักศึกษาแล้ว ?
ต่อ : ตอนนั้นก่อนที่จะมี Side by Side มันจะมีจุดที่ผมเริ่มโคลงเคลงในแง่ความเชื่อของคนข้างนอกว่าเราไม่ถูกเชื่อในชุดนักเรียนและเราไม่ถูกยอมรับในชุดทำงาน คนที่มันมีแพชชั่นกับนักแสดงแล้วมันไม่ถูกเชื่อมันอึดอัดมาก มันจะรู้สึกว่าเราเข้าใจเขา เราอยู่ในระยะที่เขาไม่สามารถเห็นเราเป็นนักเรียนได้แล้ว แต่จะให้ไปทำงานก็ยังติดสิ่งที่ทำมาแล้วภาพมันชัดอยู่ แล้ว Side by side มันเข้ามาตอบทุกอย่างว่าไม่มีกฎเกณฑ์ side by side ไม่ได้กำลังพูดถึงว่าคุณวัยไหน แต่ side by side แค่เปิดประตูว่าฉันไม่ได้ขายเสน่ห์ ฉันคราฟท์มันมาอย่างสุดพลัง อย่างเหนื่อยมาก แล้วส่งความตั้งใจไปถึงคนดู สุดท้ายมันแค่ตอบเราว่าหรือว่าไอ้เด็กคนนี้อยากจะก้าวเข้าสู่นักแสดงที่ตัดคำว่าวัยรุ่นออกนะ
ได้มีโอกาสไปเล่นกับพระเอกนางเอกตัวท็อป ณเดชน์ ญาญ่า ?
ต่อ : ตื่นเต้นครับ เราอยู่กันคนละตลาดมากๆ เมื่อก่อนค่ายผมจะอยู่กวัยรุ่นเยอเะ อยู่กับออนไลน์เยอะ ผมไม่คุ้นชินกับทีวีขนาดนั้น คุ้นอย่างเดียวในฐานะผู้ชม ช่อง 3 ชวนมาจอยมาร่วมสนุกกันมั้ย แล้วเมื่อก่อนผมเป็นสวายเด็กชอบลองอยู่แล้ว ชอบปั๊ปก็ไป เรื่องเล่ห์ลับสลับร่าง
ต่อ : งง แล้วรู้สึกว่าผลประกอบการในแง่ความรู้สึกส่วนตัวแย่มาก จำได้ว่าฟีดแบ็คตอนนั้นทุกคนจะมีใหม่บ้าง หลายๆคนก็บอกว่ามันโอเคอยู่นะสำหรับการเข้ามาในละครครั้งแรก แต่ผมจะเปิดเผยความรู้สึกส่วนตัวจริงๆว่าผมไม่โอเคเลย ผมรู้สึกว่าผมทำมันได้ไม่ดี แล้วก็รู้สึกว่าต้องกลับไปฝึกตัวเองใหม่หรืออาจจะต้องยอมรับว่าเราอาจจะไม่เหมาะกับทางนี้ มันแทบจะเกือบ 10 ปี ตอนนั้นวิธรการถ่ายทำละคร ซีรีส์ หนัง แตกต่างกัน มันไม่ได้ถูกรวมเข้าหากัน ทุกวันนี้รู้สึกว่าไม่ว่าจะช่องไหนการถ่ายทำละครมันแทบจะไม่ต่างจากซีรีส์หรือหนังเลยด้วยอุปกรณ์ด้วยอะไรต่างๆมันไม่ต่างแต่ด้วยยุคนั้นมันต่าง วิธีการกำกับ ผมไม่เคยเจอการถูกล็อกที่เขาเรียกกันว่าบล๊อกกิ้ง นาดาวสอนเด็กมาการตามนักแสดงเป็นหน้าที่ของกล้อง พอผมเข้าไปสู่โหมดละครมันกลายเป็นว่า เห้ย ! บัง บังอะไรวะ ผมไม่เคยรู้จักสิ่งนี้ เมื่อก่อนกล้องที่ทำงานกับ GDH หรือ นาดาว ความโปรเฟสชันนอลของเขาก็คือเขาไม่สนบล๊อกกิ้ง สำหรับเขาเอาคนเป็นหลัก กล้องในรายการตอนนี้ไฟแดงที่เรียกว่าสวิชเชอร์ผมทันนะพี่ การแสดงที่ผมเรียนมายากมากกับการเล่นสวิชเชอร์
https://www.facebook.com/teeneedotcom