ฝน-ฟาน ออกแบบรักไม่ตายตัว


ผ่านพ้น วันวาเลนไทน์ มาแบบกรุ่น ๆ กลิ่นอายรัก ทำให้ “ดาวต่างมุม” ขออิงกระแสในเทศกาลแห่งความรักด้วยเช่นกัน แม้จะมีหลายคู่ต้องอยู่คนเดียวก่อนวันวาเลนไทน์ เพราะความรักและชีวิตคู่ไปกันไม่รอด แต่ก็ยังมีความรักของคนอีกหลาย ๆ คู่ ที่กำลังดำเนินต่อ...อย่างมี “ความสุข” และ “ความหวัง”

และคู่หวานของวงการบันเทิง ซึ่งหลายคนอาจออกอาการอิจฉาจนตาร้อนผ่าว ๆ หนีไม่พ้นคนคู่นี้ น้ำฝน-กุณณัฏฐ์ กุลปรียาวัฒน์ และ สเตฟาน-สันติ วีระบุญชัย ตลอด 4 ปี ที่คบหาดูใจกันมา คู่รักคู่นี้เปลี่ยนจาก “ความหวาน” กลายเป็น “ความเข้าอก เข้าใจ” ไม่เชื่อลองฟังจากคำบอกเล่าของทั้งสองกันเลย เริ่มคำถามแรกขอถามไถ่เรื่องงานของทั้งคู่เป็นการอุ่นเครื่อง

@@ ตอนนี้มีผลงานอะไรกันอยู่บ้าง?


ฝน : “ก็มีเรื่อง “ลูกไม้เปลี่ยนสี” ถ่ายเสร็จนานแล้ว รอออกอากาศอยู่ ตอนนี้กำลังรอเปิดกล้องละครอีกเรื่องอยู่ งานนอกนั้นก็จะเป็นงานอีเวนต์ ต่าง ๆ และทำนิตยสาร “สุขภาพดี” ค่ะ”

ฟาน : “ส่วนผมรอเปิดกล้องละคร “รหัสโลกันต์” ของ กันตนา เล่นคู่กับ จุ๋ย-วรัทยา อยู่ครับ และเมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งถ่ายโฆษณาจบไป 1 ชิ้น เวลานอกนั้นจะทำหนังสือกันครับ”

@@แปลว่านิตยสารเล่มนี้ ถือว่าเป็นธุรกิจลงทุนจริงจังเลยสิ?

ฟาน : “ใช่ครับ ในเมื่อเรายอมลงมือทำแล้ว ก็ยอมลงเงินด้วยดีกว่า พวกเราอยากทำเต็มที่ และที่เลือกทำหนังสือแนวสุขภาพ เพราะคิดว่าคนทุกคนดูแลสุขภาพมากขึ้น ทุกคนอ่านได้ ถ้าหนังสือรถก็ต้องคนชอบรถ หนังสือบันเทิงก็ต้องคนชอบดูละคร จริงมั้ย แต่หนังสือสุขภาพเนี่ย ทุกคนอ่านได้หมด ทุกคนต้องดูแลสุขภาพ”



ฝน : “ถามว่าฝนจะเล่นละครไปอีกนานแค่ไหน ซึ่งใจจริงอยากเล่นเหมือนดารารุ่นน้า ๆ และอา ๆ หลายคนนะ แต่แบบว่า ทำอย่างไงเราจะมีเงินเดือนทุกเดือน จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดว่าจะมีเงิน มีงานเข้ามามั้ย อีกอย่างทำหนังสือมันมีโอกาสที่จะโตด้วย ถ้าเรามีรายได้เข้ามาหลายทาง มันก็ช่วยบรรเทาในเรื่องรายจ่าย แต่ทีนี้ฝนมองว่าถ้าทำหนังสือ มันอยู่ได้เป็น 10 ปี มันเลี้ยงเราไปอีก 10 ปี ถ้ามันผ่านตรงนี้ไปได้ มันอาจอยู่ไปถึง 30 ปีก็ได้นะ อีกอย่างถ้าเริ่มจากหนังสือเล่มหนึ่งแล้ว มันจะมีอะไรเกิดขึ้นมาอีกก็ได้ เป็นการต่อยอดค่ะ”

ถ ต้องมาทำงานด้วยกัน เคยมีปัญหาทะเลาะกันบ้างมั้ย?

ฝน : “ก็มีในเรื่องของความคิดเห็น แต่มันเป็นในรูปแบบของงาน อย่างว่าคนส่วนใหญ่ที่ขัดแย้งกับคนในการทำงาน มันก็เป็นแค่ในงาน มันคืองาน อาจเป็นเพราะเราเคยเล่นละครด้วยมั้ง เพราะเราอยู่วงการบันเทิงและละคร พอเราอยู่ตรงนี้ ต่อให้เราเศร้า เราทุกข์แค่ไหน ออกไปก็ต้องยิ้ม ไม่ว่าจะเกลียดคนนี้แค่ไหน ก็ต้องเฟกเพื่อคุยกับเค้า มันมีในทุกวงการ และทุกสายอาชีพแหละค่ะ แล้วเราก็ถูกฝึกมาแบบนี้แล้ว ทีนี้พอเราต้องไปทำงาน ซึ่งฝนไม่ได้บอกว่าฝนเฟกกับฟาน แต่ความหมาย คือ เรารู้ว่าอยู่ในห้องทำงาน ก็ไม่ได้มานั่งขัดแย้ง แทบไม่มีเรื่องส่วนตัวมายุ่งเลย ฝนเชื่อว่าหุ้นส่วนทุกคนอยากให้หนังสือออกมาดี แม้ว่าบางที...ไม่มีทางให้มันออกมาเป็นความคิดเราทุกเล่มหรอก ต้องปล่อยให้เป็นความคิดเขาบ้าง เพื่อให้เขาเห็นว่าผลที่ได้รับกลับมามันเป็นอย่างไร บางทีมันอาจดีกว่าความคิดของเราก็ได้”

ฟาน : “มันก็แค่ในงาน ผมปล่อยสบาย ๆ ไม่ชอบทะเลาะอะไรกับเขานะ (แพ้ทุกที)” (แอบแซว...ยิ้ม)



@@คนวงการบันเทิงชอบบอกว่างานตรงนี้ไม่มั่นคง อยากหางานที่มั่นคงรึเปล่า?

ฝน : “สิ่งนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะคิดอยู่แล้วนะ”

ฟาน : “บางคนคิดจะเป็นพระเอกตลอดชีวิต มีงานชัวร์ ไม่ต้องทำอย่างอื่นหรอก แล้วมาคิดได้ตอนอายุ 30 ปี ว่าควรจะเก็บเงิน”

ฝนเสริม : “ฝนว่าความคิดเห็นนี้มาจากผู้ชาย ช่วงหาเงินได้ก็จะหมดไปกับอย่างอื่น เช่น รถยนต์ ผู้หญิง สนุก ดื่มเหล้า ช่วงนั้นจะฮอตที่สุด เพราะจะหาเงินได้เยอะที่สุด ใช้เงินไปก่อน แล้วมาคิดได้ว่าจะเก็บเงินตอนอายุ 30 ปี มันไม่ทันแล้ว มันไม่ได้เป็นก้อนแล้วอ่ะ ความจริงต้องจัดสรรแล้วนะ”

ถ แล้วในมุมของผู้หญิงล่ะ?

ฝน : “ผู้ชายหนุ่ม ๆ ก็เริ่มมีแฟน แยกตัวไปเช่าหอ แต่ผู้หญิงเนี่ยยังไงก็แบบให้พ่อแม่ไปส่ง พ่อแม่เก็บเงิน ต่อให้ไม่อยู่บ้าน ก็ต้องเลี้ยงพ่อแม่ นี่ฝนไม่ใช่บอกว่าผู้หญิงดีกว่าผู้ชายนะ แต่พื้นฐานของผู้ชายจะคิดอีกแบบ” ฟานแอบแซว… “แต่งงานกับคนรวยได้”
ฟาน : “คนเราเป็นเรื่องธรรมชาติ ยังไงก็ต้องหาความสุขให้ชีวิต ไม่อย่างนั้นน้ำมันจะหมดตอน 27-28 ปี ต้องมีอะไรสนุกบ้าง แต่ผมไม่เหมือนคนอื่น ๆ ภาระผมเยอะ ต้องดูแลพ่อแม่ น้องอีก 2 คน ส่งเรียน เลยไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนั้น”



@@ คบกันมา 4 ปีแล้ว มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงจากตอนที่คบใหม่ ๆ มั้ย?

ฝน :
“ไม่หวานแล้ว เริ่มรู้สึกเหมือนเพื่อนแล้วเนอะ”

ฟาน : “ฮืม!”

@@แล้วในเรื่องนิสัยใจคอล่ะ?

ฝน : “เอาง่าย ๆ ตอนนี้ฟานก็เป็นตัวเค้า ฝนก็เป็นตัวฝน รับไม่ได้ก็เลิกกันไป”

ฟาน : “ไม่มีฟอร์มแล้วนะ”

@@ช่วงที่คบกันตอนไหน ถึงเริ่มเป็นตัวของตัวเอง?

ฟาน : “2 ปีเนอะ ผมก็ทำตัวสบาย ๆ จะเปลี่ยนทีละนิดทีละหน่อย โดยไม่รู้ตัว หลัง ๆ อยากทำอะไรก็ทำแล้ว เหมือนตกปลา เค้า อยู่ในถังเราแล้ว แต่เราก็ต้องทำดี ๆ บ้าง เป็นตัวของตัวเองบ้าง ผสมกับการยอม ๆ ต้องมีบ้าง

ฝน : “ฟานเป็นในปีที่ 2 ไม่ใช่วันเดียวเป็น มันต้องค่อย ๆ แสดงนิสัยของแต่ละคนออกมา พอรู้ว่าผู้หญิงไม่ไปไหนแล้ว จีบติดแล้ว ชัวร์แล้วนี่” แอบหยอด...

@@วางอนาคตอย่างไรกันบ้าง?

ฝน :
“ต้องถามเค้าแล้วล่ะ ถ้ามีผู้นำที่ดีได้ก็ดี อีกอย่างฝนไม่ได้อยากมั่นคงอะไรกับเค้า ฝนมีความรู้สึกว่าฝนไม่อยากเอาของ ๆ ใคร เพราะเราก็จะต้องยอมตลอด ถ้าไปหวังพึ่งใครมาก ๆ ฝนต้องอยู่ใต้เค้าตลอด โดยนิสัยฝนมันไม่ใช่ มุมมองแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฝนเป็นคนชอบทำอะไรเอง ขอให้มีงานทำ สนุก ออกไปเจอ ไปทำงาน มาวันนี้ยังรู้ว่าได้มาทำอะไร จริง ๆ ฝนคิดว่าฝนไฮเปอร์นะ ขนาดอยู่บ้านก็ต้องทำอะ โรคจิตมั้งค่ะ”

ฟาน : “ตอนนี้พยายามหาเงินให้ได้มากที่สุด หาความมั่นคงให้มันอยู่ได้นาน ๆ ความมั่นคงในแง่ของการทำงาน และการเงิน ตอนนี้ยังไม่มั่นคงเลย เรายังไม่รู้งานเราจะเป็นอย่างไรเลย ยิ่งในวงการไม่มีอะไรถึง 100% เลย เลยคิดทำธุรกิจให้ดีที่สุด แล้วทำละครให้ดี ก็มีงานอื่น ๆ อย่างทำอสังหาริมทรัพย์กับพี่ชาย เป็นเอเย่นต์ซื้อ-ขายที่ดิน กรุงเทพฯ-หัวหิน-พัทยา ผมทำกับพี่ชาย ก็เป็นไปตามเศรษฐกิจนะ จะทำแค่สองอย่างนี้ แล้วเล่นละครให้ดีที่สุดดีกว่าครับ”



@@เมื่อไหร่ฝนจะคิดว่าฟานพร้อมสำหรับเรา?

ฝน : “ตอนนี้ยังค่ะ ฝนคิดว่าฝนกลัวการแต่งงาน ถ้าคนแต่งงานก็ขอให้อยู่กัน ๆ ไปนาน ๆ ก็แล้วกัน คนรักกันจริง ๆ ฝนไม่ได้พูดถึงนะ แต่ตอนนี้ฝนรู้สึกว่าการแต่งงานเหมือนรถเบนซ์ คือ เรารวยก็ต้องซื้อรถเบนซ์ เพื่อให้รู้ว่าซื้อรถเบนซ์เหมือนกัน ในมุมของสังคมถ้าคุณอยากให้เค้ารู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ขาย ออก ประสบความสำเร็จในชีวิต มีความรักที่ดี คุณต้องแต่งงาน เป็นแพตเทิร์น ถามว่าฝนอยากแต่งงานมั้ย โอเค ถ้าวันนึงมีคนแบบต้องแต่ง แต่ตอนนี้อาจเป็นเพราะฝนมีภาระอยู่ วันนึงก็ไม่รู้ว่าฝนอาจจะเลิกกับเค้าไป แล้วไปเจอคนที่รวย ๆ จนทำให้ฝนไม่มานั่งคิดถึงเรื่องเงิน ฝนอาจแต่งก็ได้ ฝนไม่สามารถรู้ว่ามันคืออะไร แต่ตอนนี้แค่ฝนคิดว่าฝนจะมีลูกฝนยังเสียวแล้ว ไม่ได้เสียวว่าจะเลี้ยงเค้าไม่ได้ รู้สึกว่าฝนจะนอนก็ไม่ได้ ฝนจะไปไหนก็ไม่ได้ คนบางคนอาจมองว่าฝนเห็นแก่ตัว ทุกวันนี้ฝนหาเงินมา ฝนไม่ได้ใช้อยู่คนเดียวนะ ฝนเลยรู้สึกเบื่อกับสิ่งนี้ เลยคิดอยากทำอะไรให้ตัวเอง คนชอบคิดว่าชีวิตเหมือนละคร พระเอก-นางเอกต้องแต่งงานกัน ฝนจะมองว่าถ้าฝนเลิกกับสามีไป แล้วการที่ฝนไปมีสามีใหม่ มันดูหลายสามี มันดูเป็นเรื่องใหญ่นะ แต่ผู้ชายเลิกกับภรรยาไปก็มีใหม่ได้ ไม่ผิด แต่ผู้หญิงภรรยาใหม่กลับผิดด้วย ฝนว่ามันเป็นเรื่องยากที่เราจะมีนั่งทำอะไรให้มันง่าย ๆ”

ฟาน : “ชีวิตไม่ใช่ของเราแล้ว เราต้องดูแลลูก ผมว่าตั้งแต่เกิดมาก็มีคนวางทุกอย่างให้ โตมาให้เราเรียน พอจบให้ต่อมัธยม ต้องให้เป็นหมอ ทนาย วิศวกร ทั้งประเทศเหมือนกันหมด เรียนเข้าไป ความคิดก็เหมือนเดิม พอ 20 กว่าก็ไปบวช บางคนบวชให้แม่ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะบวชให้แม่ ไปบวชขอไปที แต่ไม่เคยคิดเรื่องธรรมะเลย ทำเป็นแพตเทิร์นจริง ๆ พออายุ 29-30 ปี แล้วมีลูกกัน ชีวิตเหมือนไปคิดข้างนอกมาก ไม่ได้คิดจากใจตัวเอง ผมไม่ได้บอกว่ามันผิดนะ แต่ผมไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ เพราะว่าผมใช้ชีวิตตามที่คนอื่นเค้าวางมา มันไม่ได้อิสระเลยนะ ผมพูดตรง ๆ เหมือนเราเกิดมาอยู่ในกรง ทำทุกอย่างตามนั้น ไม่มีความสุข พระเจ้าให้ชีวิตเรามาแล้ว ชีวิตเป็นของเรา อย่างเดียวที่เป็นของเรา คือ ชีวิตของเรา การตัดสินใจของเรา เราจะไม่มีสิทธิเลยเหรอ ผมเลยอยากทำอะไรก็ทำ เพราะยังไงทุกคนก็เท่าเทียมกันหมด ท้ายที่สุดแล้ว จบที่เดียวกัน”

ฝนเสริม : “คนส่วนใหญ่ชอบทำตัวให้คนอื่นมองว่าเราเป็นคนยังไง แล้วชอบสร้างตัวเองเป็นอย่างที่เค้าจะมองเราอย่างนั้นน่ะ ถ้าเราจะไปโฮโซก็ต้องทำตัวไฮโซ เพื่อให้คนมองว่าเป็นไฮโซ...ฝนไม่อยากให้ใครมาคาดหวังกับคู่ของฝน ว่าฝนต้องเป็นคนรับผิดชอบสังคม เป็นคนของประชาชน ต้องเป็นนักการเมืองสิ ไม่ใช่เรา”

@@ตอนนี้มีข่าวคู่รักเลิกกันเยอะมาก กลัวคนจะมาจับจ้องคู่ของฝน-ฟานรึเปล่า?

“เรื่องนั้นฝนไม่เบื่อหรอก แต่วันนึงถ้าฝนเลิกกับฟาน แล้วฝนตกอยู่ในฐานะที่คนพูดไม่จบอ่ะ ชั้นมีแฟนใหม่เป็นชาติแล้วก็ยังโยงกับคนเก่าอีก มันไม่จบ โดยเฉพาะคู่ดาราจะเจอกันเยอะมาก” ฝนกล่าว

อีกหนึ่งรูปแบบความรักที่คู่รักคู่นี้ได้ออกแบบเพื่อตัวเอง ใครจะเอาอย่างก็ไม่ว่ากัน!.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์