อดีตพระเอกละครบอย-ปริญญาโคม่า

หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย อดีตพระเอกละครบอย-ปริญญาโคม่า

ข่าวดาราล่าสุด star.teenee.com
บันเทิงดารา entertain.teenee.com

อดีตพระเอกละครจักร ๆ วงศ์ ๆ วิก 7 สี “บอย-ปริญญา ปุ่นสกุล” ประสบอุบัติเหตุปางตาย ซิ่งหลังกระบะเบียดรถสองแถวที่จอดรอรับผู้โดยสาร แล้วพุ่งชนราวเหล็กเกยฟุตบาธ

นั่งหมดสติตัวเขียวคาเบาะ หน่วยกู้ชีพเร่งปั๊มหัวใจปฐมพยาบาล แต่อาการไม่ดีขึ้น หามส่งรพ.ชัยปราการ อาการโคม่า ยังไม่รู้สึกตัว หมอต้องใส่เครื่องช่วยหายใจช่วยตลอดเวลา ตำรวจสงสัยหลับใน หรือไม่ก็โรคประจำตัวกำเริบจนหมดสติเกิดอุบัติขณะขับรถ รอสอบปากคำญาติหาสาเหตุ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 ม.ค. พ.ต.ท.ดำรงค์ มาดี สวส.สภ.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกันบนถนนปู่เจ้าสมิงพราย เยื้องปากซอยพิทักษ์ธรรม หมู่ 7 ต.สำโรงใต้ จึงรุดไปตรวจสอบ

พร้อม พ.ต.อ.สัมพันธ์ พิศมัย ผกก. พ.ต.ท.สง่า ธีรศรัณยานนท์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ณรงค์ชัย ฉายแสง รอง ผกก.ป. มูลนิธิร่วมกตัญญู และหน่วยกู้ชีพ รพ.ชัยปราการ

ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กง 6111 สระบุรี เสียหลักพุ่งชนราวเหล็กกั้นล้มระเนนระนาดขึ้นมาเกยสงบนิ่งอยู่บนฟุตปาธ ภายในรถพบร่าง นายปริญญา หรือบอย ปุ่นสกุล อายุ 34 ปี อดีตดาราชื่อดังของช่อง 7 สี อยู่บ้านเลขที่ 36/268 หมู่ 1 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ นั่งฟุบหมดสติอยู่บนเบาะคนขับในสภาพคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ และมีอาการชักเกร็งกระตุก ๆ เป็นระยะ ใบหน้าและลำตัวเริ่มเขียวคล้ำ หน่วยกู้ชีพรพ.ชัยปราการ จึงปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการปั๊มหัวใจช่วยเหลือ แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงรีบนำตัวส่งรพ.ชัยปราการ แพทย์นำตัวเข้าห้องไอซียู แพทย์อยู่ ระหว่างช่วยเหลือ แต่อาการหนักมาก ยังไม่รู้สึกตัว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา

ในที่เกิดเหตุพบรถคู่กรณีเป็นรถสองแถว สายสำโรง-พระประแดง ยี่ห้ออีซูซุ สีขาวคาดเขียว ทะเบียน 10-3671 สมุทรปราการ

ของบริษัทสมุทรปราการขนส่ง จำกัด สภาพด้านซ้ายของตัวรถพังเสียหายยับเยิน จากการสอบสวนนายอำพล ฉุนเฉียว อายุ 31 ปี คนขับรถสองแถว ให้การว่า ขณะจอดรอรับผู้โดยสารอยู่ตรงจุดเกิดเหตุ จู่ ๆ รถกระบะคันดังกล่าวก็แฉลบมาเบียดด้านท้ายรถของตนอย่างแรง ก่อนจะครูดไปจนถึงหน้ารถและพุ่งชนราวเหล็กกั้นล้มระเนนระนาดไปเกยอยู่บนฟุตปาธ ทำเอาผู้โดยสารตกอกตกใจกันยกใหญ่ แต่โชคดีมีผู้โดยสารบาดเจ็บเล็กน้อยแค่คนเดียว

ขณะที่ นางพิกุล เมฆพยับ อายุ 27 ปี ผู้โดยสารที่นั่งมาบนรถสองแถว เปิดเผยว่า

ขณะนั่งอยู่บนรถจะเดินทางไปทำธุระย่านสำโรงใต้ ช่วงรถจอดรับผู้โดยสาร ตนมองไปทางท้ายรถเห็นรถกระบะคันดังกล่าวที่วิ่งมาในเลนกลางด้วยความเร็ว จู่ ๆ เกิดขับแฉลบเข้ามาในเลนซ้ายแต่ไกล ตนเห็นท่าไม่ดีจึงได้ขยับเข้ามานั่งที่เบาะด้านในสุด และรถกระบะก็พุ่งเบียดรถสองแถวที่ตนนั่งอยู่อย่างแรงจริง ๆ จนกระเด็นตกจากเบาะนั่ง

เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ขณะนายปริญญาขับรถด้วยความเร็วสูงมาทำธุระในพื้นที่ ต.สำโรงใต้ อาจเกิดอาการหลับใน

รถจึงเสียหลักพุ่งชนรถคู่กรณีจนนายปริญญาเกิดอาการช็อกจนหมดสติ หรือไม่นายปริญญา อาจจะมีโรคประจำตัว และโรคเกิดกำเริบขึ้นมากะทันหันจนหมดสติขณะที่ขับรถจนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ขณะนี้ตำรวจติดต่อญาติมาดูอาการ และสอบสวนว่านายปริญญา มีโรคประจำตัวหรือไม่

สำหรับ บอย-ปริญญา ปุ่นสกุล เป็นพระเอกละครพื้นบ้านจักร ๆ วงศ์ ๆ ทางช่อง 7 สี มีผลงานผ่านตามาแล้วหลายเรื่อง อาทิ สิงหไกรภพ, จันทโครพ, โสนน้อยเรือนงาม, ปลาบู่ทอง, มิติมหัศจรรย์ และเรื่องสุดท้ายคือ “กุลาแสนสวย” เมื่อปี 2538

เคยประสบอุบัติเหตุ ตกม้าขณะถ่ายทำละครเรื่อง “เสราดารัญ” จากนั้นผันตัวมาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับอยู่ 2-3 เดือน ก่อนจะออกจากวงการบันเทิงหันมาทำธุรกิจปั๊มน้ำมัน, คาร์แคร์ และมินิมาร์ท และเมื่อกลางเดือน มิ.ย. 51 เคยหวิดสิ้นชื่อมาแล้ว หลังพาเพื่อนไปนั่งดื่มกินสังสรรค์กันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา และตกอยู่กลางห่ากระสุนที่กลุ่ม วัยรุ่นคู่อริยิงใส่กัน เพราะแย่งจีบหญิง สุดท้าย “บอย” รอดมาได้หวุดหวิด กระทั่งมาประสบอุบัติเหตุจนอาการโคม่าอยู่ในขณะนี้.

ล่าสุดนายโสภณ ปุ่นสกุล พ่อของ บอย ปริญญา ปุ่นสกุล ดารา นักแสดงละครพื้นบ้าน ค่าย ดาราวีดีโอ

ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์กระทั้งตนเองได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส นอนพักรักษาตัว อยู่ภายในห้อง ICU ของ โรงพยาบาลชัยปราการ หลังจากที่ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ทางญาติของ บอย รอปาฏิหาริย์ให้บอยฟื้น แต่อาการของบอย ยังไม่ดีขึ้น ในช่วงเช้านี้ ทางญาติจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะถอดเครื่องช่วยหายใจออกหรือไม่ โดย นายโสภณ กล่าวว่า บอย เคยบอกว่า อยากจะอุปสมบท แต่ไม่มีโอกาส ทางพ่อเลยคิดว่าบอย เป็นอะไรในครั้งนี้ ก็จะนำร่างกายของบอย บริจาคให้กับสภากาชาดไทย เพื่อเป็นการทำบุญครั้งสุดท้ายของ บอย

ขอขอบคุณเนื้อข่าวบางส่วน จากไอเอ็นเอ็นนิวส์

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)