หลังจากเจอหนี้ก้อนโตถึงหลักล้าน แต่นักร้องสาว 'ญาญ่าญิ๋ง รฐา โพธิ์งาม' ก็เล็งต้องทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต เพื่อช่วย 'แม่น้อย โพธิ์งาม' กับภาระหนี้สิน จนไม่ได้เห็นหน้าคาดตาเจ้าตัวสักเท่าไหร่ ทำให้หลายคนเม้าท์กันให้ทั่วว่า หมดตัวจนได้
ญาญ่าญิ๋งเล็งต่อโทปัดตามแฟนไปตปท.
'ญาญ่าญิ๋ง' เล็งต่อโท ปัดตามแฟนไปต่างประเทศ ดีใจหนี้ลดเร่งปั๊มเงินผ่อนบ้าน
หลังจากเจอหนี้ก้อนโตถึงหลักล้าน แต่นักร้องสาว 'ญาญ่าญิ๋ง รฐา โพธิ์งาม' ก็เล็งต้องทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต เพื่อช่วย 'แม่น้อย โพธิ์งาม' กับภาระหนี้สิน จนไม่ได้เห็นหน้าคาดตาเจ้าตัวสักเท่าไหร่ ทำให้หลายคนเม้าท์กันให้ทั่วว่า หมดตัวจนได้
หลังจากเจอหนี้ก้อนโตถึงหลักล้าน แต่นักร้องสาว 'ญาญ่าญิ๋ง รฐา โพธิ์งาม' ก็เล็งต้องทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต เพื่อช่วย 'แม่น้อย โพธิ์งาม' กับภาระหนี้สิน จนไม่ได้เห็นหน้าคาดตาเจ้าตัวสักเท่าไหร่ ทำให้หลายคนเม้าท์กันให้ทั่วว่า หมดตัวจนได้
พอได้เจอสาวญาญ่าญิ๋ง เลยถามถึงความรู้สึกสักหน่อย เจ้าตัวก็เผยว่า
"ตอนที่เห็นข่าวก็รู้สึกดี ที่พี่ ๆ สนใจเรา เห็นว่าเราหายไปแล้วก็เป็นห่วง สำหรับเงิน 9 ล้าน ของทุกวันนี้มันก็ไม่เหลือแล้ว มันเป็นของเรื่องอสังหริมทรัพย์ เรื่องของบ้าน เรื่องของรถ เป็นเรื่องการโดนโกงแชร์ของคุณแม่ ถามว่าเราได้ขายพวกนี้จริงมั๊ย ขายจริง ช่วง 3-4 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้เราได้ซื้อบ้านใหม่แล้วไม่ได้ใหญ่โตอะไร ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา แต่ก็ยังผ่อนอยู่น่ะ มันก็ไม่ได้ย่ำแย่ ก็ไม่ได้ลำบากเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ไม่ได้ดีไปเลยทีเดียว"
ตอนนี้เหลือหนี้อีกเท่าไหร่
"ก็ประมาณล้านกว่า ก็ยังเหนื่อยอยู่น่ะ ซึ่งเหลือรถอีก 2 คัน ยังต้องผ่อนอยู่ ถ้าหมดตรงนี้มันก็จะดีขึ้น"
คุณแม่ดีขึ้นมั๊ย
"ดีขึ้นเยอะ ก็ให้เขาเปลี่ยนวิธีคิดใหม่กับเรื่องหนี้สินที่เราไม่ได้ทำ ซึ่งคุณแม่ไม่ได้ทำอะไรให้ใคร ก็เลยบอกเขาว่าชาตินี้เราไม่ได้ทำลายใครหรอคงเป็นชาติที่แล้วมากกว่า ถือว่าเป็นกรรม"
เรียนต่อโท
"ใช่ค่ะ ตอนแรกอยากจะไปเรียนภาษา ที่เคยบอกว่าอยากไปเรียนตอนต้นปีนี้แต่ปีนี้ก็คงมีงานให้เห็นมากขึ้น ที่คิดเอาไว้ น่าจะเป็นมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เพราะตัวเราเองก็จบที่นั่น ก็ตัดสินใจที่จะเรียนที่เมืองไทยเป็นเพราะเศรษฐกิจด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าปีที่แล้วจะไม่ได้มีงานเลย มีค่ะก็ไปเล่นคอนเสิร์ตโชว์ตัวตามต่างประเทศ แต่คนไทยก็จะไม่รู้ เพราะไม่ได้ลงข่าว ซึ่ง ญิ๋ง ก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ แล้วก็ไม่ได้ลำบากอย่างที่ข่าวลง แต่ก็ไม่ได้ว่าเรารวยแล้ว"
"ตอนที่เห็นข่าวก็รู้สึกดี ที่พี่ ๆ สนใจเรา เห็นว่าเราหายไปแล้วก็เป็นห่วง สำหรับเงิน 9 ล้าน ของทุกวันนี้มันก็ไม่เหลือแล้ว มันเป็นของเรื่องอสังหริมทรัพย์ เรื่องของบ้าน เรื่องของรถ เป็นเรื่องการโดนโกงแชร์ของคุณแม่ ถามว่าเราได้ขายพวกนี้จริงมั๊ย ขายจริง ช่วง 3-4 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้เราได้ซื้อบ้านใหม่แล้วไม่ได้ใหญ่โตอะไร ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา แต่ก็ยังผ่อนอยู่น่ะ มันก็ไม่ได้ย่ำแย่ ก็ไม่ได้ลำบากเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ไม่ได้ดีไปเลยทีเดียว"
ตอนนี้เหลือหนี้อีกเท่าไหร่
"ก็ประมาณล้านกว่า ก็ยังเหนื่อยอยู่น่ะ ซึ่งเหลือรถอีก 2 คัน ยังต้องผ่อนอยู่ ถ้าหมดตรงนี้มันก็จะดีขึ้น"
คุณแม่ดีขึ้นมั๊ย
"ดีขึ้นเยอะ ก็ให้เขาเปลี่ยนวิธีคิดใหม่กับเรื่องหนี้สินที่เราไม่ได้ทำ ซึ่งคุณแม่ไม่ได้ทำอะไรให้ใคร ก็เลยบอกเขาว่าชาตินี้เราไม่ได้ทำลายใครหรอคงเป็นชาติที่แล้วมากกว่า ถือว่าเป็นกรรม"
เรียนต่อโท
"ใช่ค่ะ ตอนแรกอยากจะไปเรียนภาษา ที่เคยบอกว่าอยากไปเรียนตอนต้นปีนี้แต่ปีนี้ก็คงมีงานให้เห็นมากขึ้น ที่คิดเอาไว้ น่าจะเป็นมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เพราะตัวเราเองก็จบที่นั่น ก็ตัดสินใจที่จะเรียนที่เมืองไทยเป็นเพราะเศรษฐกิจด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าปีที่แล้วจะไม่ได้มีงานเลย มีค่ะก็ไปเล่นคอนเสิร์ตโชว์ตัวตามต่างประเทศ แต่คนไทยก็จะไม่รู้ เพราะไม่ได้ลงข่าว ซึ่ง ญิ๋ง ก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ แล้วก็ไม่ได้ลำบากอย่างที่ข่าวลง แต่ก็ไม่ได้ว่าเรารวยแล้ว"
เห็นว่าเข้ากับแม่ได้ดีด้วย
"ก็ดีค่ะแต่ก็ยังพูดด้วยกันยังไม่รู้เรื่อง เขาก็พยายามพูดไทย ก็น่ารักดีค่ะ"
ถือว่าให้ไฟเขียวเลยมั๊ย
"ยังไฟเหลือง ไม่ใช่เขียวทีเดียวเลย คุณแม่ทุกคนก็มีบ้างที่จะต้องห่วงลูกสาว ถ้าจะให้หมดห่วงก็คงเห็นเราแต่งงานไปแล้ว"
แล้วที่แฟนฝรั่งชวนไปอยู่ด้วย
"ใช่ค่ะ เขาอยากให้เราไปอยู่มาก ยิ่งตอนที่คิดว่าอยากจะไปเรียนภาษาต่อ แต่ก็ไม่ได้ไป ก็บอกเขาว่าเราต้องทำงานอีกประมาณครึ่งปีที่เมืองไทย เขาก็ไม่แฮปปี้ แต่เขาก็เข้าใจ ก็ขอเวลาเขาประมาณ 4 ปี ถ้าเขารอได้ก็โอเค"
มีกระแสว่าเราเกาะแฟนกิน
"เขาไม่ใช่คนรวยอะไร ไม่ใช่เศรษฐีตามข่าว เขาก็เป็นแค่ชาวอเมริกันที่ทำงานเกี่ยวกับหนัง เขาเป็นคนเก่ง ทำให้เขามีงานเข้ามาเรื่อย ๆ ครอบครัวของเขาก็ทำงานดี และญิ๋งก็ไม่คิดจะเกาะใครกิน แม้กระทั่งวันที่ ญิ๋งล้ม ก็มีคนมาช่วยเหลือญิ๋งเยอะ แต่ ญิ๋งก็ไม่รับ อยากทำด้วยตัวของเราเอง"
"ก็ดีค่ะแต่ก็ยังพูดด้วยกันยังไม่รู้เรื่อง เขาก็พยายามพูดไทย ก็น่ารักดีค่ะ"
ถือว่าให้ไฟเขียวเลยมั๊ย
"ยังไฟเหลือง ไม่ใช่เขียวทีเดียวเลย คุณแม่ทุกคนก็มีบ้างที่จะต้องห่วงลูกสาว ถ้าจะให้หมดห่วงก็คงเห็นเราแต่งงานไปแล้ว"
แล้วที่แฟนฝรั่งชวนไปอยู่ด้วย
"ใช่ค่ะ เขาอยากให้เราไปอยู่มาก ยิ่งตอนที่คิดว่าอยากจะไปเรียนภาษาต่อ แต่ก็ไม่ได้ไป ก็บอกเขาว่าเราต้องทำงานอีกประมาณครึ่งปีที่เมืองไทย เขาก็ไม่แฮปปี้ แต่เขาก็เข้าใจ ก็ขอเวลาเขาประมาณ 4 ปี ถ้าเขารอได้ก็โอเค"
มีกระแสว่าเราเกาะแฟนกิน
"เขาไม่ใช่คนรวยอะไร ไม่ใช่เศรษฐีตามข่าว เขาก็เป็นแค่ชาวอเมริกันที่ทำงานเกี่ยวกับหนัง เขาเป็นคนเก่ง ทำให้เขามีงานเข้ามาเรื่อย ๆ ครอบครัวของเขาก็ทำงานดี และญิ๋งก็ไม่คิดจะเกาะใครกิน แม้กระทั่งวันที่ ญิ๋งล้ม ก็มีคนมาช่วยเหลือญิ๋งเยอะ แต่ ญิ๋งก็ไม่รับ อยากทำด้วยตัวของเราเอง"
https://www.facebook.com/teeneedotcom