นักร้องสาว "ลีเดีย" ร่ำไห้ออกทีวี สุดเครียด"หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม" ทำเอาชาวบ้านที่เจอตัว จ้องมองแต่ท้อง ไม่มองหน้า ยันไม่ได้คุยกับ"ทักษิณ"มานาน พร้อมจัดการยื่นฟ้องดำเนินคดีอาญาแล้วในวันเดียวกัน พ่อเผยเตรียมฟ้องแพ่งตามมาแน่ อยู่ระหว่างประเมินค่าเสียหาย 10-50 ล้าน ชี้คนดูข่าวจะเห็นหมอดูคนดังยังพูดไม่เลิก เรื่องลูกสาวตัวเองท้อง หลังเกิดเรื่องภรรยาบุกไปฉะ "หมอกฤษฎ์" กลางเวที ก็ได้รับกำลังใจกลับมาเป็นอย่างมาก ลูกสาวเองก็ดีใจที่แม่ปกป้อง ทางด้าน "หมอลักษณ์ ฟันธง" ตื้บซ้ำ "หมอกฤษฎ์" ตั้งข้อสังเกตวิชาไม่แน่น พร้อมทายแบบสวนทาง "ลีเดีย" เป็นคนมีลูกยากด้วยซ้ำ เตือนตามประสบการณ์ตัวเอง ถ้าทำดาราคนไหนเดือดร้อนต้องรีบหยุด
จากกรณี นางศันสนีย์ วิสุทธิธาดา มารดาของนักร้องสาวชื่อดัง "ลีเดีย"ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา บุกขึ้นไปบนเวทีที่ลานอินฟินิตี้ ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน ระหว่างมีการจัดงาน "สยาม สตาร์ คัลเลอร์ฟูล" ประกบตัวนายศุกฤษฎ์ ปทุมศรีวิโรจน์ อายุ 23 ปี หมอดูชื่อดังที่รู้จักกันในนาม "หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม" โดยนางศันสนีย์เปิดฉากต่อว่าหมอกฤษฎ์อย่างดุเดือดต่อหน้าสื่อมวลชนและแขกในงาน พร้อมทั้งสั่งให้หมอ กฤษฎ์กราบเท้าขอโทษ เรื่องที่ทำนายทายทักว่า "ลีเดีย" ตั้งท้อง สร้างความเสียหายให้กับลูกสาว และก่อนที่นางศันสนีย์จะบุกขึ้นไปบนเวทีครั้งนี้ หมอกฤษฎ์ก็ยังคว้าไมค์พูดทำนองคอนเฟิร์มดวงของนักร้องสาวกำลังท้องด้วย ตามข่าวที่ปรากฏไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายไชยยันต์ วิสุทธิธาดา บิดาของ "ลีเดีย" เปิดเผยว่า หลังจากที่มีข่าวออกไป ก็มีแต่คนให้กำลังใจเยอะ จริงๆ แล้วใครที่ได้ดูข่าว จะเห็นว่าทางหมอกฤษฎ์เขายังพูดไม่เลิก เขาไม่น่าที่จะพูดถึงอีก เขายังคอนเฟิร์มอยู่ ถ้าเมื่อวานเขาบอกขอโทษผ่านทางสื่อ มันก็คงไม่มีอะไร แต่พอถึงเวลาจริง เขาก็ยังคอนเฟิร์มอยู่
ต่อข้อถามว่า ที่ "หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม" บอกว่ามีคนเคยโทร.ไปขู่ว่าให้ระวังตัวให้ดี จะโดนทำร้าย นายไชยยันต์กล่าวว่า เขาไปสร้างศัตรูกับใครไว้เยอะ คงไม่เกี่ยวกับตน ถ้าเกิดตนจะทำ ก็ทำด้วยตนเอง มันสะใจดี คงไม่ไปจ้างใคร แต่ตนก็ไม่กลัวคนคิดว่าตนเองเป็นคนทำ เพราะมันไม่เกี่ยวกับตนอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
"คุณลองคิดดู ถ้ามีคนมาทำนายว่าลูกสาวคุณท้อง แล้วท้องไม่มีพ่อด้วย คุณจะรู้สึกอย่างไร" คุณพ่อนักร้องสาวกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า หลังจากเกิดเหตุได้คุยกับ นางศันสนีย์ วิสุทธิธาดา ภรรยาหรือเปล่า นายไชยยันต์กล่าวว่า "บอกตรงๆ เราไม่ได้คุยกันถึงเรื่องนี้เลย เพื่อนๆ ให้กำลังใจเยอะแยะ ก็สบายใจขึ้น"
แล้วกับ "ลีเดีย" ล่ะ ได้คุยกันมั้ย
นายไชยยันต์ตอบว่า "กับลูกสาวก็ไม่คุยกัน ตัวลีเดียเองเขาคงดีใจที่แม่เขาออกมาปกป้องเขา คือน้องเขาก็ไม่ได้บ่นหรือพูดอะไรกับเหตุการณ์เมื่อวาน แต่เขาบ่นเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นมากกว่า"
ต่อข้อถามอีกว่า ที่หมอกฤษฎ์ออกมาพูดถึงคดีที่จะถูกฟ้องเรียกเงินเป็นจำนวนร้อยล้านบาท นายไชยยันต์กล่าวว่า คงไม่ถึงหรอก เพราะต้องดูว่าเขามีรายได้เท่าไหร่ ตอนนี้ก็กำลังดูอยู่ ตอนนี้ที่ตนยื่นฟ้องไปก็คือเป็นคดีอาญา โดยยื่นฟ้องไปแล้ววันเดียวกันนี้ ส่วนคดีแพ่งก็จะฟ้องตามไป ส่วนเรื่องค่าเสียหายก็ต้องดูตามกำหนดของศาล ก็อาจจะเป็น 10-50 ล้านบาท ซึ่งที่เรียกไปก็อาจจะได้ไม่ถึง แต่ที่เรียกถึงขนาดนี้เป็นเพราะต้องการให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่เขาพูด ที่ผ่านมา เขาเคยทำนายคนอื่นไว้เยอะ แต่ไม่มีใครฟ้อง ตนเลยอยากให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง ส่วนเงินที่ได้มา ตนจะเอาไปบริจาคช่วยเหลือสังคม
ทางด้าน "ชมพู ฟรุตตี้"สุทธิพงษ์ วัฒนจัง รองกรรมการผู้อำนวยการธุรกิจเพลง บริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตั้งแต่ตอนแรกที่มีข่าว ตนก็ได้พูดคุยกับลีเดียในเรื่องที่เกิดขึ้นว่าจริงเท็จเป็นอย่างไร ได้ทราบมาว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง แต่ถูกจับโยงจากทั้งกระแสการเมืองและอื่นๆ รวมไปถึงเรื่องที่หมอกฤษฎ์ได้ทำนายออกไป คิดว่าคำพูดดังกล่าว มันเหมือนกับว่าลีเดียถูกรังแก และคิดว่าคนที่พูดไม่เป็นสุภาพบุรุษ ที่ผ่านมา ตนก็ได้เคยชี้แจงเรื่องนี้กับสื่อต่างๆ แล้ว เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องว่าไม่ได้เป็นความจริง
"เมื่อวานนี้ได้ดูข่าว ใจหนึ่งก็สงสารหมอกฤษฎ์ที่ถูกกระทำแบบนั้น แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่ามันเป็นความชัดเจนของแม่ลีเดียที่จะออกมาปกป้องลูก แต่ไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องที่สะใจ ผมคิดว่าทุกคนควรจะรู้บทบาทของตนเอง ไม่ใช่พูดไปแค่สนุกปากแล้วทำให้คนอื่นเสียหาย เรื่องนี้มันเกี่ยวไปถึงเรื่องความเก็บกดทางสังคม ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในหลายๆ เรื่อง มันก็เลยออกมาในรูปแบบนี้ รู้สึกดีใจที่สังคมได้รับรู้ความจริง กรณีของหมอกฤษฎ์ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า ถ้าพูดถึงบุคคลที่ 3 แล้วทำให้เขาเสียหาย ก็อาจจะมีผลกระทบมาถึงตัวได้" ชมพู ฟรุตตี้ กล่าว
ทางด้านหมอลักษณ์ เรขานิเทศ หมอดูชื่อดังนาม "หมอลักษณ์ ฟันธง" กล่าวว่า ขอพูดในฐานะของคนที่เป็นหมอดูมา 16 ปี รักในวิชาโหราศาสตร์ เพราะนี่คืออาชีพของตน และตนไม่ได้มีอาชีพอื่น ตนก็เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน แต่ตนมองว่าคนเราถ้าจะดัง มันไม่ใช่ดังเพราะมานั่งทำนายดวงใคร แล้วทำให้ตัวเองดัง แต่คนเราจะดังเพราะมีเหตุให้ดังเพราะดวงเราเอง ตนเองไม่ใช่เป็นคนที่ทำนายพร่ำเพรื่อ แต่จะทำนายตามโจทย์ของสื่อ แต่จะไปโทษสื่อทั้งหมดก็ไม่ได้ มันเป็นความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างตัวหมอดูกับสื่อ ในศาสตร์ของการดูดวง เราทำนายตรงๆ ได้ ถูกต้องแล้ว แต่ต้องระวังในเรื่องการพูดออกไปด้วย
"เมื่อก่อนสมัยที่ผมดังแรกๆ เวลาที่มีใครให้ดูดวงใคร ผมให้สัมภาษณ์หมด เพราะมันมีคำว่าเป็นคนสาธารณะอยู่ แต่ถ้าคนสาธารณะคนนั้นเขาไม่พอใจหรือทุกข์ใจ จรรยาบรรณของหมอดูคือต้องหยุดเลย เราทายเพื่อพิสูจน์วิชา ไม่ใช่เพื่อความดัง ถ้าสังเกตให้ดี เวลาที่เป็นเรื่องดีๆ ผมจะทำนายไปตรงๆ เลย ส่วนเรื่องที่ไม่ดี ผมก็พูด แต่เราต้องมีวิธีแก้ไขให้เขาพ้นทุกข์นั้นด้วย และผมเองก็ไม่ใช่ว่าทั้งปีผมจะดูดวงใครไปหมด ก็จะมีคนให้ผมเช็กดวงในช่วงต้นปี ผมไม่คิดจะทำนายให้กับดาราคนไหนเป็นพิเศษ อย่างที่บอกผมทายตามโจทย์ และระยะหลังๆ ผมรู้สึกว่ามีสื่อบางสื่อที่เหมือนไปชี้นำ ผมเองจึงปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและถ้าต้องทำให้คนนั้นทุกข์ใจ สำหรับผมน่ะรู้ตัวว่าผมดังมาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และดังเพราะอะไร แต่อย่าคิดว่าความดังจะทำให้ผมสบายใจ เพราะคนที่เขาไม่พอใจในสิ่งที่ผมทำนายก็ล้วนแต่เป็นคนที่ผมรักและชื่นชอบ อย่าง พี่เบิร์ด ธงไชย อั้ม พัชราภา กบ สุวนันท์ คือผมยอมรับว่าผมไม่สบายใจ หลังจากนั้นผมก็จะไม่พูดถึงคนเหล่านั้นอีกเลย"
ต่อข้อถามว่า อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นการสมควรไหมที่หมอกฤษฎ์จะได้เจอผลจากการพูดของเขา หมอลักษณ์กล่าวว่า ส่วนตัวมันพูดยาก แต่เราต้องมองว่าหมอกฤษฎ์เขามีความรู้ ในการใช้วิชาโหราศาสตร์พยากรณ์จริงหรือไม่ รวมถึงคนทั่วๆ ไปด้วยว่า หมอดูคนนั้นเป็นอย่างไร ทุกวิชาชีพมีตัวจริงตัวปลอมทั้งนั้น ในประเด็นนี้ ถ้าติดตามคำสัมภาษณ์ของลีเดียให้ดีๆ เขาจะพูดว่า "ถ้าหมอกฤษฎ์ทำนายตามหลักวิชา ทางเดีย พ่อแม่เดียก็คงจะไม่ว่าอะไร" ซึ่งประโยคนี้ก็ทำให้เขาต้องคิดแล้วว่า หมอดูคนนี้น่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน และการที่หมอกฤษฎ์บอกเขาขอโทษแล้ว แล้วทำไมต้องมาพูดให้มันมีประเด็นขึ้นมาอีก ถ้าเป็นหมอดูจริงๆ เขาจะไม่ทำแบบนั้น
"ผมบอกเลยว่าหมอกฤษฎ์ถ้าอยากทำนายใครในเรื่องที่เป็นเรื่องลึกๆ เขารู้เวลาเกิดของคนที่ถูกทำนายมั้ย อย่างผมเคยเจอลีเดียตอนที่ผมทำรายการ ศึก 12 ราศี ผมรู้ว่าน้องเขาเกิดวันเดือนปีเกิดอะไรเวลาอะไร อย่างช่วงที่มีกระแสข่าว ผมเองก็เคยเอาดวงคุณลีเดีย มาวิเคราะห์ ซึ่งดวงไม่ได้เป็นแบบที่หมอกฤษฎ์ทำนายเลย ลัคนาเขาเป็นราศีกรกฎ ไม่ใช่มิถุนอย่างที่หมอกฤษฎ์ทำนาย ซึ่งดวงชะตาของคุณลีเดียมีบุตรยากด้วยซ้ำ เพราะมีดาวเสาร์ เป็นพินทุบาต อยู่ในเรือนปุตตะ ซึ่งมาคุมจุดเกิด ทำให้อ่อนกำลัง มันจะบ่งบอกได้ว่า คุณลีเดียจะมีลูกยาก และจะเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับการงานมาก ส่วนคำว่าปุตตะมันตีความได้หลายอย่างคือ แปลว่ามีลูกก็ได้ มีบริวารก็ได้ เป็นคนที่รักเด็กๆ ก็ได้ หรือเป็นคนที่บ้างานอย่างหนักก็ได้ มันไม่ใช่แค่เรื่องมีลูกอย่างเดียว สำหรับคุณลีเดีย ดวงเขาเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับงานและจะดังระดับโลกด้วย เรื่องที่ทายว่าใครท้องหรือไม่ท้อง ก็รู้กันดีว่าผมเองก็เคยมีประสบการณ์มาก่อน การจะทายอะไรให้ตรง มันต้องรู้เวลาเกิดของเขา ที่ผมออกมาพูดไม่ใช่ว่าจะมาทำนายคุณลีเดีย แต่อยากให้กำลังใจเขา สำหรับคุณแม่ของคุณลีเดีย ผมมองว่าเขามาทำหน้าที่ในความเป็นแม่ ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ที่ผมพูด ไม่ใช่เพราะอิจฉาหมอกฤษฎ์ แต่พูดในฐานะของคนที่รักในวิชาโหราศาสตร์"
หมอลักษณ์กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้ว่ากันตามตรง คนมองหมอดูในมุมที่ลบไปแล้ว หมอดูต้องคิดอยู่เสมอว่า ต้องอยากดังให้น้อยกว่าการที่จะทำให้คนอื่นมีความสุข เพราะคนที่มาพึ่งหมอดูก็เพราะอยากได้ความสบายใจ แต่ถ้าดวงเขาไม่ดีจริงๆ แล้วต้องมีความทุกข์ใจเพิ่ม หมอดูก็ควรที่จะบอกทางออกให้กับเขาด้วย
"ผมเคยมีประสบการณ์ในการที่ทายให้คนมีความทุกข์ อย่างคุณ กบ สุวนันท์ คุณพลอย เฌอมาลย์ แต่ผมก็แก้ไขตัวเอง ด้วยการหยุดไปเลย ส่วนหมอกฤษฎ์เขาคงได้บทเรียนแล้ว และต้องระวังตัว หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของเขาว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป หมอดูไม่ใช่แค่ทำนายแม่นหรือไม่แม่น แต่ต้องแม่นในการทายในทั้งเรื่องดังและร้าย สำคัญที่สุดคือ อย่าทำให้ใครทุกข์ใจ" หมอลักษณ์กล่าวว่า
ด้าน "ปู โลกเบี้ยว" หรือ ยุวดี เรืองฉาย หมอดูดาราชื่อดังอีกคน กล่าวว่า หมอดูไม่ใช่เทพหรือเทวดา ที่จะไปมีสิทธิ์ไปลิขิตให้คนเป็นไปแบบนั้นแบบนี้ การที่เราจะทำนายใคร ถ้าดูโดยดวงแล้ว มันก็มีทั้งดีและไม่ดี ถ้าเป็นเรื่องที่ดีพูดไปก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ดี พูดออกไปมันก็กระทบทำให้เกิดความเสียหาย มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีกับคนที่ถูกทำนาย และโดยเฉพาะกับคนๆ นั้น เขาไม่ได้ขอให้เราดู มันก็ยิ่งไปกระทบกันใหญ่ จึงต้องควรระมัดระวังในการที่จะพูด
"เรื่องที่เกิดขึ้น ก็ถือว่าเป็นบทเรียน ที่การพูดนั้นมันทำให้มีผลกระทบ และอยากจะบอกว่า หมอดูที่ดังจริงแม่นจริง เขาจะไม่โอ้อวดตัว ส่วนใหญ่จะถ่อมตัว ก็คิดว่ากรณีอย่างนี้น่าจะเป็นบทเรียนสำหรับหมอดูหลายๆ คน ที่ไม่ใช่ว่าจะพูดอะไรก็ได้ เพราะถ้าพูดแล้วมันเกิดผลเสีย เรื่องนั้นก็จะกลับมาหาตนเอง" หมอดูสาวกล่าว
ส่วนนายแบบหนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ "แมทธิว ดีน" แฟนของนักร้องสาว "ลีเดีย" เผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนก็เข้าใจคุณแม่ว่าอะไรถึงได้ทำแบบนั้น ลีเดียเขาเจออะไรมาเยอะมาก และกับหมอดูคนนี้เขาก็ไปพูดอะไรมั่วซั่วไว้เยอะ ความจริงตอนแรกคุณพ่อกับคุณแม่แค่จะไปชมงาน ไปฟังว่าหมอคนนี้จะพูดว่าอย่างไร พอได้ฟังหมอคนนี้พูดย้ำเรื่องเดิมไม่หยุด คุณแม่คงทนไม่ไหว ขึ้นไปเผชิญหน้ากับเขาเลยดีกว่า ไหนๆ ก็โดนรังแกมาเยอะแล้ว โดยส่วนตัวตนมองว่า อะไรที่เกิดขึ้นไปแล้วมันคงทำอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่หมอดูคนนี้เจอมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เราจะปล่อยให้ใครมาทำร้ายเราทุกวันมันไม่ได้ คนที่ไม่เจอกับตัวเองก็พูดง่าย แต่สิ่งที่คุณแม่ทำเมื่อวานตนว่าโอเคแล้วแหละแค่นั้น เพราะบางคนก็อยากให้ทำมากกว่านี้ ตนมองว่าถ้าเป็นเช่นนั้นคนก็อาจจะไปสงสารหมอดูคนนั้นแทน อีกอย่างอยากให้รู้ว่า ไม่ใช่จะปล่อยให้เขามาทำกับครอบครัวเราแบบนี้ได้ ลักษณะก็เหมือนแม่ปกป้องลูก แม่คนอื่นอาจจะมีวิธีอื่น แต่แม่ของลีเดียเขาเป็นคนลุยๆ ตรงๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวานมีข่าวว่า แมทธิวก็ไปอยู่ในงานนั้นด้วย เจ้าตัวหัวเราะ ก่อนเผยว่า ดีแล้วล่ะ ที่ตนไม่ไป เพราะแค่เห็นหน้าและวิธีการพูดของหมอดูคนนี้ ก็รู้สึกแย่แล้ว จริงๆ ตนจะต้องพาคุณพ่อคุณแม่ของลีเดียไป เพราะท่านทั้งสองไม่คุ้นกับการออกงานอย่างนี้ แต่มาคิดอีกที ก็ไม่ไปดีกว่า ตนมาทราบเรื่องก็จากพี่ที่อาร์เอสโทร.มาบอก ว่าคุณแม่ของลีเดียขึ้นไปเผชิญหน้ากับหมอดูคนนี้บนเวที ตอนนั้นตนอยู่กับลีเดีย ก็งงกันว่า ไหนแม่ว่าจะไปดูงานเฉยๆ แต่ก็เข้าใจว่าคงได้ยินคำพูดย้ำอีก หลังจากนั้น ตนก็ได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่เรื่อยๆ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถึงเข้าใจว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร
"จริงๆ คุณแม่ไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นไปบนเวทีเลย เขาแค่อยากจะไปฟังด้วยหูตัวเองว่าหมอดูคนนี้จะพูด เหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมามั้ย ปรากฏว่าใช่ ก็นั่นแหละ จึงเกิดเรื่องราวขึ้น ส่วนผมกับลีเดียตอนนั้นรู้สึกเป็นห่วงคุณแม่ว่าเขาจะโอเคหรือเปล่า เพราะเรานึกภาพที่หน้างานไม่ออก" แฟนหนุ่มของนักร้องสาวกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากเกิดเหตุ ลีเดียว่าอย่างไร บ้าง แมทธิวกล่าวว่า "เอาจริงๆ นะ ผมกับลีเดียไม่ได้คุยกันมากเลยเรื่องนี้ อาจจะมีนิดนึงที่บอกว่า ดีแล้วล่ะที่เจอซะบ้าง ไม่ใช่ว่าปล่อยให้นอนอยู่บ้านเฉยๆ เพื่อรอฟ้องร้องอย่างเดียว ให้หมอดูคนนั้นเขาได้เห็นหน้าคนที่เขาทำนายแบบมั่วๆ ไปเลย ที่ผ่านมาเดียเขาเสียหายเยอะ ไม่ใช่แค่ตัวเขา แต่เป็นครอบครัวเขาด้วย และเขาอายุ 21 ปี ยังไม่ได้แต่งงาน มาพูดเรื่องท้งเรื่องท้องมันไม่สมควร ผมเองไม่ได้ให้กำลังใจเดียมากหรอก ก็แค่อยู่ตรงนี้ มีอะไรก็คุยกัน เราต่างเข้าใจดีว่า อะไรเป็นอะไร"
เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ชั้น 7 อาคารมาลีนนท์ 2 ไทยทีวีสี ช่อง 3 ถ.พระราม 4 ได้มีการบันทึกเทปรายการ "เรื่องเด่นเย็นนี้" ในช่วง "สรยุทธเจาะข่าวเด่น" ที่มีผู้ประกาศข่าวคนดัง "สรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นผู้ซักถาม กับนักร้องสาว "ลีเดีย"ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา โดยนักร้องสาวเดินทางมาพร้อมกับแฟนหนุ่ม "แมทธิว ดีน" เมื่อเดินทางมาถึงฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ บริษัท อาร์เอส จำกัด ซึ่งรออยู่ก่อน รีบนำนักร้องสาวพร้อมกับแฟนหนุ่มเข้าไปยังห้องแต่งตัวทันที โดยขอร้องไม่ให้สื่อมวลชนตามเข้าไปภายในห้องดังกล่าว
จนต่อมาเวลา 15.40 น. สรยุทธเดินนำนักร้องสาวเข้าไปยังห้องบันทึกเทป โดยมีช่างภาพและนักข่าวเป็นจำนวนมากตามเข้าไปบันทึกภาพในสตูดิโอ จากนั้นการบันทึกเทปก็เริ่มขึ้น โดยสรยุทธถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องผลกระทบกับครอบครัว การฟ้องร้อง รวมไปถึงเรื่องของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ลีเดียตอบว่า เรื่องเมื่อวาน แม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปทำอย่างนั้น แต่แม่ทนไม่ได้ที่หมอดูคนดังกล่าวยังมาคอนเฟิร์มอีก แม่จึงไปให้เขาขอโทษ ที่ผ่านมาครอบครัวของตนเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก เพราะคนในบ้านและญาติๆ จะถูกคนอื่นมองอย่างเหยียดหยาม อย่างอากู๋ของตนก็มีคนมาว่าหลานท้อง จนอากู๋จะไปต่อยกับเขา เพื่อปกป้องหลานตัวเอง ลูกพี่ลูกน้องของตนก็ถูกคนอื่นด่า และมีเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้มีผลต่อครอบครัวมากๆ ส่วนเรื่องที่เขาออกมาบอกว่า เป็นการพูดตามที่นักข่าวถาม เรื่องนี้คิดว่าเป็นการแก้ตัวมากกว่า เพราะหลักฐานต่างๆ ชี้ชัดว่าเขาคิดที่จะทำลายตน ส่วนกับพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้คุยกับท่านนานแล้ว แต่ท่านคงจะทราบเรื่องที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ นักร้องสาวถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความอึดอัดใจและเสียใจ ทั้งนี้ มีการนำซีดีหลักฐานตอนหมอกฤษฎ์ทำนายดวงของตน ด้วยลีลาอันเป็นเอกลักษณ์มาเปิดแสดงด้วย การสัมภาษณ์ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงเสร็จสิ้นลง จากนั้นนักข่าวที่มารอทำข่าวต่างก็กรูกันเข้าหานักร้องสาวเพื่อสัมภาษณ์เพิ่มเติม ปรากฏว่าทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ของอาร์เอสฯ เข้ามาขอร้องนักข่าวว่าขอให้น้องทำใจก่อน เพราะนักร้องสาวกำลังร้องไห้ จนเวลาผ่านไปสักพักนักร้องสาวบอกว่าพร้อมที่จะให้สัมภาษณ์แล้ว
ลีเดียที่ยังอยู่ในอาการตาแดงก่ำ ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนที่ได้ยินข่าวแม่บุกขึ้นไปบนเวทีต่อว่าหมอกฤษฎ์ ก็ตกใจ ไม่คิดว่าแม่จะโกรธขนาดนั้น แต่ก็เข้าใจหัวอกแม่ และก็คิดว่าพ่อแม่คนไหนก็คงจะโกรธที่ลูกเจอแบบนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าทราบหรือไม่ว่า พ่อแม่จะไปงานดังกล่าว นักร้องสาวกล่าวว่า ทราบเรื่องเพราะว่ามีข่าวลงว่า หมอกฤษฎ์จะไปงานนี้ และที่ผ่านมาแม่จะดูทีวีทุกวัน หมอดูคนนี้ก็ออกมาพูดด้วยคำพูดเดิมๆ ว่าคอนเฟิร์มทุกวัน แม่ก็ทนไม่ได้ วันนี้จึงจะไปดูด้วยตัวเองว่า เขายังจะพูดอีกหรือเปล่า และอยากจะเห็นหน้าหมอดูคนนี้ด้วยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่ได้ตั้งใจจะบุกขึ้นไปถึงเวที แต่พอหมอดูคนนี้พูดอีกรอบต่อหน้าแม่ที่ยืนดูอยู่ แม่ก็เลยโกรธ ก็เลยขึ้นเวทีและก็พูดว่าใครสั่งให้คุณทาย จนกลายเป็นเรื่อง
พอแม่กลับไปถึงบ้าน พูดว่าอย่างไรบ้าง นักร้องสาวกล่าวว่า แม่ก็เล่าเรื่องให้ฟัง ตนก็ได้แต่อึ้งๆ พูดอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมีผลกระทบกับชีวิตอย่างไรบ้าง ลีเดียเผยว่า ที่ผ่านมาชีวิตแย่มากๆ เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนคิดว่าเราเป็นเมียน้อย ท้อง หรือไปทำแท้งมาหรือเปล่า มีถึงขนาดว่าเวลาเดินไปไหนมาไหนก็จะมีแต่คนมองท้อง ไม่ได้มองหน้าเลย และก็ซุบซิบว่าท้องไม่ท้อง ตนได้ยินมากับหู ยิ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวลืออยู่แล้วว่าท้องบ้าง เป็นเมียน้อยบ้าง พอเจอหมอดูคนนี้มาคอนเฟิร์มอีก ก็ยิ่งหนักขึ้นไปอีก คือตนเองก็ไม่ใช่ว่าไม่ดูหมอดู แต่เราก็ดูเพื่อให้เป็นการชี้แนะในทางที่ดี แต่พอเขาออกมาแบบนี้ปุ๊บ คนบางคนก็คิดว่า ขนาดหมอดูออกมาคอนเฟิร์มแล้ว มันก็น่าจะจริง ที่ผ่านมาป๊ากับแม่และก็ญาติๆ เครียดกันมาก เดือดร้อนกันหมดทั้งตระกูล เรื่องที่เกิดขึ้นก็ยื่นฟ้องไปเรียบร้อยแล้ว โดยป๊าให้ทนายฟ้องไปแล้ว ซึ่งฟ้องทั้งอาญาและก็แพ่งไปยื่นฟ้องแล้วเมื่อเช้า โดยศาลนัดไต่สวนคดี ในวันที่ 16 ก.พ. 2552 เรียกค่าเสียหายก็น่าจะเยอะอยู่ หากว่าชนะก็จะมอบเงินจำนวนนี้ให้กับมูลนิธิ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าฟ้องเรียกค่าเสียหายถึง 100 ล้านบาทจริงหรือเปล่า นักร้องสาวกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่คิดว่าไม่ถึงขนาดนั้น ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า เมื่อวานมีข่าวว่า แมทธิวไปดักต่อยหมอกฤษฎ์จริงหรือไม่ นักร้องสาวปฏิเสธบอกว่า ไม่ได้ไป เมื่อวาน พี่แมทอยู่บ้านกับตน เพื่อคอยฟังข่าวว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ ผู้สื่อข่าวถามต่อไปอีกว่าทางหมอกฤษฎ์ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุรายการหนึ่งบอกว่า มีเสียงผู้ชายคล้ายเสียงแมทธิวโทร.ไปขู่ทำร้ายเขา เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร นักร้องสาวกล่าวว่า อันนี้ไม่มีอยู่แล้ว
อยากจะฝากอะไรถึงหมอกฤษฎ์อีกหรือเปล่า นักร้องสาวกล่าวว่า ก็คงจะไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ข่าวนี้จะมีผลกระทบกับงานเพลงหรือไม่ ลีเดียตอบว่า มีแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า วันนี้ที่เสียน้ำตาตอนที่อัดเทปรายการ เพราะอะไร นักร้องสาวก็ตอบว่า มันกลั้นไว้ไม่อยู่ แต่ก็ดีใจที่แม่ไปปกป้องตนเอง เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครมาปกป้องตนเลย เรื่องไกล่เกลี่ยกันก็คงไม่มีแล้ว เพราะที่ผ่านมาก็เคยมีการไกล่เกลี่ยแล้ว แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า เมื่อเช้าหมอกฤษฎ์ มีการโฟนอินไปรายการวิทยุรายการหนึ่งว่าจะฟ้องร้องกลับข้อหาหมิ่นประมาท ที่แมทธิวไปว่าเขาเป็นหมอดูสุนัข นักร้องสาวกล่าวว่า เรื่องนี้ถ้าเขาจะฟ้องกลับเราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนนี้ตนก็เดินหน้าต่อไปให้ป๊าและแม่ดำเนินการต่อไป
"สำหรับเรื่องเมื่อวานนี้ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น อย่างแรกก็ต้องขอโทษเจ้าของงานก่อนค่ะว่าแม่ไม่ได้ตั้งใจไปทำให้งานเขาเสีย แต่เราเองก็เข้าใจแม่ว่าทำไปเพราะอะไรค่ะ" ลีเดียกล่าว
ด้านแมทธิว ดีน กล่าวสั้นๆ ก่อนจะเดินทางกลับว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ตนได้ให้กำลังใจน้องเหมือนกับคนในครอบครัวเขาให้ เมื่อวานตอนแม่มีเรื่องตนก็อยู่บ้านลีเดีย โดยตนทราบเรื่องเพราะว่าพีอาร์ของบริษัทโทร.มาบอก ต่อไปก็คงจะต้องพาน้องไปทำบุญบ้าง จะได้ไม่เจอเรื่องแบบนี้อีก
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ระหว่างที่เดินกลับไปขึ้นรถ ลีเดียยังร้องไห้อีกด้วยความสะเทือนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันมากเกินไปแล้ว ทั้งนี้ นางศันสนีย์ แม่ของนักร้องสาว บอกกับคนใกล้ชิดว่า มีกระแสในอินเตอร์เน็ต ทั้งชอบและไม่ชอบในสิ่งที่นางศันสนีย์บุกไปฉะหมอกฤษฎ์ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเขียนไปในทางสะใจและก็ชอบ ที่ทำลงไปก็เพื่อปกป้องลูกของเธอตามหน้าที่ของแม่
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก น.ส.ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา หรือ ลีเดีย นักร้องสาวค่ายอาร์เอส มอบอำนาจให้ทนายความ เดินทางมา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายศุกฤษฎ์ ปทุมศรีวิโรจน์ หรือ"หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม" หมอดูชื่อดัง เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา
ตามฟ้องโจทก์ สรุปว่า ระหว่างวันที่ 20-25 พ.ย. 51 จำเลยซึ่งอวดอ้างว่าตัวเองเป็นหมอดูในชื่อ"หมอ กฤษฎ์ คอนเฟิร์ม" ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวรายการโทรทัศน์ "ทีวีพูลไลฟ์" ที่ใช้ชื่อนามแฝงว่า "เต๋า ทีวีพูล" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 โดยผู้สื่อข่าวถามว่า"ล่าสุดมีกระแสข่าวลือนะคะ เกี่ยวกับน้องลีเดียว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ดวงเธอตอนนี้ถึงเกณฑ์ตั้งครรภ์หรือยังคะ" ซึ่งจำเลย ตอบว่า "อึ้งเล็กน้อยนะครับ...แต่จากดวงชะตานะครับ จากดวงบริเฉท ณ เวลานี้ที่ผมดูนะครับ ต้องบอกว่าดวงชะตาของคุณลีเดียนั้น มีดาวปุตตะเข้ามาสัมพันธ์กับดวงชะตาค่อนข้างมาก ดาวปุตตะ ตามโหราศาสตร์ หมายถึง ลูก นะครับ เป็นดาวศุกร์นะครับ เพราะงั้นผมคอนเฟิร์ม เลยนะครับ แบบไม่กลัวจะทายผิดเลย ดวงคุณลีเดีย ตอนนี้ท้องแน่นอน คอน เฟิร์ม" โดยการที่จำเลยให้สัมภาษณ์ด้วยข้อความดังกล่าว ณ เวลานั้นมีความหมายให้เข้าใจได้ว่า โจทก์ กำลังตั้งครรภ์อยู่ ซึ่งเป็นความเท็จ และมีเจตนาจงใจ ประสงค์ต้องการสื่อให้บุคคลที่ 3 ที่ได้รับรู้ข้อความเข้าใจว่า ขณะจำเลยกำลังให้สัมภาษณ์อยู่นั้น โจทก์กำลังตั้งครรภ์จริง ซึ่งต่อมาได้มีการออกอากาศคำให้สัมภาษณ์ของจำเลย ดังกล่าวทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5
โดยข้อความที่จำเลยให้สัมภาษณ์นั้น เป็นการกล่าวหาว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี มีพฤติการณ์ปกปิดซ่อนเร้นมั่วผู้ชาย และมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับชายอื่นที่ไม่ใช่สามีของตนโดยถูกต้อง จนตั้งครรภ์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงและเกียรติคุณต่อส่วนตัวและวงศ์ตระกูล ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เสียหายแก่ทางเจริญของโจทก์ ความจริงแล้วปัจจุบันโจทก์ยังมีสถานภาพโสด ไม่เคยผ่านการสมรสมาก่อน เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนเรื่อยมา จึงขอให้ศาลลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 393 และขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยลงคำโฆษณาคำพิพากษาคดีนี้ในหนังสือพิมพ์ข่าวสด และอีก 6 ฉบับติดต่อกันเป็นเวลา 15 วัน
ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.4878/2551 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในวันที่ 16 ก.พ. 52 เวลา 13.30 น.
https://www.facebook.com/teeneedotcom