ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ เปิดใจหลังเลิกแพรวพราว เคลียร์ปมร่วมงานแต่ไม่มองหน้า

"บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์" เปิดใจต่อหน้าสื่อครั้งแรก หลังเลิกลากับ แพรวพราว แสงทอง รับยังคุยกันุทุกวันแต่แค่เรื่องลูก ที่ขึ้นเวทีแล้วไม่มองหน้า เป็นอารมณ์ตัวเอง ไม่อยากฝืน

ตอนนี้วงใหญ่เราไม่ได้ทำแล้ว จากที่ผ่านมาเราเคยทำแต่ตอนนี้เรามองเป็นในเรื่องของศิลปิน ที่จะสามารถอยู่เวทีไหนก็ได้ เข้าที่ไหนก็ได้ ซึ่งตนเองจะมีการวางแผนการตลาดใหม่ทั้งหมด รวมทั้งผังต่างๆ ต้องวางแผนใหม่ทั้งหมดตอนนี้แม้จะออกมาทำได้ไม่กี่วัน แต่ตลอดเดือนมีนาคมนั้นคิวงานเต็มหมดแล้ว

และในส่วนคิวงานนัดไปร่วมกับ "แพรวพราว แสงทอง" นั้นยืนยันว่า ทุกอย่างยังเหมือนเดิม อนาคตเราไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไร แต่ตนเองยืนยันว่าเหมือนเดิม ฟรีสไตล์สามารถขึ้นที่ไหนก็ได้ การเป็นศิลปินไม่มีข้อจำกัดว่าห้ามขึ้นตรงนั้นตรงนี้ สำหรับตนเองยืนยันไม่มี แต่สำหรับคนอื่นตนเองไม่รู้

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ เข้ามาในชีวิตตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว หลังจากที่ย่ำแย่มาหลายเดือนได้รับกำลังใจดีๆ จากแฟนคลับผ่านคอมเมนต์ในโซเชียล ก็ได้รับกำลังใจอย่างล้นหลาม เวลาเดินทางกลับถึงสนามบินก็มีแฟนคลับมารอรับ 20-30 คน ทั้งตอนไปตอนกลับมีแฟนคลับมาคอยรับส่งให้กำลังใจ ไปไหนก็มีแต่คนชู 2 นิ้ว แล้วพูดว่า "สู้สู้นะ" ทำให้ตอนนี้รู้สึกดีมากๆ เรื่องราวในอดีตตอนนี้ไม่กลับคิดทุกอย่าง อยู่ข้างหลังหมดแล้ว เราทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังเรามองแต่ข้างหน้า เรามองแต่อนาคตดีกว่าว่าเราทำเพื่อใคร

ในเรื่องของความเห็นต่างๆ จากโซเชียลจากสื่อต่างๆ ส่วนตัวเราก็เข้าใจทุกคน ก็พูดตามประสาของใครของมันไป ถ้าเราไม่ได้เป็นไปตามคำพูดเหล่านั้นเราก็ไม่ต้องเดือดร้อน ต่อให้คนมาด่าก็ไม่เดือดร้อน ให้พูด 100 รอบเราก็พูดคำเดิม

ครอบครัวนั้นได้มีการแบ่งกันชัดเจน ถ้าเราจะไปด้วยกันก็ไปได้ คือไปกันแบบฟีลครอบครัว เป็นพ่อแม่ลูก และลองไปแบบไม่ต้องถ่ายคลิปวิดีโอ ไปในนามของพ่อกับแม่ไม่จำเป็นต้องถ่ายคลิปก็ได้ บางสิ่งบางอย่างเราอยู่ในโลกของเรา ไม่มีคอมเมนต์ก็ไม่มีปัญหา

ตอนนี้ก็คุยกันทุกวัน แต่ไม่ได้คุยเรื่องส่วนตัว คุยเฉพาะเรื่องงานเท่านั้นและก็เรื่องลูก อาจจะถามถึงเรื่องการง้อตนเองว่าทุกอย่างชัดเจนทั้งหมดแล้ว มันตอบแทนคำพูดไปแล้ว มันผ่านคำว่าง้อไปหมดแล้ว มันเลยทุกอย่างไป

หลังจากนี้มุมมองของตนเองการเป็นเพื่อนกันดีที่สุด การกลับไปมันมีแผลเป็นแล้ว เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแลกเปลี่ยนอะไรกันได้ แต่ก็ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง เพราะเราเป็นคนไม่ใช่โรบอท เราก็ต้องใช้ในการปรับจูนเข้าหากัน อย่างเช่น

ที่มีกระแสดราม่าล่าสุด ที่บอกว่าขึ้นเวทีไม่มองหน้ากัน ในเรื่องนี้มันก็เป็นตามอารมณ์ตามความรู้สึกของตัวเอง ถ้าเราจะโกหกความรู้สึกของตัวเองมันก็คงจะดูปลอม หลังเวทีก็พูดคุยกับเค้าดีอยู่นะ โทรศัพท์ก็คุยดีอยู่ ตอนนั้นก็ไปตามหน้าที่ ไปก็ว่า ไม่ไปก็ว่า ไม่ไปงานเป็นลูกผู้ชายที่แท้ตนเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าคำว่า ลูกผู้ชายที่แท้จริงมันเป็นแบบไหน ที่พูดเป็นลูกผู้ชายแบบไหนเราก็ไม่รู้เหมือนกัน คำว่าลูกผู้ชายมันแปลว่าอะไร คำตอบที่แท้จริงมันไม่มี

หัวข้อแนะนำ

เจษ เจษฎ์พิพัฒ เปิดใจ หลัง วิว วรรณรท มีแฟนใหม่ ฝากประโยคนี้ไปให้เธอ

คู่รักช่องดัง คลั่งรักไม่ไหว! ฝ่ายหญิง จุ๊บไหล่ ทำฝ่ายชายร้องเสียงหลง

เปิดธุรกิจ พีเค ปิยะวัฒน์ คุมบริษัทบันเทิง สินทรัพย์รวยระดับ...

ย้อนโพสต์พีเค. โพสต์ภาพโยเกิร์ต แคปชั่นส่อแวว ก่อนเตียงหัก