นักร้องรุ่นเก๋าเจอวิกฤติติดหนี้20ล้าน คิดไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เยอรมัน
ติ๊ก : ตอนนั้นเราทำธุรกิจอยู่ที่ลาดพร้าว 71 เป็นบริษัทนำเข้า-ส่งออก แต่เป็นนำเข้ามากกว่ามันเป็นช่วงหนึ่งที่เราเคยได้ยินว่ามีรถขายรถ มีบ้านขายบ้าน มีที่ขายที่ ซื้อดอลล่าร์เก็บไว้ แต่เราก็ไม่ได้เอะใจ ไม่ได้ทำแบบนั้นตอนนั้นทำธุรกิจอยู่ ธุรกิจไปได้สวยมาก พอวันหนึ่งเขาลดค่าเงินบาท ปั้ง !! เราทันทีเลย ไม่ใช่ครอบครัวเราครอบครัวเดียวนะ ทั้งประเทศมีคนฆ่าตัวตาย ช่วงปี 2540 ต้มยำกุ้ง
พี่แอบไปร้องไห้ ?
ติ๊ก : ตอนร้องไห้คือตอนที่เราเอาเงินไปใช้หนี้ วันนี้เอาเงินไปใช้หนี้แบงค์นี้ ครั้งต่อไปแบงค์นั้นมาฮุบแบงค์นี้ ก็ต้องเอาเงินไปใช้แบงค์อื่น ทุกครั้งที่เราเอาเงินไปจ่าย มันไม่ได้ไปจ่ายน้อยๆ แล้วมันก็ไม่สามารถต้านทานความโศกเศร้าของเรา มันก็เลยต้องหลั่งน้ำตาร้องไห้ด้วยความเสียดาย เรามีชื่อเสียงมามีทุกอย่างมาเรียบร้อย แต่นี่ไม่ใช่ว่สมันไปถึงจุดจุดเดิมนะ มันไปถึงชั้นใต้พิภพถึง 20 ชั้น ถ้าสวยรรค์ก็ชั้น 7 แต่ถ้านรกก็ 20 ขุม
ตอนนั้นคลอดลูกด้วย ในฐานะคุณแม่ตอนนั้นเป็นยังไง ?
อ้อ : รู้สึกกังวลมาก เครียด พี่ติ๊กจู่ๆก็เป็นหนี้ เพราะค่าเงินมันเปลี่ยน ก็อยู่เป็นกำลังใจให้พี่ติ๊ก บอกว่าพี่ก็สู้นะเราล้มได้เดี๋ยวเราก็ลุกขึ้นได้ ตอนนั้นมีเปิดท้ายขายของก็อุ้มลูกไป เอาของในบ้านของเขาเนี่ยแหละไปขาย
ติ๊ก : ทางออกของนักธุรกิจ ของผู้คน ในหลายๆครอบครัว มันจะมีตลาดเปิดท้ายขายของ มีอะไรก็ขายหมด ขายทุกอย่าง ขายเพื่อให้เรามีชีวิตอยู่รอด แต่ก็มีคำที่ออกมาจากปากอ้อ พ่ออ้อจะดูแลพ่อเอง เราจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เยอรมัน
พี่ติ๊กว่ายังไง ?
ติ๊ก : ป่ะ ลองดู ตอนนั้นแทบจะไม่ได้มีคอนเสิร์ต ถ้าจะมีก็แค่งานพิธีกร คือความเครียดขอเรามันมีแน่นอน มันจะต้องหาวิธีการอะไรก็ได้ที่จะดำรงชีวิตให้ได้แล้วก็ใช้หนี้ให้ได้ เราก็คิดว่า ซึ้งใจนะที่อ้ออยู่เคียงข้างเราเสมอ แม้ยามที่เราทุกข์และสุข เราเป็นหัวหน้าครอบครัว ร้องเพลงได้ แต่งเพลงได้ เป็นศิลปินวาดภาพ เล่นหนังก็ได้ เล่นละครก็ได้ เราก็ยังมีชีวิตอยู่ได้นะ ผมเป็นลูกผู้ชายพอ ผมกล้าสู้ ผมไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย แต่ว่าสู้ได้ เพราะว่าเราเป็นคนขยัน เป็นคนอดทน เป็นหัวหน้าครอบครัว เพราะฉะนั้นถ้าจะตายให้มันรู้ไป เราตัดสินใจว่าเราจะอยู่ที่เมืองไทย
ติ๊ก : เรียกว่าเหนื่อยสายตัวแทบขาด
อะไรทำให้พี่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมายาวนาน 30 ปี ?
อ้อ : ต้องมีความยืดหยุ่น ถอยมาคนละก้าว ถ้ามีตรงไหนเรามีปัญหากันให้มาคุยกัน
ติ๊ก : อีกอย่างก็คือโซ่ทองคล้องใจก็คือชาเมกับยาหยี ผมเป็นคนเห็นคุณค่าของเวลา ทำงานทุกนาทีมีคุณค่าเสมอ ถ้าโกรธเคืองกันงอนกันไม่พูดกันสองวัน น่าเสียดาย บางทีเลยไปถึงสามวัน พอวันที่สี่กลับมาคุยกันมันน่าเสียดายที่เราบึ้งตึงใส่กัน
อยากจะบอกอะไรผู้ชายคนนี้ ?
อ้อ : ขอโทษพ่อที่ผ่านมาอ้อเคยทำอะไรให้ไม่สบายใจหรือว่าเสียใจ หรือว่าทำตัวไม่น่ารัก อ้ออยากจะขอบคุณพี่ติ๊กที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่อดทน เข้มแข็ง ดูแลเราอย่างดีมาเสมอไม่ว่าจะเป็นอ้อหรือลูก ขอบคุณที่พี่มีความรักให้อ้อเสมอต้นเสมอปลาย ขอสัญญาว่าอ้อจะอยู่เคียงข้างพี่ตลอดไป ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ตราบเท่าที่อ้อยังมีลมหายใจอยู่
ติ๊ก : ทุกครั้งที่ผมพูดว่าผมจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ มาถึงวันนี้ก็ยังรักษาคำพูดนี้อยู่ มันมีบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างที่อ้อพูดเมื่อสักครู่นี้ หลายๆคนอาจะนำไปใช้ก็ได้ถือว่าเป็นวิทยาทานเป็นการแลกเปลี่ยนกัน ถ้าวันไหนมันหนักหนาจริงๆ อ้อจะบอกว่า พ่อมานี่ อ้อจะกราบเท้าพ่อ ขอโทษแล้วก็อยากจะขอบคุณพ่อที่เลี้ยงดูมา ที่อยู่ด้วยกันมาแล้วก็ดูแล มาถึงตรงนี้ผมกล้าพูดได้ว่า ในชีวิตนี้จะอยู่ดูแลอ้อแล้วก็ลูกๆของเราไปจนลมหายใจสุดท้ายครับ
https://www.facebook.com/teeneedotcom