นักร้องสาวเผยชีวิตคุณหนูตกสวรรค์ บ้านล้มละลายไร้ที่ซุกหัวนอน
"ก็เป็นการประกวด เพราะตอนนั้นไม่ได้อะไรกับชีวิต แต่เพิ่งมารู้ตอนโตมาว่าเราก็เลือดนักสู้เหมือนกัน เพราะตอนประกวดรางวัลที่เราได้ 3-5 พัน เราเดินสายประกวด แต่ก็ไม่ได้ชนะทุกเวที แต่มันก็ไม่พอที่จะเอาไปจ้างค่าเทอม พอเรามาประกวดที่กรุงเทพฯ ก็ต้องย้ายมาอยู่กับแม่ เพราะพ่อกับแม่แยกกันตั้งแต่เราเด็กๆ เราตัดสินย้ายมาเรียน กศน. เพราะเราจะตามฝันเป็นนักร้อง พอมาอยู่กับแม่ได้แป๊ปนึง ก็ย้ายออกมาดูแลตัวเอง อายุประมาณ 16-17 ปี ตอนนั้นร้องเพลงที่ร้านอาหาร ไม่ใช่ผับ ได้คืนละประมาณ 700 บาท คืนนึงรับ 3 ที่ หักค่าห้อง ส่งให้ที่บ้านทก็พอเหลือใช้นะ"
และเริ่มอยากเป็นศิลปินหรือยัง?
"เริ่มอยากเป็นตั้งแต่เริ่มต้นประกวด การที่เราเข้ามาประกวดที่กรุงเทพฯ เพราะเราอยากเป็นศิลปิน ย้อนกลับไปตอนประกวดของแฟนทีวี ก็ได้รางวัลชนะเลิศ เป็นเซ็นสัญญาเป็นศิลปินฝึกหัดอยู่ 1 ปี แต่ยังไม่ได้ออกอัลบั้ม เพราะยังอ้วน เป็นเด็กอยู่ ท้ายที่สุดก็คุยกับแกรมมี่โกลด์ด้วย ว่าหลายๆ อย่างยังไม่พร้อม ก็เลยคุยว่าต้องเซย์กู้ดบายกัน สักพักไปประกวดเดอะวอยซ์"
"หนูคิดว่าถูกนะ การที่หนูเลือกออกมาใช้ชีวิตตั้งแต่เด็ก ได้ฝึกการไตร่ตรอง ได้ฝึกการใช้วุฒิภาวะตัวเอง ฝึกวางแผนใช้ชีวิตด้วยตัวเอง และพอเราประกวดเดอะวอยซ์เสร็จ เราเริ่มลังเลว่าจะยังไงต่อ เราเริ่มอยู่กับเพลงสตริง เพลงสากลมากขึ้น มีความสับสนว่าเราจะออกเพลงแนวไหนดี เราก็เริ่มทำเพลงเองกับพี่ที่เขาถนัดด้านนี้ และท้ายที่สุดก็ได้บทสรุปว่า ตอนเรากลับอุดร นั่งอยู่ในรถ พระอาทิตย์กำลังตกดิน เป็นทุ่งนา ความเป็นบ้านเรา เพลงพี่ต่ายก็ขึ้นมา วินาทีนั้นเราก็คิดขึ้นได้ว่าสุดท้ายกูก็สาวลูกทุ่งดีๆ นี่เอง เลยตัดสินใจกลับมาประกวดเวทีเพลงลูกทุ่งเลย"
พอเราได้มาเป็นนักร้อง และพยายามเท่าไรก็ไม่ดังสักที?
"ใช่ค่ะ หนูเป็นคนนึงทำเต็มที่ทุกโอกาส ทุกเพลง เพราะฉะนั้นที่คอนโทรลไม่ได้คือจังหวะของชีวิต เราทำเต็มที่แล้ว หนูคืดว่าเมื่อไรก็เมื่อนั้น หรือเพลงเราดีมาก กะว่าปล่อยปีใหม่ คือดีมาก ติด 1 มาแรงในยูทูป เป็นไวรัลใน tiktok งานแน่นแน่นอน สรุปโควิดมาล็อคดาวน์ เพลงดีมันทำกันได้ แต่จะทำเพลงให้ดัง มันหูยยยย ชื่อว่าเพลง ห้ามตั๋ว"
https://www.facebook.com/teeneedotcom