เหตุการณ์นี้หรือเปล่า? ทำพระเอกดังอยากทิ้งวงการฝันเป็นพ่อค้าขายของ
แล้วตอนนี้อยากทำอะไร
ซี : ตอนนี้อยากจะเป็นพ่อค้าขายของ อยากเปิดร้านทำแบรนด์เสื้อผ้าด้วย พอทำแบรนด์เสื้อผ้าได้นิ่งแล้วก็อยากเพิ่มธุรกิจเข้าไปอีก แต่ไม่ใช่ไม่รับงานแสดงไปเลยนะครับ ยังรับอยู่ ที่ทำตรงนั้นก็เพราะว่าเราอยากจะทำ นั่นคืออีกหนึ่งสิ่งใหญ่ๆ ที่อยากประสบความสำเร็จครับ
เข้าใจในบทบาทการแสดงต้องการการเรียนรู้ที่ท้าทายแต่ความท้าทายก็มาพร้อมความกดดันเช่นเดียวกัน
ซี : ทุกเรื่องแหละผมว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของทุกงานอยู่แล้ว
ซี : อันนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดขึ้น ผมเป็นคนร้องไห้ยากมาก คิวแรก และเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของผมด้วย แล้วเรารู้สึกว่าเราเล่นมาหลายเทคแล้ว แล้วตีกับความรู้สึกรู้สึกตัวเองว่า ทำไมได้แค่นี้เองว่ะ ก็มีพี่แต่งหน้ากับหนูนั่งอยู่ก็รู้สึกว่าดราม่า อยู่ดีๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเลย มันเกิดจากความที่เรากดดันตัวเองแล้วเราทำไมได้ เต็ม 5 ผมให้ติดลบ ทุกคนถามว่าเป็นอะไร ถ้าไม่พูดออกมามันจะไม่คลายนะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันในจุดลึกๆ ตอนนั้นมันเกิดเพราะว่าอะไร มันมาได้ยังไงผมตอบไม่ได้ ตอนนั้นว่างเปล่าแล้วก็น้ำตาไหลมาเรื่อยๆ เลย ไหลแบบหน้านิ่งๆ แล้วก็ไหลๆ อยู่นั่น
แล้วพอเราอธิบาย ปลดล็อคออกไปหลังจากนั้นเล่นได้เลยไหม
ซี : วันนั้นก็ต้อง 2-3 คิว ก็ต้องทำความเข้าใจเรียนรู้กับตัวละครนี้ให้มากขึ้น
ก็จริงๆ แล้วมีหลายอย่างซึ่งที่ผ่านมาก็สร้างความกดดันให้กับตัวเอง เช่น มีคอนเสิร์ตใหญ่
ซี : มาก เยอะ ผมเจอหลายเรื่องมาก (หัวเราะ) ผมเป็นคนไม่ค่อยเล่าในพาร์ตความอ่อนแอ เราเป็นคนไม่ค่อยได้แชร์ความอ่อนแอให้ใครเห็น ช่วง Zee Me Show ก็เป็นเรื่องที่ไกลตัวเรามาก เราไม่ได้เก่งเรื่องร้องเพลงหรือการเต้น ช่วงนั้นเป็นช่วงวันเกิด แล้วเราอยากทำให้แฟนคลับ ตอนแรกก่อนก่อนหน้านี้จะมีคอนเสิร์ตของหนูมาก่อนเรารู้สึก โอ้โห หนู ถ้าหนูจัดใหญ่ขนาดนี้ วันเกิดเฮียก็ไม่น่าจะต่างอะไรจากนี้ เราก็คิดในใจว่า หนูผ่านมาได้ เราก็ต้องผ่านไปได้เหมือนกัน แต่พอมาถึงวันใกล้เวลาจริง ช่วงนั้นไม่ได้มีแค่ Zee Me Show ซึ่ง Zee Me Show เป็นพาร์ตย่อย แต่เรามีเรื่องส่วนตัว เรื่องดราม่าส่วนตัว เรื่องในชีวิตต่างๆ แบบชีวิตรุมเร้ามากตอนนั้น ไหนจะความกดดันของ Zee Me Show กลัวทำออกมาไม่ดี เรียกว่าชีวิตตอนนั้นชีวิตจิตตกมาก ตอนแรกคิดว่าจะไม่ทำด้วยซ้ำ
ซี : ถ้าให้พูดตามตรง ช่วงนั้นด้วย ช่วงอื่นก็มี
จริงเหรอ ความสำเร็จที่ซีได้รับ แล้วก็กับความรักที่ซีได้รับเป็นเรื่องที่ไมได้เกิดขึ้นง่ายๆ แล้วก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนที่เล่นซีรีส์วาย และซีรีส์วายไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จของความดังเสมอไปโดยเฉพาะในยุคนี้ซึ่งมันล้นทะลักมาก แต่ซีเป็นหนึ่งในคนที่ทำได้สำเร็จ บางคนจะมองมาแล้วนึกในใจว่า ดังขนาดนี้ยังคิดจะออกจากวงการอีกเหรอ ในมุมตอนนั้นอะไรอยู่ในหัวเรา
ซี : ในจุดที่เรารู้สึกเหนื่อยล้าหรืออะไรเราต้องแบ่งพาร์ตการทำงาน แล้วก็ชีวิตส่วนตัวด้วยครับ สมมุติถ้าเราบาลานซ์กับชีวิตส่วนตัวเองไม่ดีมันเกิดการปั่นป่วน แต่ละช่วงของผมที่ผมบาลานซ์เวลาหรือชีวิตไม่ได้มันก็จะมีจุดเกิดอีกแล้วว่า เราควรทำยังไงดีกับชีวิต ควรยังไงดี กลับบ้านไหม หรือว่าทำงานน้อยลงไหม เราก็ต้องจับจุด
บาลานซ์ให้ดีซึ่งพอมองกลับกัน ในมุมอย่างที่พี่อั๋นบอกเลยว่า มันคือโอกาส มันน้อยมากที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ของแต่ละคน แต่ละคู่ เรารู้สึกว่าเราก็ต้องรับมัน แล้วเราทำเต็มที่ให้ดีที่สุดของเรา เพราะว่าคนอื่นยังอยากมายืนจุดนี้เลย
https://www.facebook.com/teeneedotcom