เปิดชีวิต บีม-ออย หลังเป็นพ่อแม่ลูก4 ตอบดราม่าพี่เลี้ยงออนไลน์
บีม : พูดถึงมาตราฐานชีวิตแล้วกันครับ แต่ก่อนพวกเราก็มีกัน 2 คน ใช้ชีวิตไม่ได้หวือหวาอะไร พูดตรงๆ คนภายนอกก็อาจจะไม่ได้มองครอบครัวเราว่าเป็นครอบครัวที่พิเศษ แต่พอหลังจากมีเขาขึ้นมา เราก็รู้สึกได้ว่าคนก็มองครอบครัวเราเป็นเหมือนตัวอย่างขึ้นมานิดหนึ่ง ทำให้พื้นฐานใช้ชีวิตของเราก็คือดีขึ้นแหล่ะ ครอบครัวดีขึ้น มั่นคงมากขึ้น คือเราก็เชื่อเรื่องที่เขาเกิดมาแล้วเขาก็มีอะไรตามมาด้วยอะไรอย่างงี้
ออย : ตอนที่ออยจะคลอด น้องสาวออยเขาก็แนะนำว่าให้ออยพูดกับลูกบ่อยๆ นะว่าให้เอาซาลาเปามาเยอะ ๆ คือคนจีนเขาจะถือว่าซาลาเปาเหมือนเงินเหมือนทอง แล้วก่อนวันที่ออยจะคลอดบีมเขาก็มาลูบท้องพูดว่าเอาซาลาเปามาเยอะๆนะ (หัวเราะ)
ออย : แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร คืออะไรทำแล้วดีเราก็ทำ
ออย : เขาก็เอามาให้ แล้วมันก็มีอยู่ทริปหนึ่งตลกมากเลย อยู่ดีๆน้องพีร์เขาก็พูดขึ้นมาว่าเดี๋ยวน้องพีร์จะให้เงินพ่อพ่อเยอะๆ เลย แล้วพ่อเขาก็ถามว่าให้แค่ไหน เขาก็ตอบว่าให้แบบใหญ่เบ้อเร่อเบ้อร่าเลย แล้วทุกวันนี้ก็ยังมีแฟนคลับแซวว่าน้องพีร์ก็เอาเงินมาให้พ่อพ่อใหญ่เบ้อเร่อเบ้อร่า
ความน่ารักของลูกมันมาจากความธรรมชาติ แต่แน่นอนว่าการมีกล้องการถ่ายทำ การเป็นคนในโซเชียลเราก็ต้องระวังเหมือนกัน คุณระวังกันยังไงหรือคุยกับลูกยังไงให้เขาเข้าใจ ?
ออย : ตอนแรกออยก็ยอมรับว่าเราไม่ได้คิดถึงตรงนี้ขนาดนั้น เพราะออยก็โตมากับการที่แบบว่า เราก็เป็นคนโบราณนิดหนึ่งค่ะ การถ่ายรูปหรืออะไรสมัยก่อนแก้ผ้าถ่ายรูปอะไรแบบนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องระวังอะไรซึ่งตอนนั้นมันเป็นฟิล์มแต่พอเป็นกล้องดิจิตอลแล้วมันเป็นการโพสรูป เราก็ต้องคุยกันว่าไม่ให้ลูกโป๊นะอย่างแรก ก็จะดูให้ออกมาน่ารัก เพราะเราก็จะเก็บไว้ให้เขาดู แล้วเราก็จะได้ดูเองด้วย อยากให้มีความทรงจำดีๆให้เขาเก็บไว้ดู แต่พอนานเข้าเริ่มมีคนสนใจเยอะ อย่างตอนที่เขาจะเข้าโรงเรียนเราก็คุยกันว่าเราจะไม่เปิดเผยชื่อโรงเรียนนะ เพราะมีคนถามเยอะว่าน้องจะเรียนอะไร เราก็กลัวว่าเดี๋ยวจะมีคนตามไปที่โรงเรียน ก็จะคุยกันเป็นสเต็ปๆไป
คุยกับลูกยังไง เพราะต้องมีคนมาขอถ่ายรูปมาทักมาคุย หรือเพื่อนร่วมห้องก็อาจจะมีพ่อแม่ที่ดูคลิป เพราะเราก็ไม่ได้อยู่กับเขาตลอดเวลา ?
บีม : อย่างที่ 1 ก็คือพอเวลาเราเจอคนที่เขามาขอถ่ายรูป เราก็จะอธิบายว่าเขารู้จักหนูลูก เขามาด้วยความรู้สึกดี อย่างแรกเราต้องให้ความรู้สึกแบบนี้ก่อน ซึ่งจริงๆมันก็คือความรู้สึกแบบนั้นแหล่ะ อย่างที่ 2 ก็ต้องอยู่ที่ความพึ่งพอใจของลูกเราด้วย เราจะบอกทุกคนที่เข้ามาว่าต้องให้ตัวเขายินยอมก่อน นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด
ออย : แต่ทุกคนก็น่ารักนะคะ เขาจะถามตลอดว่าถ่ายรูปได้ไหม ออยก็จะหันไปถามลูกก่อนว่าให้ถ่ายไหมลูก ถ้าเขายอมให้ถ่ายเขาจะชู 2 นิ้วอะไรแบบนี้เลยนะคะ แต่ถ้าเขาไม่ยอมให้ถ่ายเขาจะพูดว่าไม่ ออยก็จะบอกขอโทษด้วยนะคะ คือเราก็เข้าใจคนที่เขามาขอถ่ายรูปนะคะ ว่าเขาอาจจะรู้สึกผิดหวัง รู้สึกเสียใจนิดหนึ่ง แต่ว่าบางทีออยก็ต้องชั่งน้ำหนัก ระหว่างการรักษาน้ำใจลูกเรา กับการรักษาน้ำใจคนอื่น
ออย : เราเห็นตัวอย่างจากบ้านอื่น บ้านดารานะคะ ออยก็เห็นแล้วว่ามันมีแบบนี้ ตอนแรกก็คิดว่าเราคงไม่ได้เป็นที่สนใจขนาดนั้น แต่พอเอาเข้าจริงก็มีเยอะเหมือนกัน แรกๆที่เขาคอมเมนต์กลับมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้อความว่าเราอุ้มลูกไม่เท่ากัน อุ้มคนนี้เยอะกว่า คนนั้นน้อยกว่า เหมือนรักลูกไม่เท่ากัน พอฟังครั้งแรกเราก็รู้สึกเครียดนะคะ แล้วก็กลับไปย้อนดูว่าเราทำอะไรเขาถึงคิดอย่างนั้น ทำไมเขาถึงรู้สึกอย่างนั้น เพราะว่าเราก็ไม่อยากเป็นแบบนั้น ก็กังวลใจ พอกลับไปย้อนดูแล้วก็คุยกับบีมว่าตรงนี้มันเป็นยังไง คือทบทวนกันแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาเข้าใจ โอเคเขาอาจจะเห็นภาพวีดีโอตรงนั้น ด้วยลูกที่นิสัยไม่เหมือนกัน แล้วสถานการณ์ตรงนั้นเราก็ควบคุมได้เท่าที่เราสามารถทำได้ พอหลังจากนั้นมีข้อความลักษณะแบบนี้มาอีก เราก็ไม่เครียดละ เราก็พยายามอธิบายเขา
เคยมีแฟนมีตติ้งหรือยัง ?
ออย : ยังไม่กล้าจัดค่ะ มีแต่คนอยากให้จัด
เพราะอะไร ?
ออย : ก่อนหน้านี้มันเป็นโควิดด้วยค่ะ อย่างที่ 2 ออยรู้สึกว่าไม่อยากให้ลูกอยู่ท่ามกลางคนที่รักเขามากๆ แต่เขาไม่รู้จักใครเลย มันคงน่าตกใจเหมือนกันกับเด็กอายุน้อยๆ อะไรแบบนี้
บีม : แต่จริงๆ แล้วเขาก็ได้ไปเจอคนที่รักเขามากๆ เหมือนกันครับในงานอีเว้นท์
ออย : แต่อันนั้นมันแป๊ปเดียว แล้วก็มันมีเป็นสัดส่วนกั้นบริเวณหรืออะไรก็แล้วแต่ เขาจะค่อนข้างมีพื้นที่ แต่ถ้าเกิดว่าจัดแฟนมีตขึ้นมา ออยเข้าใจทุกคนมากๆเลยว่า ทุกคนอยากจะถ่ายรูปคู่กับน้อง คิดว่าลูกคงโดนรุมระดับหนึ่ง แล้วเขาก็อาจจะกลัว ถ้าจะมีเกิดขึ้นจริงอาจจะให้เขาโตกว่านี้เยอะๆก่อนค่ะ แต่ในอนาคตก็อาจจะไม่อยากมีแล้วก็ไม่รู้
แล้วตอนนี้กระแสของ 2 สาวเป็นยังไงบ้าง ?
https://www.facebook.com/teeneedotcom