หลายคนไม่รู้! 2ดาราตัวแม่สนิทกันนานเกิน10ปี หาแฟนให้เพื่อนจนลุ้นแต่ง

พิม : เจอเขาครั้งแรก เขาเป็นคนที่ยิ้มง่าย โยคะตลอดเวลา ดูภายนอกเขาจะมีความเป็นศิลปิน ติสท์ๆ พอเราคุยเรื่องเดียกัน รักสัตว์เหมือนกันก็เลยถูกจริตเลยกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน

น้ำผึ้ง : ที่ผึ้งเลือกพิมเป็นเพื่อนสนิท เพราะว่าพี่พิมเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีแต่ไปช่วยเก็บศพ เราไม่เคยเห็นผู้หญิงสวยไปช่วยเก็บศพ

สนิทกันแบบนี้เราปรึกษาเรื่องอะไรกันบ้าง?

พิม : ทุกเรื่อง

ความรักมีไหม?

พิม : ความรักไม่ค่อย เพราะอยู่ตัว แต่เราโสดไม่มีอะไรจะปรึกษา แต่อยู่ดีๆ วันนึง

น้ำผึ้ง : พิม มีแฟนหรือยัง พิมบอกไม่มี เราเลยบอกว่ามีคนนึงเป็นคนดีมากเลย เป็นญาติของพี่เป้ เขาเป็นหมอฟันอยู่ที่เมกาเขาสนิทกัน ลองคุยกันไหม ไม่ต้องคิดไรมากหรอก แล้วก็ให้เบอร์ผู้ชายไป แล้วคุยกับเนสว่าได้คุยกับพิมหรือยัง เนสก็บอกว่ายังๆ พอมาเจอครั้งล่าสุด นัดกินกาแฟอะไรกันเรียบร้อยแล้ว ไม่บอกเลย

พิม : ไม่ได้อัปเดตมากกว่า วันนั้นขับรถอยู่ อยู่ดีๆ ผึ้งก็โทรมาว่าอยู่ไหนมาหาเราที่โรงพยาบาลสัตว์ไหม เรามีเพื่อนจะให้แนะนำ เปิดเฟซไทม์ เราก็เซฮาย ไว้วันหลังนะ เขาก็ให้คอนแท็กคุยกัน นัดไปทานข้าววันเดียวหลังจากนั้นเขากลับประเทศไป ก็คุยกันทางโทรศัพท์ ผึ้งก็ไม่รู้หรอกว่าเรายังติดต่อกัน

ครั้งแรกพิมแต่งตัวแบบชิลมาก ปั่นจักรยานไปหาเขา?

พิม : เราก็เกรงใจ ผึ้งนัดให้ ก็ไปเป็นพิธี เราไม่ได้อยากมีแฟน เราโสดมา 5 ปี แต่งตัวธรรมดา เสื้อยืด กางเกงยีนส์ แล้วปั่นจักรยานไป แล้วหลังจากนั้นเขาก็กลับประเทศ เขาก็เริ่มทักมา หลังจากนั้นเราก็คุยกันมา รู้สึกสบายใจจังเลย คุยกันประมาณปีกว่า ขอเขาเป็นแฟนดีกว่า

น้ำผึ้ง : ก่อนที่เราจะจับคู่กัน เรารู้อยู่แล้วว่าคนขั้วนี้กับขั้วนี้มาจอยกันมันเป็นเรื่องที่ดีของสังคม คือเขาเป็นคนดีกับคนดี

พิม : จริงๆ มันเหมือนขั้วบวกกับขั้วลบ คือเป็นคนดีทั้งคู่นั้นแหละ แต่ว่าการโตมามันคนละแบบ เขาโตมามีพ่อ แม่ชี้นำทาง แต่เราโตมาด้วยตัวเราเอง คนสองคนเมื่อมาอยู่ด้วยกัน มันต้องปรับจูน แต่สิ่งสำคัญที่มันเหมือนกันคือจิตใจที่มีความจริงใจกัน แล้วเป็นคนดี ตรงนี้มันเลยคลิ๊กกัน

พิม : ไม่เลยค่ะ

ปีครึ่งที่ขอเป็นแฟนกันเราเจอกันกี่รอบ?

พิม : รอบเดียว แล้วก็เขาจะมาเมืองไทย แต่ติดช่วงโควิดประมาณ 2 ปีกว่า เราก็ชิงขอเป็นแฟนก่อน

ตอนนี้เขากลับมาอยู่เมืองไทยแล้วเหรอ?

น้ำผึ้ง : ไม่กลับอเมริกาแล้ว

พิม : ตอนแรกคิดว่าเขาจะแวะมาหา พอหลังจากช่วงโควิดปั๊บเราคุยกันได้ประมาณ 2 ปีกว่า เขาก็มาเมืองไทย เราก็ดีใจ แต่เขาไม่กลับไปเลยนะ

คบกันกี่ปีแล้ว?

พิม : นี่ขึ้นปีที่ 4 แล้ว

เขาบอกสาเหตุไหมที่มาอยู่เมืองไทย?

พิม : จริงๆ เราไม่เคยถามหรอก เรารู้สึกว่าอยู่ด้วยกันทุกวันมันแฮปปี้ ส่วนเขาก็เชื่อว่าเขาแฮปปี้ ไม่งั้นเขาคงกลับไปกลับมา พอเขาอยู่ที่นี่ไม่จำเป็นต้องเดินทางบ่อยๆ ก็โอเค งานเขาทำได้ที่นี่ ส่วนพ่อกับแม่เขาจะให้ความสำคัญกับครอบครัว เขาจะเฟซไทม์คุยกับครอบครัวตลอด แล้วเราก็ได้ไปอเมริกา ไปเจอพ่อกับแม่เขาแล้ว แล้วช่วงปีใหม่เดี๋ยวคุณพ่อ คุณแม่จะมาเที่ยว

น้ำผึ้ง : รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองมาก อย่างน้อยเราก็สร้างคู่ที่ดีให้กับสังคม

ถ้าจะพาเขามาออกรายการได้ คงต้องมาพูดเรื่องแต่งงานแหละ?

พิม : เนี่ยพอคุณพ่อ คุณแม่มา กะว่าจะคุกเข่าขอเลย

พี่พิมคิดว่าจะแต่งงานไหม?

พิม : ได้ค่ะ พี่พิมพร้อม แต่ก็แล้วแต่เขาสะดวก เขามีแผนในชีวิตเขาอยู่แล้ว ซึ่งจุดมุ่งหมายก็ในทางเดียวกัน แต่จะเมื่อไหร่เราก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร

คู่นี้คบกันมา 20 ปีแล้วใช่ไหม?

น้ำผึ้ง : 20 กว่าปีแล้วค่ะ

มีคุยถึงเรื่องแต่งงานบ้างไหม?

น้ำผึ้ง : เหมือนมันจะเลยไปแล้วนะคะ น้ำผึ้งเองบางทีก็เขินๆ แล้วต้องเจอกับคนเยอะๆ ในวันแต่งงาน ชอบเงียบๆ

พี่พิม ถ้าพ่อ แม่เขามา เราวางแผนแล้วว่าจะขอผู้ชายแต่งงาน?

พิม : ใช่ ถ้ารอเขาเมื่อไหร่ เป็นแฟนก็ขอมาแล้ว แค่แต่งงานขออีกรอบจะเป็นไรไป

คู่นี้ก็หวานฉ่ำกันมาก 20 กว่าปี?

น้ำผึ้ง : ใช่ค่ะ ถามว่าความหวานระดับไหน ระดับเหมือนจะเป็นพ่อเลย พยายามให้เราทานของที่มีประโยชน์ตลอด ต้องเลี้ยงจุลินซีเอง เลี้ยงเหมือนสิ่งมีชีวิต พอมันโต มันหนาปุ๊บ น้ำผึ้งกินได้แล้ว มีไบโอติกจะช่วยให้ไม่เป็นมะเร็ง มันเหมือนยิ่งอยู่ ยิ่งรักกันมาก

คู่นี้เขาดูแลกันเรื่องสุขภาพ คู่นี้ก็ไม่แพ้กัน?

พิม : หนักมาก

น้ำผึ้ง : เขาเป็นครอบครัวหมอ

พิม : เขาจะใส่ใจเรื่องสุขภาพ อาหารการกินเขาจะซีเรียส เราโตมาแบบชาวบ้าน เราก็ซื้อข้างถนนอะไรปกติ แต่เขาข้างถนนไม่ได้ กุ้งต้องสด ทุกอย่างห้ามกินของดิบ

น้ำผึ้ง : พี่เป้เป็นญาติกับคุณเนส ถ้าน้องพิมแต่งงานกับคุณเนส ก็เท่ากับว่าเราก็เป็นญาติกัน

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่