ต่ายย้อนตำนานรัก อ๊อฟ อภิชาติ เผยประโยคสุดท้ายที่ได้บอกลา
หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย ต่ายย้อนตำนานรัก อ๊อฟ อภิชาติ เผยประโยคสุดท้ายที่ได้บอกลา
นักแสดงสาว ต่าย สายธาร มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show เปิดเรื่องราวในชีวิตเล่าสิ่งที่อยู่ในใจตลอดกาลพร้อมเปิดจุดเริ่มต้นความรัก อ๊อฟ อภิชาต อดีตพระเอกผู้ล่วงลับ
ในตอนนั้นเราทำงานด้วยกัน
ต่าย สายธาร : ใช่ค่ะ ถ่ายละครเรื่อง พิษน้ำผึ้ง เล่นเป็นพี่น้องกันตอนแรกเกลียดมากเลยค่ะ ขอเขานั่งรถไปด้วยขอติดรถเขาออกไปด้วยวันที่เราเจอเขาวันแรกนะคะเพราะว่าตอนนั้นรถติดมากรู้สึกว่าถ่ายแถวพุทธมณฑลอะไรประมาณนั้นค่ะ เขาก็บอกเราว่าได้ๆแบบแอคๆหน่อยต่ายก็นั่งรถเขาออกไปแต่แบบรถติดมากเลยค่ะ แต่เขาน่าจะให้ต่ายติดรถไปด้วยอีกสักหน่อยแต่เขาก็ให้เราลงตรงนั้นหน้าปากซอยรถติดๆตรงร้อนๆหลังจากนั้นพอร่วมงานกันก็คุยเป็นเพื่อนกัน แล้วมีวันหนึ่งที่ได้ไปเที่ยวกลางคืนด้วยกันเราก็เริ่มดูเขาแบบเขามีความเป็นผู้ชายจริงๆ แบบดูเหมือนเพลย์บอยแล้วเราไปชอบกลิ่นน้ำหอมเขาเราก็ไปดมแล้วถามเขาว่าฉีดน้ำหอมกลิ่นอะไรเนี่ย คือชอบจากกลิ่นน้ำหอมมาด้วย แล้วก็เลยค่อยๆเปิดใจคุยกันคบกัน
ถ้าตอนนั้นคิดว่าใครปิ๊งใครก่อน
ต่าย สายธาร : อยู่ๆมันก็มาทั้งคู่มันซึมซับมาทั้งคู่พอไปกองถ่ายเริ่มทานข้าวด้วยกันเริ่มรอกัน เริ่มมารับแล้วอะไรอย่างนี้มันก็เป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ช่วงเวลาที่คบกันตอนนั้นดีมากๆเลยค่ะ คือถ้าเป็นยุคนี้เขาจะเรียกว่าคลั่งรักเนอะก็ยุคนั้นจะมีเพจเจอร์เวลาอะไรจะส่งได้ไม่กี่ประโยคใช่ไหมค่ะ แล้วอ๊อฟเขาก็จะโทรไปแล้วบอกพนักงานว่าตอนนี้เอากุญแจเสียบรถแล้วนะ คือเขารายงานเราทุกอย่างทุกฝีก้าวเรารู้กันหมดก็คลั่งรักเลยค่ะช่วงนั้น ต่ายก็ยังแปลกใจเลยว่ายุคนั้นจริงๆยังห้ามมีแฟนอยู่นะแต่ว่าคู่ของเราด้วยความที่คนก็ชื่นชอบก็เปิดเผย
การเปิดเผยออกมาไม่ได้มีผลไม่ดีอะไร จริงๆตอนนั้นเป็นคู่ที่รู้สึกว่าเป็นคู่บวกนะถ้าเรียกว่าเป็นคู่จิ้นที่ดูเหมาะกันเชียร์กันได้
ต่าย สายธาร : คบกันประมาณ 2-3 ปี ก็มีขอแต่งงานแล้งช่วงนั้นต่ายเลี้ยงลูกบุญธรรมอยู่คนหนึ่งนะคะ ตอนนี้น้องโตแล้วอ๊อฟก็ยังได้ช่วยไปอุ้มอยู่เลยแล้วช่วงนั้นคุณพ่อป่วยเป็นมะเร็งด้วยอ๊อฟก็ยังได้ดูพ่อได้ดูได้อะไร
แล้ว อ๊อฟ เองก็คือคนที่ชักนำให้ต่ายเข้าวงการกู้ภัย
ต่าย สายธาร : ใช่ค่ะ เพราะว่าเขาทำก่อนเรา
ทุกอย่างดูเหมือนเป็นไปด้วยดีหมดเลย
ต่าย สายธาร : หลังจากนั้นมันก็มีเรื่องแบบที่ไม่เข้าใจกันต่ายเป็นคนขอเลิกเขาเองค่ะ เป็นคนที่แบบว่าถ้าไม่อภัยก็คือไม่อภัยปากต่ายจะพูดว่าอภัยให้แต่ใจต่ายไม่อภัยมันก็คือไม่อภัย ตอนนั้นที่เลิกกันไปเราก็ไม่ได้คุยกันเลย 5 ปีค่ะ อยู่ๆเขาก็โทรเข้ามาคุยด้วย 5 ชั่วโมง หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนค่ะวันนั้นเป็นวันที่ 16 พฤศจิกายนก็มีพี่ๆร่วมกตัญญูโทรมาบอกว่าอ๊อฟแย่แล้วนะเราไปถึงที่นิติเวชเห็นเขานอนอยู่ตอนนั้นเราพยายามอยากจะคุยอยากจะบอกเขาว่า เขาหลับอยู่ใช่ไหม(ร้องไห้)คนรอเขาอยู่นะเยอะมากแต่ต่ายต้องทำเข้มแข็งมากๆวันนั้นแทบจะเหมือนไม่ได้ร้องไห้เลยค่ะ ก็เอามือปิดตาเขาให้เขาหลับตาพอเอามือปิดตาเขาก็ลืมตาขึ้นก็บอกว่ารอแม่อยู่ใช่ไหมเดี๋ยวแม่มาแล้ว แม่กำลังตามมาพอแม่มาถึงต่ายก็รีบพาแม่มาเอามือปิดตาเขาก่อนเพราะไม่อยากให้เขาห่วงก็เอามือแม่ปิดเขาก็หลับตาจริงๆค่ะ แล้วตัวต่ายก็เข็นตัวเขาเข้าไปในห้องใหญ่ห้องที่ต้องรอผ่าชันสูตรระหว่างที่เราเข็นเขาเข้าไปเราก็บอกกับเขาว่าไม่ต้องห่วงนะ ทั้งๆที่เราก็ไม่รู้ว่าจะดูแลได้หรือเปล่า
จากวันนั้นจนวันนี้ต่ายก็ยังคงติดต่อคุณแม่สีดาอยู่
ต่าย สายธาร : ยังติดต่อคุณแม่อยู่ตลอดแม่ก็ยังส่งสติกเกอร์สวัสดีตอนเช้ามาให้ทุกวันคนเราต่อให้รักกันมากแค่ไหนจะจับมือกันแน่นแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องปล่อยมือก็ต้องไปคนเดียวมันไม่มีอะไรที่เป็นของเราก็คิดแค่นั้น เพราะฉะนั้นทุกวันนี้พอเวลาถ้าเจออะไรที่ดีๆก็จะรักษาไว้ ถามว่าเข็ดกับความรักไหมก็ไม่ได้เข็ดค่ะ แต่ในก็จะมีการประเมินหรือวิเคราะห์อะไรมากขึ้น
https://www.facebook.com/teeneedotcom