นักร้องหนุ่มคบสาวในวงการ4ปีเลิก เจ็บหนักต้องเอาธรรมะเยียวยา

อุ๋ย บุดดาเบลส : ตอนนั้นอยู่แกรมมี่แล้วเขาเป็นครูสอนเต้น ผมอยู่ที่ค่ายมินิแกรมมี่ก็เจอกันอยู่แล้วครับ แล้วบังเอิญวันนั้นผมยืนอยู่ริมถนนกำลังจะกลับบ้าน ไปเล่นคอนเสิร์ตกับพี่โจ้มานี่แหละครับ แล้วเขาขับรถผ่านมาพอดี ผมก็กำลังกลับบ้านไปเอารถแล้วก็กลับมาถ่ายรายการที่แกรมมี่ แล้วก็ยืนหารถแท็กซี่อยู่เขาขับรถผ่านมาพอดี เขาก็เปิดกระจกทักอ้าว...จะไปไหน ก็เลยบอกแล้วได้คุยกันแล้วไฟเขียวพอดีเขาก็บอกขึ้นมาก่อนๆผมก็เลยขึ้นไปแล้วก็คุยกันยาวเลยครับ 4 ปีเลย

อุ๋ย บุดดาเบลส : คิดไม่เหมือนกันครับ ในอนาคตนะครับ การวางแผนอนาคตมุมมองการใช้ชีวิตอะไรคือสาระของชีวิตอะไรคือสิ่งไร้สาระของชีวิตเรื่องนี้ที่มองไม่ตรงกันครับ

อุ๋ย บุดดาเบลส : ใช่ครับ แต่ว่าผมอาจจะใส่ใจไม่มากในเรื่องนี้เพราะ เราไม่ได้คิดว่ามันเป็นปัญหา แต่คิดว่าปัญหาจะมีแหละ แต่ว่ามันอาจจะอีกนาน คงอีกหลายปีมากๆกว่ามันจะเป็นปัญหาขึ้นมา

อุ๋ย บุดดาเบลส : ผ่านการบวชแล้วครับ และการตกตะกอนชีวิตมาพอสมควรแล้วครับ

อุ๋ย บุดดาเบลส : เสียใจมากครับ ตอนนั้นก็เป็นอีกครั้งหนึ่งในชีวิตที่แบบ เรียนรู้เลยว่าที่เราฝึกมามันยังไม่พอ เวลามันใช้จริงมันคนละเรื่องเลยยังไม่พอ มันต้องฝึกกว่านี้อีกมาก แต่ก็ยังดีตรงที่ผมก็ยัง...อย่างที่บอกมีเส้นกั้น คือตอนนั้นทุกคนชวนไปเมามายชวนไปแบบ ... ชวนไปใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงเยอะมาก ให้แบบมันหลุดโลกไปเลย จะมาจมทุกข์อยู่ทำไมกลายเป็นว่าผมยิ่งต่อต้านบอกไม่

ถ้าเกิดมองว่าไอ้สิ่งที่เราฝึกฝนเรียนรู้มา มันเอามาใช้ไม่ได้เดี๋ยวจะพิสูจน์ว่ามันใช้ได้ เพราะฉะนั้นจะไม่ไปทางนั้นที่เขาชวนผมก็สวนทางเลยครับก็ยิ่งแบบ ไม่ดื่ม ไม่เที่ยวเข้าไปอีกก็จะใช้ชีวิตปฏิบัติธรรมไปศึกษาเรื่องพวกนี้ครับ มันก็ไม่หายครับ มันก็ไม่หายเร็วมันยิ่งสอนให้เราเรียนรู้ว่าอะไรที่ยิ่งอยากให้มันหายเร็ว เป็นแผลอยู่แล้วแบบหายสิ หายๆ ใส่ยาวิเศษแค่ไหนใครเย็บแค่ไหนสุดท้ายมันต้องรอเวลาครับ แต่เราไม่เข้าใจตอนนั้นเหมือนอยากพิสูจน์ให้คนเห็นว่า ธรรมะช่วยได้ใช้ธรรมะนี่แหละเยียวยาแล้วเดี๋ยวมันจะหายเร็ว ยิ่งอยากให้มันหายเร็วมันยิ่งไม่หายครับ จนวันหนึ่งมันเริ่มตกตะกอนจริงๆ มันต้องใช้เวลาเนอะก็อยู่กับมันไปสิ