พระเอกดังเป็นพ่อแล้วชีวิตเปลี่ยนอยู่ๆกลัวตาย ตั้งเป้าปีนี้ปั๊มลูกคนที่2
แอน : 6 ปีแล้วค่ะ
ชาคริต : เข้าปีที่ 6 ลูกโตแล้ว
เป็นยังไงบ้าง ?
ชาคริต : ดีครับ ทุกอย่างเรียบง่าย สบาย
มีคิดบ้างหรือยังว่าอยากจะมีลูกคนที่ 2 ให้กับน้องโพธิ์
ชาคริต : อยากมาสักพักใหญ่ๆ แล้วครับ พยายามปั้นอยู่ทุกวัน
ชาคริต : ตอนแรกธรรมชาติก่อน แต่ว่าทำไมไม่ติดสักที ก็มีลุ้นกันด้วยว่า ช่วงนี้ประจำเดือนไม่มา ผ่านไป 3-4 วันไม่มาเอาแล้ว เตรียมเฮแล้ววันที่ 5-6 มาซะงั้น จนสุดท้ายก็ยอมรับเลยไปหาแพทย์
แอน : คุณหมอบอกว่าหลักๆ ก็คือเรื่องของอายุ
ชาคริต : ด้วยอายุที่มันมากขึ้น ต่อให้ปฏิสนธิโดยธรรมชาติมันก็มีเสี่ยงที่อาจจะแท้ง หรือเด็กอาจจะออกมาไม่สมบรูณ์อะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้นก็เลยใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย ก็เลยเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง ก็ผ่านไปรอบหนึ่งลองเก็บไข่ดูก็ยังไม่ผ่าน แต่ก็ยังจะลุยกันต่อ
แอน : แต่ด้วยอายุแล้วคุณหมอก็อยากจะให้รีบทำ เพราะอายุทั้งพ่อและแม่ค่อนข้างที่จะเยอะ คุณหมอเลยไม่อยากให้ปล่อยเวลาไป แต่ก็พยายามทุกเดือนค่ะ
เพื่อนของวู้ดดี้บางคนเขาเครียดมากนะ ต้องมีตารางและหมอก็จะมีท่าแนะนำด้วย ก็เลยจะถามพวกคุณว่าหมอเขามีแนะนำไหม
ชาคริต : เคยมีช่วงคลอดโพธิ์ พอคลอดโพธิ์ที่โรงพยาบาลเขาบอกว่ามีต่อเลยนะคะ เขายื่นกระดาษมาให้ประมาณ 3-4 แผ่น พอเปิดดูก็เป็นท่าเพื่อจะได้ลูกสาวอะไรแบบนี้ ตอนนั้นด้วยความที่เรามีโพธิ์ แล้วเราก็วุ่นกับโพธิ์ แล้วก็เริ่มกลับไปทำงานก็เลยไม่ได้ปฎิบัติ
แอน : ช่วงนั้นคือเหนื่อยมากด้วย
ชาคริต : ก็ยังเสียดายกันอยู่ แล้วเป็นช่วงที่กำลังขยับขยาย ย้ายอะไรหลายอย่างทั้งออฟฟิศทั้งเรื่องบ้านเรื่องอะไรวุ่นไปหมด เลยพักไปก่อน แล้วพอจะทำอีกทีก็อายุเยอะ ตอนนี้ก็เลยมาคิดเรื่องอายุด้วยนะ ว่าน้องอายุ 20 เราจะอายุเท่าไหร่ เพราะเราเองก็อยากเที่ยวกับลูกด้วย ถ้าไม่พร้อมปีนี้ก็อาจจะพับไปมีน้องโพธิ์คนเดียว
แอน : คือความที่เวลาเขาอยู่กับเรา เขาไม่ได้ทำตัวเป็นดารา คือเมื่อเป็นข่าวออกไป มันก็จะมีคอมเมนต์มีอะไรต่อว่าเราเยอะแยะมากมาย แต่แอนก็จะมีวิธีการปลอบใจตัวเองว่า เขาไม่รู้จักเราแล้วเขามาตัดสินเรา ให้มารู้จักกันก่อนสิ แล้วเดี๋ยวจะรู้ว่าเราเป็นยังไง แล้วความกดดันก็คือไม่มี เพราะแอนเป็นคนค่อนข้างใช้ชีวิตยังไง เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าวันนี้เรามาแต่งงานกับชาคริตแล้วเราเป็นคนดังนะ
ชาคริต : วันที่จะแต่งงานก็นั่งคุยกันบอก เตือนญาติๆ ด้วยนะ 3 ชั่วโมง ชีวิตเปลี่ยน เพราะเรารู้ว่าพอออกไปแล้วชีวิตเขาจะเป็นยังไง ชีวิตเขาครอบครัวเขาจะช็อตกัน เพราะฉะนั้นก็เลยอยากใช้เวลาให้รู้จักซึ่งกันและกันให้ดี แล้วก็ทำทุกอย่างให้มันเรียบร้อยกับทางผู้หลักผู้ใหญ่ให้จบให้เคลียร์ก่อน ว่าเดี๋ยวพายุกำลังจะมาแล้วนะ
ชาคริต : แทบจะไม่ต้องให้ เพราะเราอยู่ด้วยกันตลอด แล้วเขาก็รู้อยู่แล้วว่าจริงๆ แล้วเราเป็นยังไง เลยไม่ได้มีสภาวะเครียด เพราะเราเองก็ไม่ได้จะไปไหนอยู่แล้ว
ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วหลายปี แน่นอนว่าเราก็คบกับคนที่จะต้องมีคนขอถ่ายรูป และเดี๋ยวนี้ลูกเราเองก็คนให้ความสนใจมาก
ชาคริต : เดี๋ยวนี้คนไม่ถ่ายกับผมแล้ว ถ่ายกับแม่กับลูก เพราะเขาดูช่องบักโพธิ์ จะดูแต่แม่แอนกับน้องโพธิ์
แปลว่าตอนนี้คนขอถ่ายรูปก็เป็นเรื่องปกติแล้ว
แอน : ปกติแล้วค่ะ เขาจะเป็นคนสอนเราด้วยซ้ำ จะสอนเราสอนลูกเสมอว่า การที่คนมาขอถ่ายรูปแปลว่าคนเขารักเรานะ แปลว่าเรายังอยู่ในใจของเขา และอยากมีรูปกับพวกเรา เขาก็จะสอนเสมอ
https://www.facebook.com/teeneedotcom