คู่รักขาเตียงเกือบหัก คืนดีกันได้เพราะลูกชายเป็นกาวใจ
เต้ : ถ้ารวมมาถึงทุกวันนี้ 16-17 ปีแล้วครับ ผมผ่านหลายบทบาท ได้มีโอกาสไปเป็นพิธีกรข่าว ทำธุรกิจหลายอย่าง
คู่นี้มีเส้นทางความรักที่น่าสนใจมาก เจอกันครั้งแรกที่กองละคร?
เต้ : ครับ
เจอครั้งแรกตอนนั้นผู้ชายคนนี้เป็นยังไง?
น้ำหวาน : หวานคิดว่าเขาไม่แมน เวลาเดินเข้ากอง ผู้ช่วยที่เป็น LGBTQ ก็จะมากอดเขา เราก็เข้าใจว่าพี่เขาคงไม่แมน แต่ในกองก็คุยกันปกติ เพราะในใจคิดว่าเขาไม่แมน
พี่เต้เองก็คิดว่าสวยๆ แบบนี้คิดว่ามีเสี่ยเลี้ยง?
เต้ : ในใจเราคิดว่าน้องคนนี้ไม่ธรรมดา หน้าตาน่ารักดี มีรถขับ เรียนปี1 เอ๊ะ...ไปทำงานที่ไหนยังไง เราก็แบบมีคนคอยดูแลหรือเปล่า
ทำไมตอนนั้นปี1 ถึงมีรถขับ?
น้ำหวาน : เสี่ยที่ว่านี่คือนามสกุลเดียวกัน ปะป๊าเลี้ยง เพราะบ้านอยู่รังสิต แล้วเรียนไกล ปะป๊าเลยซื้อรถให้ เพราะเขาก็เป็นห่วง
การที่เรามีรถ ทำให้พระเอกคนนี้คิดว่าเรามีเสี่ยเลี้ยง?
น้ำหวาน : เขาขี่มอเตอร์ไซค์ไงช่วงนั้น แต่เราขับรถยนต์ เขาก็เลยแบบมีเสี่ยเลี้ยงหรือเปล่า
คนนึงเสี่ยเลี้ยง อีกคนเพื่อนสาว แล้วมันจบยังไง ถึงเป็นแฟนกันได้?
น้ำหวาน : ก็คุยกัน ได้รู้จักพี่เขามากขึ้น ได้คุยกันเยอะขึ้นในกอง
ในกองผู้หญิงเยอะ ทำไมสนใจคนนี้?
เต้ : ด้วยความที่เราแอบคุย เขาสบายใจว่าเราเพื่อนสาว เราก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาก็รู้ว่าเราไม่ใช่เพื่อนสาว เราก็อยากเป็นเพื่อนกับเขาแหละ แต่คนมันเยอะที่มาเลือกคุยกับคนนี้จริงๆ จังๆ เพราะว่าเขามีความเป็นเด็ก น่ารักๆ แต่เวลาคุย เขาจะมีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวเอง เราเลยรู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ก็คุยกันมาเรื่อยๆ ไม่ได้แบบว่าจะจีบนะ ก็ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป
แล้วตอนนั้นทำยังไงให้เขามั่นใจว่าเราไม่ใช่เพื่อนสาว?
เต้ : ผมก็พิสูจน์ด้วยความสม่ำเสมอ เขาก็บอกผมนะ ตอนแรกก็คิดว่าพี่เต้ไม่แมนซะอีก ตอนนั้นมีอะไรก็คุยกันแทบทุกเรื่อง
น้ำหวาน : ด้วยความที่คิดว่าไม่แมน เราก็ไม่ได้แอ๊บเนาะ ถ้าเรารู้ว่าเขาเป็นผู้ชายมาจีบ เราก็จะไม่เป็นตัวเอง ก็จะแอ๊บ พอรู้สึกว่าเขาไม่ใช่ผู้ชาย เราก็เป็นตัวของเราเอง พอคุยไปเรื่อยๆ เราก็รู้เองว่าเขาไม่ใช่เพื่อนสาว
ตอนที่ตัดสินใจเป็นแฟน ตอนนั้น เต้ เจอพ่อหรือยัง?
เต้ : คำว่าเป็นแฟนสำหรับหลายๆ คน มีจุดเปลี่ยน จุดข้ามเส้นที่มันแตกต่างกัน แต่สำหรับผม ผมรู้สึกว่าอยากจะคุยกับคนนี้ก็ไปหาเขาเรื่อยๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดเริ่มเป็นแฟนคือตรงไหน แต่ด้วยความที่ไปหาคุณพ่อเรื่อยๆ ก็เจออุปสรรคเลย ตั้งแต่วันแรกๆ คุณพ่อเห็น ดารา นี่หว่า มาทำอะไรกับลูกสาวผม
พอเต้กลับพ่อว่ายังไง?
น้ำหวาน : เขาบอกแน่ใจเหรอ เพราะตัวเขาจะต้องเจอกับผู้หญิงเยอะแยะเลยนะ เขาจะมาหลอกหรือเปล่า เพราะตอนนั้นเขาก็เป็นห่วง ไม่อยากให้คบ
เห็นว่าคุณพ่อของคุณน้ำหวานเดินมาคุยกับคุณเต้โดยตรง เรียกว่าฟาดเลย?
เต้ : ใช่ครับ คุณพ่อแกจะมาแบบมาดน่ากลัวมาก เดินมาตาแข็งๆ แล้วมาคุยกับผมแบบชัดเจนเลยว่า คุณเป็นนักแสดง เป็นดารา คุณจะแน่ใจกับลูกสาวเราได้ยังไง จริงจังไหม
น้ำหวาน : ปะป๊า เขาเป็นคนจีน เขาจะพูดตรงๆ เลย
เต้ : เข้าทางเลยครับ ผมตั้งใจอยู่แล้ว ผมไม่ได้คบทีละหลายคน แล้วรู้สึกว่ายิ่งมีผู้ใหญ่รับรู้เรื่องราวก็ยิ่งดีนะ ผมก็ไปมาหาสู่ เรื่อยๆ เลย ใช้ความสม่ำเสมอ จนสุดท้ายแกก็เห็นเองว่าเราไม่ได้มาเล่นๆ
เต้ : ด้วยความที่ผมตั้งใจตั้งแต่แรก แล้วผมรู้สึกว่าเวลา 4-5 ปีสำหรับผมมันก็เยอะพอสมควรแล้ว คนก่อนๆ ที่คบมา มันก็ใช้เวลามันก็ไม่ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะฉะนั้นปัจจัยเวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความพร้อมของเรามากกว่าว่าเรามั่นใจกับเขาคนนี้
เห็นมีข่าวใหญ่โตเลย พี่เต้บอกว่าถ้ากลับมาโสดอีกครั้งจะเป็นยังไง?
เต้ : มันเป็นความน้อยใจ มันเป็นช่วงเวลาที่น้ำหวานเขากลับไปทำงาน เพราะว่าตั้งแต่มีลูก เราวางแผนครอบครัว มีลูกเลย เรารู้สึกว่าได้เวลาแล้วให้เขาดูแลลูกอย่างเดียว เขามาขอผมกลับไปทำงาน เขายังอยากไปหาประสบการณ์ในการทำงานต่างๆ นานา เราก็เปิดกว้างอยู่แล้ว แต่สุดท้ายไม่ได้ทำงานอย่างเดียว มีคนติดต่อมา เหมือกรรมตามสนองยังไงไม่รู้
น้ำหวาน : ส่วนใหญ่จะมีคนกระซิบว่าเห็นผู้ชายคนนั้นมาคุยกับแฟนนะ
เต้ : โทรไปไม่รับ แต่ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ โทรไปไม่รับเลยนะ มันทำงานไปสักระยะ เหมือนเขาจะยุ่งๆ แต่ตอนนั้นคิดไม่ออกหรอกว่ายุ่งหรือเปล่า แล้วเราไม่ค่อยปิดมือถือ หรือใส่รหัส ดูกันได้ แล้วเราก็แบบนี่ใคร ชัดเลยๆ ไม่ใช่แล้ว
เต้ : ลูกครับ ลูกเรียกว่าเป็นจุดเชื่อมสำคัญเลย พอกลับมาปุ๊บหน้าที่ของความเป็นแม่ หน้าที่ของความเป็นพ่อ ก็ช่วยกันดูแลลูก มันก็กลมเกลียวกันมากขึ้นกว่าเดิม แต่ว่ามันผ่านจากการที่เราได้เคลียร์กันมาแล้วนะ
https://www.facebook.com/teeneedotcom