เอ้ ชุติมา ลั่นเหมือนชาวนากับงูเห่า จ่อฟ้องเอาให้สุดไม่ไกล่เกลี่ย

หลังจากนักแสดงรุ่นใหญ่ "เอ้ ชุติมา" โดนอดีตแฟนเด็กอย่าง "ฟร้อง ศุภกิจ" ออกมาแฉ เรียกร้องความเป็นธรรมว่า "เอ้" ไม่ยอมผ่อนรถ เอารถไปซ่อน จนโดนแบล็คลิสต์ จนทำให้เดือดร้อนมีหนี้ติดตัว ซึ่งด้าน "เอ้" ก็ได้ออกมาเคลียร์เรื่องนี้

โดยวันนี้ 3 ก.ค. 2566 "เอ้" เผยว่า ที่ไม่ได้ผ่อนต่อ เอาจริงๆ คือคนเลิกกับแฟนแล้ว ทั้งดาวน์ทั้งผ่อน เลิกกันแล้วต้องผ่อนต่อไหมตนดูแลเขามาทั้งชีวิตแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องไปจากบ้าน ตนก็ออกไปให้

นอกจากนี้ยังบอกสาเหตุที่ต่างคนต่างเลิกกันไปเพราะน้องไม่ได้มีเราคนเดียว

ส่วนเรื่องลูกบุญธรรมที่เขาไม่ชอบ ตนก็ไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ สำหรับตนมันคนละคน รักก็รักคนละแบบ ต้องแยกแยะให้ได้ ที่เขาให้เราเลือกว่าจะเลือกใคร ตนเลือกไม่ได้เพราะลูกบุญธรรมเขาก็ดูแลเรา ส่วนเขาเราก็รักในฐานะแฟน เพียงเวลาเราเป็นอะไรเขาไม่ค่อยอยู่กับเรา เที่ยวของเขาไปตามประสาวัยรุ่น เรื่องผู้หญิงตนก็เคยจับได้มาแล้ว อย่างที่เคยเป็นข่าวไป ตนก็ได้รับข่าวจากหลายทาง แฟนคลับส่งมาให้ก็มี จริงๆ แค่เห็นรอยสักหลังมือเขาก็รู้กันหมดแล้ว

ถามต่อ ในวันที่เลิกกันเคยกินจะเอาบ้าน-รถ ไหม ?

"เอ้" บอก ที่เราให้บ้าน รถ เป็นชื่อเขาเพราะเราอยากให้เขามีอนาคตที่ดี มีชีวิตที่ดี คิดว่าจะอยู่ด้วยกันนาน เลยทั้งดาวน์ให้ ผ่อนให้ ส่งเรียนด้วย เรียกว่าดูแลหัวจนเท้า บอกไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ให้ไปวันนั้นจะกลับมาทำร้ายวันนี้ ตนเสียความรู้สึก ไม่ได้เสียดายเงิน

น้องเขายังเด็กสามารถไปที่อื่นได้ แต่เราพอแล้ว อายุ 55 แล้ว เจอเหตุการณ์แบบนี้เจ็บทั้งกายและใจ เสียทั้งเงิน "เอ้" บอก ตนพูดเสมอว่าวันหนึ่งเด็กต้องไป เพราะเราอายุมากกว่า แต่การไปไม่ใช่เป็นการร้องขอความเป็นธรรม ทำให้ตนเป็นข่าวแบบนี้ ชื่อเสียงไม่ได้สร้างภายในวันเดียว แล้วที่บอกเราอยู่วงการมานาน สื่อเข้าข้างเรา ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะสื่อมวลชนเขามีจรรยาบรรณ ตนออกมาวันนี้เพื่อปกป้องตัวเอง อยู่วงการมาได้รวม 40 ปี หนึ่งสาเหตุเพราะไม่โกหกคน เรามีหลักฐานทุกอย่าง แย้มเดี๋ยวไปออกรายการเรื่อยๆ ก็จะมีหลักฐานเพิ่มอีก

พร้อมตอบเรื่องพนันออนไลน์ คือตนไม่รู้เรื่อง เขาเล่นของเขาเอง ที่เขาบอกว่าตนหมดตัว ถ้าใครไปติดตามจะรู้ว่าตนเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าเยอะมาก 9 ตัว ยังมีละครตลอดเวลา ปีนี้ 3 เรื่อง และตนยังขึ้นคอนเสิร์ตอยู่เลย ก็แล้วแต่น้องเขาจะคิด จะพูดอะไรมีหลักฐานด้วย

ส่วนที่แม่เขาบอกว่าตนต้องไปยืมเงินเขา 50,000 บาท เอาเป็นว่าเงินตนทั้งหมดอยู่ที่ลูกเขาดีกว่า เขาจะให้แม่เขาก็เป็นเรื่องของเขา แต่มันเป็นเงินตนนั่นแหละ บอกเลี้ยงเขาและครอบครัวเขาด้วย และตนส่งเรียนด้วย

พร้อมย้ำเรื่องการพนันว่าตนไม่ได้เล่น ตนกลับตื่นมาเห็นเขาร้องไห้ เขาก็บอกว่าไปเล่นบาคาร่า จำไม่ได้ว่า 6 ปีเสียไปกับเขาเท่าไหร่ ที่ผ่านมาเงินอยู่เขา ค่าใช้จ่ายในบ้านต่างๆ ก็ต้องเอาเงินตรงนั้นจ่ายไหม ซึ่งคือเงินเรา ทั้งหมดที่หามาได้ให้เขาหมด เป็นคนเก็บเงิน ชื่อบัญชีฟร้อง ที่ไว้ใจให้เขาดูแลอาจจะเพราะตนเป็นคนเก็บเงินไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเขาเก็บเงินอยู่ด้วยไหม

"เอ้" บอก ไม่ได้เสียดายเงิน แต่เสียดายความรู้สึกมากว่า คนๆ หนึ่งที่ดูแลด้วยหัวใจแล้วมาเจอแบบนี้ เหมือนชาวนากับงูเห่า มันเจ็บปวด ช่วงนี้เลยนิ่งไม่กล้ามีแฟน ส่วนที่แม่เขาว่าเราในรายการตนก็เจ็บ แต่เขาจะว่าอะไรก็ให้เขาว่า เขารักลูกเขาอยู่แล้ว ขอไม่ตอบที่ชาวเน็ตบอกขายลูกกิน

ด้านทนายบอกเรื่องฟ้องคดีต้องไปดูพยานหลักฐานกันก่อนว่าไปถึงแค่ไหน ตอนนี้ยังไม่มีทิศทางอะไร

"เอ้" บอก ไม่คิดจะไกล่เกลี่ยหลังบ้าน ยันเอาให้สุด ไม่คิดจะเรียกร้องสิ่งที่ให้ไป ซึ่งถ้าตนจะฟ้องก็น่าจะไปในทิศทางที่ทำให้เสียชื่อเสียง เพราะเราไม่ได้สร้างชื่อเสียงในวันเดียว ตนเป็นดารา นักร้อง นางสาวไทย กว่าจะทำให้คนรักขนาดนี้มันไม่ได้มีมาในวันเดียว

ส่วนฟร้องในอนาคตจะเป็นยังไงก็อยู่ที่น้องเลย เขาเป็นเด็กน่ารัก ด้วยความที่อ่อนหัด มันอาจจะมีใครที่คอยทำอะไรเขาสักอย่าง อยากให้เขาคิดได้ โตขึ้น พร้อมเลี่ยงตอบเรื่องแม่ฟร้องเข้ามามีส่วนในชีวิตคู่

"เอ้" บอกส่วนใครจะคอมเมนต์จะไงก็แล้วแต่เลย ตนอยู่ในวงการมานานมาก ไม่สนใจกับคำพูดด้านลบ เพราะเขาไม่ได้ทำให้ตนเจริญขึ้น หรือเลวลง คนวงการบันเทิงต้องนิ่ง ไม่สนใจตามกระแส เรารู้ตัวเองดีที่สุด คำตอบอยู่ในใจเราอยู่แล้ว โนสน โนแคร์ ยืนยันถ้าเขาไม่ออกมาร้องเพจสายไหม ตนก็ไม่ออกมาออกสื่อ หรือแฉเขา

ถามต่อ มีแฟนเด็กเข็ดไหม ?

"เอ้" บอก ตอนนี้เข็ดมาก แต่ก็ตอบอนาคตไม่ได้ เพราะถ้าวันหน้ามีเด็กมาชอบอีก เราเลยตอบไม่ได้ ถ้าเจอคนดี ก็สาธุขอให้เจอสักครั้ง ก่อนตายก็ได้ เอาจริงๆ คบเด็กก็ดี เอาใจใส่ พอเลิกกันความคิดเขาก็น้อย ไม่รู้จะรักเด็กเหมือนเดิมไหม แต่ตอนนี้โสดสนิท 9 เดือน และเงินยังไม่หมด

สุดท้ายหลังจบสัมภาษณ์ ด้าน "เอ้" ก็ได้ทิ้งท้ายให้กับสื่อมวลชนด้วยการร้องเพลง "สำนึกบุญคุณ" หลังอยากร้องในคอนเสิร์ตแค่ไม่มีโอกาสได้ร้อง