ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน!ภาพ นางแบบตัวแม่ แคสติ้งครั้งแรกในชีวิต

พูดถึงนางแบบแถวหน้าของเมืองไทยคงไม่มีใครไม่รู้จัก "ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม ชาร์พเพิร์ล" ตลอดเกือบ 3 ทศวรรษในวงการบันเทิงผู้หญิงคนนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอทำได้ยอดเยี่ยมทุกบทบาท ไล่ตั้งแต่นางงาม นางแบบ นักแสดง นักธุรกิจ ไปจนถึงเมนเทอร์ วันนี้ (11 มิถุนายน 2018) เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของเธอ โว้กประเทศไทยพาย้อนชมเส้นทางสายดวงดาวของนางแบบเบอร์ต้นคนนี้ เริ่มตั้งแต่อายุ 13 ปีสมัยที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐฯ อเมริกา

"สมัยเด็กๆ เราเป็นเด็กผู้หญิงที่ออกจะเหมือนทอมบอยนะ เราจะเล่นกับเด็กผู้ชาย ชอบเล่นกีฬา ไม่ค่อยรักสวยรักงามเท่าไหร่ จนกระทั่งคุณพ่อส่งไปเรียนพัฒนาบุคลิกภาพ ตอนนั้นเราถึงเริ่มเข้าใจว่าเราควรจะแต่งตัวแต่งหน้าอย่างไร ประกอบกับเราโตมาในสมัยที่วงการนางแบบมีซูเปอร์โมเดลตัวจริง เป็นสมัยที่ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด นาโอมิ แคมเบล กำลังดังมาก แต่คนที่เกดชอบที่สุดคือ พอลีน่า โปริซโกวา เราก็โตมากับการเห็นผู้หญิงเหล่านี้เขาแต่งตัวสวย รูปร่างดี เราเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่สวยๆ งามๆ ก็อยากที่จะเป็นนางแบบ แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นนักแสดง พอประมาณอายุ 13 ปีเราก็เริ่มไปแคสติ้ง ครั้งแรกเลยเริ่มต้นจากการไปถ่ายภาพเฮดช็อตเพื่อทำ Portfolio ที่โมเดลลิ่งเอเจนซีในนิวยอร์ก"

"ต้องบอกว่าสมัยนั้นที่เราไปแคสติ้งเป็นยุคที่ลุคเอเชียไม่เป็นที่นิยมเลย มันเป็นยุคของผู้หญิงผมบลอนด์ตาฟ้าอย่างเดียว เราก็เลยไม่ได้งาน เลยตัดสินใจว่ามาเมืองไทยแล้วกัน พอมาถึงก็มาประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์แล้วก็ได้ตำแหน่งตอนปี 1992 ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วมิสไทยแลนด์เวิลด์เป็นเวทีที่สองในชีวิตเกด เราเคยประกวดเวทีแรกที่ฟลอริด้าค่ะ ซึ่งการได้ตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ถือเป็นใบเบิกทางให้เราก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง หลังจากนั้นก็เริ่มมีงานเข้ามาเรื่อยๆ ครั้งแรกของการเดินแบบในชีวิตเกดคือแฟชั่นโชว์ห้องเสื้อ Time's End ของพี่สิทธิ์-ชนะชัย จรียะธนา แล้วก็ถ่ายแบบครั้งแรกกับนิตยสารจันทร์"

และเมื่อเราลองให้เธอเปรียบเทียบถึงชีวิตนางแบบในแต่ละทศวรรษของเธอได้ความว่า "ชีวิตตอนช่วง 20 เนี่ยสนุกมาก งานเยอะมาก พอ 30 เราเริ่มเข้าสู่วงการนักแสดง เริ่มหยิบจับบทบาทอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากการเป็นนางแบบ ถือเป็นช่วงที่เราได้เรียนรู้อย่างกว้างขวาง พอมาถึง 40 ก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นจุดพีคที่สุดของเราแล้ว เราได้ทำทุกอย่างที่เคยคิดว่าอยากทำ เป็นยุคที่เรา establish แล้ว ส่วนถ้าให้จินตนาการถึงตอนอายุ 50 เราก็คิดว่าคงเหมือนไวน์แดงมั้งคะ ยิ่งเก็บนานยิ่งดีค่ะ (หัวเราะ)"

"มาถึงตรงนี้คนที่เกดอยากจะขอบคุณมากที่สุดก็คือทุกคนในวงการแฟชั่น วงการนิตยสาร ไม่ว่าจะเป็นช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพ ถ้าไม่มีพวกเขาเกดก็คงไม่สามารถมายืนจุดนี้ได้ ขอบคุณทุกดีไซเนอร์ บรรณาธิการ แม้แต่ผู้ช่วยตากล้องหรือกราฟิกดีไซเนอร์ที่รีทัชภาพ คือเรียกว่าเกดต้องขอบคุณทุกคนในวงการนี้จริงๆ เพราะทุกคนมีส่วนที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในวันนี้ค่ะ" นางแบบเบอร์ต้นของเมืองไทยทิ้งท้ายถึงทุกคนที่เคยร่วมงานกับเธอ

เครดิตแหล่งข้อมูล : vogue