เตรียมมีข่าวดีเร็วๆ นี้ จุ๊บแจงรีเทิร์นรักแฟนเก่ายิ่งกว่าบุพเพสันนิวาส
จุ๊บแจง : ช่วงนั้นก็เสียใจ แล้วพี่โก้ ธีรศักดิ์ ชวนไปงานเปิดตัวหนังของพี่พชร์ อานนท์
บอม : 4 ธ.ค. 2561
จุ๊บแจง : ก็ไปกับเพื่อนๆ แล้วไปเจอ พี่บอมเขาเดินมาแล้วก็อ้าว จุ๊บ ประโยคแรก
เคยรู้จักกันอยู่แล้ว?
จุ๊บแจง : เคยเป็นแฟนเก่ากัน (หัวเราะ)
บุพเพสันนิวาสของจริง?
จุ๊บแจง : ตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ สมัยเราเล่นโดเรมีด้วยกัน พี่ไปเล่นหนังของพ่อเขา พ่อเขาเป็นผู้อำนวยการสร้างหนัง
บอม : เรียนอยู่ม.ศิลปากร ปี 1
เจอกันตอนนั้น?
จุ๊บแจง : เขาไปช่วยพ่อทำพร็อพ เขาเห็นเราดัดผม เขาชอบผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ (หัวเราะ)
บอม : เห็นเขาเดินมา นี่มันนางเอกผู้หญิงข้าฯ นี่ (หัวเราะ)
จุ๊บแจง : เขาก็จีบ คบกัน แต่ตอนนั้นเหมือนพ่อแม่เขารวย พ่อเขาเป็นผู้อำนวยการหนัง เราต้องดูแลครอบครัว เขามีโมเมนต์ไปเที่ยวกับเพื่อน เจ้าชู้ คบทีเดียว 5 คน ต้องบอกผู้หญิงเลยนะว่าพี่มีแฟนอยู่แล้วนะ รับได้ถึงจะคบ เล่าสิคุณ
บอม : ไม่ใช่ ผู้ชายตอนวัยรุ่น เห็นผู้หญิงคนนั้นน่ารัก คนนั้นน่าหยิก ก็อยากลองคบดูว่าคนไหนที่เหมาะกับเรา แต่จริงๆไม่ใช่หรอก ดูละครผู้ชนะสิบทิศแล้วชอบ อยากเป็นบุเรงนอง (หัวเราะ) เราก็อยากลองคบดู เราไม่ชอบสับราง โกหกบอกว่าชอบนะ แต่มีแฟนอยู่แล้ว ถ้ารู้ว่าจะมาเจอน้องจะไม่คบคนนั้นหรอก แต่ไม่รู้จะทำยังไง อยากลองดู ใครอยากคบก็คบ
จุ๊บแจง : ตอนนั้นคบกันก่อน แล้วเขาติดเพื่อน ไปโน่นไปนี่กับเพื่อนบ่อย มันไม่ใช่เป้าหมายในชีวิตเรา เราอยากโฟกัสการทำงาน อยากหาเลี้ยงครอบครัว เราก็เลยเลิกกัน พอเลิกกันปุ๊บต่างคนก็ต่างไป วันนึงมาเจอในกองถ่ายเป็นนักแสดง เล่นละครเรื่องเดียวกันหวานมันฉันคือเธอ ก็ตกใจ คนนี้มาเป็นดารา แต่เขาก็อยู่ในกลุ่มพระเอก เราก็อยู่กลุ่มต่าย สายธาร เล่นกันมาหลายเรื่อง ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป จนพี่ก็มีแฟน เขาก็มีครอบครัว จนวันเปิดตัวหนังพี่พชร์ ที่มีปัญหาชีวิต 20 กว่าปี ได้เจอกันที่งาน คำแรกที่เขาเดินมาถามคือจุ๊บโอเคมั้ย เพราะเขารู้ข่าวเรา เราก็บอกว่าโอเค ชีวิตต้องมูฟออน ต้องลุกขึ้นให้ได้นะ เขาก็บอกดีแล้วๆ เป็นกำลังใจให้ แล้วพอคุยกันเสร็จก็ถามว่ามากับใครเขาบอกมากับลูกสาว เขาเรียกลูกเขามาสวัสดีเรา สำเนาถูกต้อง เราก็รู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว เราก็ไม่ได้คิดอะไร ก่อนแยกกันเขาถามว่ามีไลน์มีเบอร์มั้ย ตอนนี้พี่ไม่ได้อยู่เบื้องหน้าแล้ว พี่มาทำเบื้องหลังแล้วนะ มาทำซีรีส์ ทำละคร ทำหนัง เผื่อมีบทอะไรเข้า ก็บอกว่าได้พี่ เขาขอเบอร์ขออะไรไปปุ๊บ วันปีใหม่ก็ไลน์มาสวัสดีปีใหม่ สงกรานต์ก็มาเป็นช่วงๆ เทศกาล แล้วก็หายไปนะ เราไม่ได้คิดอะไร จนช่วงต.ค. พ.ย. เอ๊ะ โทรหาเราบ่อยจัง โทรบ่อยจนเราสงสัยเราก็ถามว่าพี่ไม่ได้นะ พี่มีลูกมีครอบครัวแล้ว เขาถึงบอกว่าเขาเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว เลิกกับคุณแม่น้องตอนน้อง 2 ขวบ เราก็ตกใจ ขอโทษนะที่ละลาบละล้วงความลับเขา ก็พูดว่าถ้าเราจะกลับมาคบกัน ต้องปรับนิสัยใจคอกัน
บอม : ก็เห็นอยู่ ด้วยความที่เขาอยู่ที่สว่าง เราอยู่เบื้องหลังไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องเราหรอก แต่เราก็เป็นห่วงคนเคยคบกันก็มีสิ่งดีๆ ยิ่งคบกันเป็นช่วงวัยรุ่นด้วย มันก็บริสุทธิ์ ไม่มีอะไรมาแฝง
โมเมนต์พอเลิกกันไปแล้ว อะไรทำให้รู้สึกอยากกลับมา?
บอม : ส่วนใหญ่อยู่ที่โมเมนต์ตอนช่วงเราคบกัน มีอะไรดีๆ สิ่งดีๆ ที่เราทำให้กัน บางเวลาเราคิดถึงเขา เราเคยอยู่กับเขา ก็ลองทักไปดูด้วยความเป็นห่วง
ทำไมถึงคิดถึงผู้หญิงคนนี้บ่อยจัง?
บอม : มันเป็นช่วงจังหวะมากกว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงวัยรุ่นไม่มีอะไรมาก พอดูหนังก็นึกถึงเขา มีโมเมนต์ดีๆ
ก่อนเจอพี่จุ๊บแจงก็ต้องมีคนอื่นที่คุยด้วย แต่ไม่ถูกใจ?
บอม : มันเหมือนลองคบ แต่อย่างจุ๊บแจงตอนเข้ามาคบ เขาโอเคกับลูกด้วย เขาดูแลลูกเราดี เข้ากันได้ ลูกสาวไม่รู้ว่าพ่อแอบมีแฟน ที่ลูกสาวรู้คือคนนี้คนแรก
วันที่เจอครั้งแรก แล้วรู้ว่าเขาโสดแน่ๆ คิดในใจว่าหรือจะจีบเขาอีกทีนึงดี มีมั้ย?
บอม : มันเป็นความรู้สึกว่าอยากเข้าไปช่วยดูแลมากกว่า ไม่ใช่ต้องปักธง เพราะไม่รู้กำแพงที่อยู่ขนาดไหน เพราะตอนวัยรุ่นเราก็เกเรมาก แต่ปัจจุบันเราพลิกมาคนละอย่าง เขายังไม่เชื่อเลยว่าเรามาอีกทางนึงแล้ว
อะไรทำให้คิดว่าจีบอีกครั้ง?
บอม : เวลาคุยไลน์กันมันก็มุ้งมิ้ง มันก็ไปเรื่อย มันก็พูดยาก ใจก็ละลายไปเรื่อยๆ
จุ๊บแจง : พอเลิกกับแฟนเก่า ต้องบอกว่าเนื้อหอมนะ จีบเยอะ แต่มีแต่แก่ๆ ทั้งนั้น ดีเอ็มมาหา นายพล เจ้าของรีสอร์ตพ่อม่าย ลูกโตหมดแล้ว บั้นปลายชีวิตอยากจูงมือกันไปทำบุญ โน่นนี่นั่น แต่เรารู้สึกว่าเหมือนเรากลัว เป็นคนไม่กล้าก้าวข้ามผ่านสิ่งที่เราเจอมา เรารู้สึกกังวล เราไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเขาว่าเป็นยังไง ไม่รู้เขาคิดยังไงกับเรา เขาเข้ามาหาเราเพราะอะไร เพื่อผลประโยชน์หรือเปล่า แต่เราก็ไม่มีผลประโยชน์หรอกนะ แต่ที่เปิดใจให้พี่บอม เพราะว่าเราเคยเป็นแฟนเก่ากันมา เคยเป็นปั๊บปี้เลิฟ รักแรกๆ ของเรา มันก็มุ้งมิ้งความสุข รู้จักครอบครัวเขาว่าเป็นยังไง แต่นิสัยความเกเรก็ต้องมาดูว่าเป็นยังไง แต่พอมาคบแล้วโอ้ย สาธุ ธรรมะธัมโม สวดมนต์ บ้าพระ เปลี่ยนเป็นคนละคน
บอม : เมื่อก่อนเที่ยวทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้ไม่เที่ยวเลย เลี้ยงหมาอยู่บ้าน ทำงานอย่างเดียว
พี่จุ๊บแจงเคยผ่านอะไรเลวร้าย ตอนนั้นไม่สมหวัง รู้สึกแย่ มันสอนอะไรเราบ้าง?
จุ๊บแจง : สอนเยอะมาก ไม่ใช่ไม่ไว้ใจใครนะ แต่เหมือนตอนเราคบใคร เราให้ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเพื่อนแฟน หรือใคร คนในครอบครัว หรือพี่น้อง เรารักเราทุ่มเท แต่ความรักที่ไม่สมหวังทำให้เรารู้สึกกลัว และไม่ไว้ใจ สอนให้เราคิดว่ารักใครเราต้องรักอย่างมีสติ มีความคิด ไม่ใช่รักแบบหัวปักหัวปำ คนเราเวลารักกันจะตัวติดกันตลอดเวลา ไม่เคยเขยิบมาหนึ่งก้าวเพื่อมองมอบๆ ว่าสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เขาเป็น เป็นยังไง เราไม่เคยหมุนรอบตัว ตอนนั้นเสียใจถึงขนาดว่าร้องไห้จนไม่มีคำว่าสะอื้นแล้ว น้ำตามันไหลเองโดยอัตโนมัติ ถ่ายละคร ทำงานเราทำได้เป็นปกติแต่พอกลับบ้านเราไม่สามารถเข้าบ้านได้ ไม่อยากเอาความทุกข์หรือให้แม่เราเห็นว่าเรายังร้องไห้ ยังเศร้าใจ ต้องขับรถบนทางด่วนร้องไห้จนเต็มที่แล้วเราก็กลับบ้าน เพราะชีวิตต้องเผชิญความจริง เราต้องสู้ 108 คำกำลังใจก็ไม่เท่าใจของเรา ถ้าใจของเราคิดได้ ตัดได้ มันก็จะสอนเราเอง มันก็จะจบ แต่ตอนนั้นถ้าไม่ลุกขึ้นมาสู้ด้วยตัวเองก็ทำไม่ได้ อีกอย่างกำลังใจดีๆ ก็คือจากแม่ เพราะแม่เคยพูดคำนึง ที่ทำให้เราสะกิดใจว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ เศร้าอย่างนี้ ร้องไห้อย่างนี้ แม่จะไปกราบเท้าเขาให้กลับมาเป็นคู่ชีวิตของเราได้มั้ย เราก็รู้สึกว่าโอ้โห เราทำร้ายผู้หญิงที่เขารักเราที่สุด รักเรามาก แม่ดูแลเราวันที่เราล้ม แม่ป้อนข้าวป้อนน้ำทุกอย่าง เราก็อายุมากแล้ว ไม่ใช่อายุ 20 กว่าๆ มันต้องลุกขึ้นมาให้ได้
อะไรที่ทำให้คิดว่าคบกับคนนี้ได้?
จุ๊บแจง : อยากบอกว่าพี่บอมเขาก็พิสูจน์ให้เราเห็นว่าเขาเปลี่ยนไป จากที่แต่ก่อนคุยกัน เราก็รู้สึกว่าเราจะเข้ากันได้มั้ยปัญหามันมีอยู่แล้วเพราะพี่บอมมีลูกติด ครอบครัวเรา แม่ของพี่เป็นคนไม่ได้เปิดรับอะไรง่ายๆ ตอนแรกแม่บอกว่าเขามีลูก มีอะไรก็ต้องคิดถึงแต่ลูกสิ เขาจะคิดถึงหนูหรือเปล่า เราก็บอกว่าความรักของเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาก็ดูแลจุ๊บดี ไม่ต้องกลัวเขามาเอาอะไรของเรา และเขาไม่ต้องกลัวว่าเราจะไปเอาอะไรของเขา ถ้าเขาหาได้ให้ลูกเขาไป เราก็ดูแลครอบครัวเหมือนเดิมปกติ เพียงแต่เราสองคน อยากเป็นคนแก่ที่บั้นปลายชีวิตอยู่ด้วยกัน จูงมือกันไปวัด จูงมือกันไปหาข้าวกิน สร้างความสุขซึ่งกันและกันมากกว่า
กว่าจะเริ่มต้นใหม่ กว่าจะก้าวจากความเจ็บครั้งนั้น พี่จุ๊บแจงมีปมคืออะไร?
จุ๊บแจง : หลายคนชอบถามว่ากลัวมั้ยเวลาเจอสาวสอง เพราะครั้งแรกครั้งสองเป็นผู้หญิง แต่ครั้งที่เราต้องตัดความสัมพันธ์ก็เป็นสาวสองนี่แหละ แรกๆ เราก็รู้สึกว่าหวาดระแวง เพราะชีวิตเราต้องเจอแต่ช่างแต่งหน้าทำผม คนรอบข้างสไตลิสต์ โปรดิวซ์ รวมกันหมด เจอแต่อย่างนี้ เรารู้สึกว่าเรารักพวกเขา เราอยู่กับเขามาตั้งแต่เด็ก พอวันนึงเป็นแบบนี้ก็สอนว่าเราหวาดระแวง เรากลัวเขา เวลาเขาเข้ามาแต่งหน้าทำผมเรา เราต้องก้าวไปอีกสเต็ป แต่เวลามันสอนเรา มันไม่ใช่ที่น้องเขาผิด แต่คนของเราผิด ถ้าคนของเราไม่สานต่อ หรือถ้ามีประกายจุดมา ไม่เริ่มให้ต่อไป มันก็ไปต่อไม่ได้ก็เลยไม่ได้โทษใคร แต่ร้อยเปอร์เซ็นต์ 90 เปอร์เซ็นต์ก็ยังระแวง แต่ถามว่ากาลเวลาจะช่วยให้ใจเราเยียวยาขึ้นได้
ครั้งนี้กังวลมั้ย?
จุ๊บแจง : กังวล
บอม : ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย ดูหน้าดูหุ่นพี่ไม่มีใครเอาพี่อยู่แล้ว (หัวเราะ)
จุ๊บแจง : เขาเป็นคนโลกส่วนตัวสูง ติสต์มาก เวลาออกกองเขาบอกว่าจะปิดเครื่องนะ จะไม่รับโทรศัพท์ ถ้ามีอะไรฉุกเฉินหรือด่วนให้โทรเฟซบุ๊ก ก็ถามว่าถ้าหนูเกิดรถชนพี่ทำยังไง เขาบอกต้องเข้าใจว่าพี่ทำงาน พี่ต้องโฟกัสหน้าเซ็ตหรือเวลาเขียนบท ต้องอยู่กับตัวเอง เราก็คิดว่าคงเข้ากันไม่ได้ คงทะเลาะกันบ่อย
บอม : จริงๆ เวลาเราเป็นผู้กำกับ เราทำหนังเรื่องนึง เขาเอาเงินมาให้เรา 30 ล้าน เราใช้แค่ 6 เดือนหมด ฉะนั้นเวลาที่อยู่ข้างหน้าเซ็ต ทุกอย่างต้องเป็นเงินหมด ทุกอย่างต้องโฟกัส ก็จะปิดมือถือ ข้างนอกไม่รับรู้ เอาตรงนี้ให้เสร็จก่อน
จุ๊บแจง : เบื้องหลังหนักจนเราคิดว่าถ้าเป็นเรา เราคงรับไม่ได้ ปัญหาเกิดได้ทุกวินาที
ลงล็อกกันยังไง อยู่ๆ ติดต่อกันไม่ได้ หายไป 3-4 วัน?
บอม : อยากกลับบ้านทุกวัน ถ่ายหนังไม่เหมือนละคร คิวนึงบางทีอาทิตย์นึงสองวัน
อยู่วงการเดียวกันเข้าใจง่ายกว่าด้วยซ้ำ?
บอม : ก็ยังทะเลาะกัน เพราะเราเขียนบทเองด้วย เวลาเขียนบทก็ห้ามใครมายุ่ง สัตว์ก็ไม่ได้ สิ่งมีชีวิตก็ไม่ได้ นอนอยู่นึกออกก็เขียนเลย
เจ้าระเบียบมาก?
จุ๊บแจง : เขาจะบอกว่าเวลาพับผ้าต้องพับแบบนี้ ต้องแยกตรงนี้ไว้อย่างนี้ เหมือนเจ้าระเบียบทุกอย่าง ไม่ใช่เฉพาะเรานะ ลูกสาวเขาก็เป็น เป๊ะทุกอย่าง แต่ถามว่าเขาดูแลเราดีมั้ย เขาดูแลเราดี เวลาเหนื่อย มีปัญหา เขาเป็นที่ปรึกษาได้เป็นกำลังใจได้ หรือเวลาป่วย ทำงานแล้วเดินสะดุด ล้ม เขาก็มานวดให้ ไม่เคยมีใครทำให้เรา เราเลยรู้สึกว่าเขารักเรานะ เขาดูแลเราดี
บอม : จุ๊บแจงเขาเป็นคนขยัน ทำงานเพื่อครอบครัว ตอนเราวัยรุ่น ไม่มีลูกเราไม่เคยเป็น เราก็คิดว่าควรยึดเขาเป็นตัวอย่างถ้าอยากประสบความสำเร็จ ทำงานหนักๆ ตั้งใจจริงๆ เป็นแบบอย่างในการทำงาน
หวงมาก ห้ามทำศัลยกรรม?
บอม : จุ๊บแจงเขาเป็นคนมีความสามารถในการแสดงอยู่แล้ว แล้วทุกวันนี้เขามาได้ขนาดนี้ด้วยความสามารถ ไม่ใช่เพราะนมใหญ่ จมูกใหม่ เขาดีอยู่แล้ว สวยอยู่แล้ว พอมีอายุก็ให้มันสวยไปตามอายุของเรา มันโอเคกว่า
จุ๊บแจง : เคยจะไปทำ เพราะแซดกับชีวิต ก็พูดว่าจะไปทำจมูก ทำหน้าอก เขาพูดว่าคนเรารักกันไม่ได้รักที่ส่วนนี้ ถ้าเกิดจุ๊บเป็นอะไร เขาจะเสียใจมากกว่านี้
บอม : มันมีเอฟเฟกต์ด้วยของแบบนี้ ไม่รู้ทำไปดีหรือไม่ดี มันไม่จำเป็น
จุ๊บแจง : ทำไมไม่เอาไปเล่นหนัง เล่นละครของตัวเอง
บอม : ไม่หรอก เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแฟนกันก็อยากเอาเขามาเล่น แต่กลัวว่าพอเป็นแฟนแล้ว เรื่องที่กองจะมาถึงบ้านเรื่องที่บ้านจะมาที่กอง เราก็ไม่เอาดีกว่า ไม่เสี่ยง (หัวเราะ) ก็อย่าเพิ่งเลย รอดูก่อน เดี๋ยวหาว่าไม่ไว้หน้าอีก
พ่อที่มีลูกสาวส่วนใหญ่พอจะมีแฟนจะมีปัญหา พี่บอมมีปัญหามั้ย?
บอม : จริงๆ เคยเจอกับตัวเองมา ตอนแม่เรามีพ่อใหม่ แต่พ่อกับแม่เลิกกันตั้งแต่เด็กๆ แม่ก็เลี้ยงเรามา เราเคยเจอประสบการณ์ เราก็คิดว่าถ้าเรามีลูกจะไม่มีแม่ใหม่ แต่พอเวลาผ่านไป ก็ได้รู้จักจุ๊บแจง ก็ต้องเทสต์ลูกหน่อยว่าโอเคมั้ยตอนแรกเราแคร์ลูกมาก อยากเติมเต็มให้เขา ก็เลยพาให้รู้จักกันก่อน นัดเที่ยวสวนจตุจักร ดูว่าเขาเป็นยังไง ตอนแรกแนะนำว่าเพื่อนพ่อ ถามว่าอาจุ๊บเป็นยังไงบ้าง ถ้าพ่อจะคบอาจุ๊บลูกจะว่ายังไง ลูกบอกว่าโอเค
ถ้าลูกไม่ชอบก็งานเข้า?
บอม : ไม่หรอก ถ้าลูกไม่ชอบเราจะหาทางให้ลูกชอบ (หัวเราะ) เขาก็เข้ากันได้ พี่โดนอยู่คนเดียว (หัวเราะ)
จุ๊บแจง : พอรู้ว่าเขามีลูกสาว เราก็คิดว่าเขาจะรับได้มั้ย แต่เราใช้ความเป็นเพื่อนมากกว่า มีทุกอย่างปรึกษาได้ เรื่องเรียน เรื่องช้อปปิ้ง แต่งตัว กลายเป็นว่าเขาปรึกษาเรามากกว่าพ่อเขาจนพ่อเขาน้อยใจว่าพ่อเขาอยู่ตรงไหน ลูกเขาก็ยังมาพูดให้เราฟังว่าเขาน้อยใจ
ตอนไปเจอลูกพี่บอม คิดมั้ยว่าจะเข้ากันได้มั้ย ลูกเป็นสไตล์ไหน แอบถามมั้ย?
จุ๊บแจง : ไม่ได้ถามเลย วันแรกเขาบอกให้ไปช่วยลูกเขาซื้อเสื้อผ้าทำกิจกรรมที่สวนจตุจักรให้หน่อย เขาเป็นผู้ชาย ไม่รู้จะเลือกยังไง เราไปถึงก็บอกว่าน้องบีมอยากได้แบบไหน ชอบแบบไหน เดี๋ยวอาพาไปเดินดู เราก็ใช้ความเป็นเพื่อนเราไม่ได้คิดว่าเราไปเป็นแม่เลี้ยงเขา หรือเป็นแม่คนใหม่ของเขา เราก็บอกว่าไม่ต้องคิดมากนะ คิดว่าอาเป็นเพื่อนคนนึง มีอะไรคุยกัน ปรึกษาได้ทุกเรื่อง รับรองไม่บอกพ่อแน่นอน เราคุยกันสองคน เรื่องที่คุยกันจะไม่รู้ถึงพ่อแน่นอน
จุ๊บแจง : พี่ไม่ซีเรียสเรื่องนี้ เขาก็มีแม่ของเขา วันแม่ วันเกิดแม่เขา เราก็ได้ยินพ่อเขาพูดสอนลูกตลอดว่าโทรไปอวยพรแม่ด้วยวันเกิด วันแม่ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ วันใหม่ โทรหาแม่บ้างหรือเปล่า คุยกับแม่บ้างนะ เขารักลูกมาก เราก็พูดว่าพี่เป็นผู้ชายที่ดี๊ดีนะ เป็นแฟมิลี่แมนมากๆ เราไม่ได้อิจฉาลูกนะ แต่เรารู้สึกว่าจากที่เราเห็นเขาเกเร จนวันนึงเขามีลูก เขาเปลี่ยนได้เพราะลูกเขา ลูกทำให้ผู้ชายคนนึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เรารู้สึกทึ่งมาก จนเรารู้สึกว่าถ้าเรามีลูกกับเขา เขาคงรักลูกเรา
มีมั้ย?
บอม : เรื่องนี้เป็นธรรมชาติ ไม่ได้อยากจะมี ด้วยวัย กลัวว่าจุ๊บแจงท้อง กว่าจะโต เราก็จะเป็นห่วง แต่ถ้ามีก็ปล่อยตามธรรมชาติ
มีแพลนเวดดิ้ง แต่งงานมั้ย?
บอม : เรารอเจ้าภาพอยู่ (หัวเราะ) มันต้องแต่งแหละ
จุ๊บแจง : ต้นปีเขาพูดว่าเม.ย.แต่ง เราก็ใครเขาจะแต่งงานกันหน้าร้อน แก๊งๆ แม่ๆ ก็บอกว่าไปพูดแบบนั้นได้ไง ถ้าเขาบอกจะแต่งเราต้องแต่งไว้ก่อนลูก หน้าไหนก็เอาไว้ก่อนลูก หัวเราะกันจะตาย เวลามีอะไรเราก็ปรึกษาแก๊งแม่ๆ
ดูอินเลิฟมาก อยากรู้ว่าคู่รัก Y2K อิอิ บอกรักกันยังไง เล่าความประทับใจ?
จุ๊บแจง : พี่บอมดูแลเราดี สม่ำเสมอ ไม่ว่าด้วยอารมณ์ไหน เขาดูแลเรา เป็นห่วงใย จะมีใครเป็นห่วงเรา ยกเว้นแม่นะก็มีเขานี่แหละ เขาห่วงทุกอย่าง เรื่องกิน สุขภาพ ขับรถ ทุกอย่างต้องเป๊ะ ระเบียบทุกอย่าง ก็ขอบคุณมาก เราก็คงอยู่กันไปนานๆ จนแก่เฒ่า จูงมือกันไปทำบุญนะจ๊ะ
บอม : ดูเหมือนไม่ใส่ใจ ไม่โรแมนติก แต่เราห่วงเขาตลอด บางทีมานั่งกินข้าวกันในสมองก็คิดเรื่องงาน เขาถามอะไรก็อาจไม่ได้ตอบ ก็อยากให้เขามั่นใจว่าไม่ต้องกังวลเรื่องมีคนอื่นเลย เพราะชีวิตโฟกัสเรื่องงานและครอบครัวเท่านั้นเอง เรื่องอื่นไม่สนแล้ว
บอกรักกัน?
บอม : เราบอกรักกันทุกวันอยู่แล้ว ถ้ามาบอกรักในรายการก็ธรรมดาไปเนอะ (หัวเราะ) เราทำให้กันทุกวันอยู่แล้ว ก็เร็วๆ นี้เนอะ (มอบดอกไม้หอมแก้มกัน)
รอฟังข่าวดีเร็วๆนี้?
จุ๊บแจง : เรียนเชิญด้วยนะคะ (หัวเราะ)
https://www.facebook.com/teeneedotcom