เปิดชีวิตแอนนาจากเด็กวัดสู่นางงาม คุณแม่ตอบชัดทำไมไม่เลิกกวาดถนน
แอนนา : "ชีวิตที่ผ่านมาถามว่าลำบากไหมเราไม่เคยคิดว่าลำบากเลยแต่พอเราโตขึ้นได้ฟังเรื่องราวของคนอื่นมากขึ้นมันก็เริ่มกลับมาคิดแล้วว่าที่ผ่านมาเป็นเพราะว่าเราต้นทุนน้อยกว่าคนอื่นแอนนาเติบโตมาในครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่ทำงานเป็นพนักงานเก็บขยะแล้วคุณพ่อคุณแม่แยกทางกันทำให้แอนนาอยู่กับคุณพ่อ 2 ท่านแต่พอคุณพ่อไปทำงานแล้วแอนนาเป็นผู้หญิงคนเดียวคุณทวดที่เป็นแม่ชีก็เลยขอคุณพ่อให้แอนนาไปอยู่กับคุณทวดที่วัดทำให้แอนนาอยู่วัดมาตั้งแต่ป.3 จนจบมหาวิทยาลัย"
ตอนเด็กๆ เคยมีความอิจฉาเพื่อนไหมเขามีครอบครัวที่สมบูรณ์มีชีวิตที่สุขสบายแล้วมาเทียบกับตัวเองมีไหม?
แอนนา : "ความรู้สึกของหนูที่มองย้อนกลับไปแอนนาไม่ได้มองว่าเป็นความน่าอิจฉาแล้วกันแอนนามองว่าเราเป็นแค่อารมณ์เด็กผู้หญิงทั่วไปแอนนาเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนอาจจะมีการมองตัวเองกับคนอื่นการเปรียบเทียบบ้างบางครั้งว่าทำไมเขาถึงมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกว่าทำไมเขาถึงได้ไปเที่ยวที่ดีกว่าทำไมเขาถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มากกว่าเราแต่มันเป็นแค่โมเมนต์หนึ่งเท่านั้นพอเวลาผ่านไปเรื่องเหล่านี้ก็ลืมไปมันเป็นธรรมดาและเป็นธรรมชาติของทุกคนแต่ไม่เคยมองแบบฝั่งใจว่าทำไมๆ"
เรามีวิธีการคิดบวกตั้งแต่เด็กแล้วใช่ไหม?
แอนนา : "หนูว่าใช่ด้วยอาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของเราเติบโตมากับคุณทวดโตมากับวัดเราก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตเราขาดหรืออาจจะเป็นความรักที่ทุกคนมอบให้แอนนาไม่ว่าจะเป็นคุณทวดคุณพ่อคุณแม่แม้ว่าเราจะไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแต่ความรักที่ทั้ง 3 ท่านมอบให้ไม่เคยขาดเลยทุกคนเติมเต็มให้แอนนาเหมือนแอนนาเป็นเด็กผู้หญิงปกติคนหนึ่งเลย"
ย้อนกลับไปตอนนั้นเคยมีเรื่องท้อบ้างไหม?
แอนนา : "แอนนาว่าทุกคนมีเรื่องท้อหมดแอนนาเลยไม่ได้มองว่าสิ่งที่มันท้อที่สุดคืออะไรแต่อาจจะเป็นในเรื่องของการศึกษามากกว่าเพราะว่าเป็นประเด็นที่แอนนาหยิบยกขึ้นมาพูดในเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ด้วยแอนนามองว่าการศึกษาที่ทุกคนบอกว่าการศึกษาเป็นขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งที่เด็กทุกคนควรจะได้รับแต่ทำไมเด็กที่มีต้นทุนน้อยกว่าถึงได้รับไม่เท่าเด็กที่มีต้นทุนมากกว่ามันเลยเป็นสิ่งที่แอนนาอยากมาพูดอยากถ่ายทอดประสบการณ์บางครั้งเสียงของแอนนาที่มันดังขึ้นอาจจะช่วยเหลือเด็กหลายๆคนประสบปัญหาการศึกษาประสบความสำเร็จได้มากกว่าแอนนา"
ตอนเด็กๆ เราเคยโดนล้อบ้างไหมว่าเด็กวัดๆ?
แอนนา : "มีบ้างแต่เข้าใจนะคะมันเป็นช่วงวัยเด็กแอนนาไมาได้โกรธหรือว่าแค้นเขานะคะสุดท้ายมันก็ผ่านไปทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิดแบบนั้น"
เป็นเด็กวัดดีจะตายได้รางวัลติดตัวมาตั้งแต่เด็ก?
แอนนา : "ได้มาเยอะมากแต่ที่ได้มาจนถึงทุกวันนี้คือสวดมนต์"
แอนนา : "ใช่ค่ะมันเป็นช่วงเวลาที่เราได้อยู่ในวัดก็เลยได้ทานข้าวก้นบาตรพระแอนนามองว่ามันเป็นข้าวปกตินะคะอย่างน้อยมันก็ทำให้เราอิ่มท้องไม่ได้เป็นข้าวที่แตกต่างจากคนอื่นเลย"
เคยคิดว่าตัวเองโตขึ้นอยากจะเป็นแม่ชี?
แอนนา : "ใช่ค่ะอาจจะเป็นเพราะว่าสภาพแวดล้อมของเราด้วยก็เลยคิดว่าบั้นปลายชีวิตเราคงไม่ต้องการอะไรแล้วแหละนอกจากความสงบก็เลยตั้งเป้าหมายไว้ตอนเด็กแล้วกันสุดท้ายเป้าหมายเราก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆมีเป้าหมายใหม่ๆเข้ามาเรื่อยๆถามว่ายังมีความคิดแบบนั้นอยู่ไหมมีค่ะแต่ว่าขอเต็มที่กับตรงนี้ก่อน"
ถ้าทุกวันนี้คุณทวดยังอยู่มีอะไรจะขอบคุณคุณทวดไหม?
แอนนา : "มีเยอะมากเลยแอนนามีทุกวันนี้และเป็นคนที่คิดบวกแบบนี้ได้เพราะท่านเลยค่ะทุกอย่างที่คุณทวดสอนแอนนามาแม้หลายคนมองว่าช่วงอายุที่ห่างกันความคิดการสอนจะไม่ปัจจุบันหรือเปล่าแต่แอนนาอยากบอกเลยว่าทุกคำสอนที่คุณทวดสอนแอนนามันส่งผลให้แอนนามีทุกวันนี้ทำให้แอนนาเป็นคนคิดบวกให้แอนนาประสบความสำเร็จได้รับมงกฎนี้อยากบอกคุณทวดว่าวันนี้หนูทำสำเร็จแล้วแล้วทุกคำสอนที่ทวดบอกแอนนามามันทำให้แอนนาประสบความสำเร็จ"
มีคำสอนคำไหนของคุณทวดที่เราจะได้ถึงทุกวันนี้?
แอนนา : "ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นมันเป็นคำที่ทุกคนได้ยินปกติอยู่แล้วแต่ไม่เคยอินซึ่งคำนี้มันเป็นคำปกติของแอนนาเหมือนกันแต่พอเราเชื่อและพยายามมากขึ้นมันก็สำเร็จริงๆแอนนาอยากจะบอกทุกคนว่าสุดท้ายชีวิตเราราบรื่นแต่ความพยายามจะทำให้เราสำเร็ได้จริงเชื่อมั่นในตัวเอง"
เราได้รับตำแหน่งแล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ยังทำอาชีพเดิมเราเคยขอให้คุณพ่อคุณแม่หยุดทำงานไหม?
แอนนา : "แอนนาไม่เชิงบอกให้คุณพ่อคุณแม่เลิกทำงานเก็บขยะกวาดขยะนะคะเราแค่อยากให้คุณแม่สบายมากขึ้นมากกว่าแต่ว่าเรื่องอาชีพแอนนาไม่ได้มองว่าเป็นอาชีพที่แย่อะไรสุดท้ายแล้วอาชีพที่คุณพ่อคุณแม่ทำมันเป็นอาชีพที่ช่วยเหลือหรือมีประโยชน์ต่อสังคมทั้งนั้นถ้าคุณพ่อคุณแม่จะอลิกทำอยากให้เขาเลิกทำเพราะว่าเขาตัดสินใจเองไม่อยากให้เลิกทำเพราะแอยนาบอกสุดท้ายอาชีพนี้มันก็ส่งประโยชน์แก่สังคมแอนนามองว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรที่ให้คุณพ่อคุณแม่เลิกทำอาชีพนั้นถ้าเป็นความสุขของท่านก็ยินดีที่จะสนับสนุนต่อไปเรื่อยๆ"
แอนนา : "หนูเข้าใจคุณพ่อเหมือนกันโทรไปถามคุณพ่อเลยตอนเห็นข่าวนี้คุณพ่อบอกว่าสุดท้ายแล้วเขาโอเคคือเขาไม่ได้โกรธอะไรแต่ว่าณตอนนั้นด้วยอาชีพที่เขาทำอยู่ทำให้มีกลิ่นตัวเขาก็เกรงใจมากกว่าคุณพ่อคุณแม่แอนนาเป็นคนที่เกรงใจคนอื่นเยอะมากทำให้แอนนาเป็นคนที่ขี้เกรงใจคนอื่นเหมือนกันแอนนาเข้าใจในมุมของคุณพ่อแล้วพอเราอยู่ตรงนี้เราก็เข้าใจในมุมของแฟนคลับด้วยทุกคนอยากให้กำลังใจแอนนาอยากให้กำลังใจคุณพ่อคุณแม่แอนนาแต่สุดท้ายแล้วอยากจะฝากบอกทุกคนที่รักแอนนาว่าบางครั้งคุณพ่อแอนนายังใหม่มากๆก็อยากให้เข้าใจทั้งคุณพ่อและคุณแม่แอนนาด้วยแต่แอนนาเข้าใจแฟนคลับทุกคนนะคะ"
ตั้งแต่ก่อนประกวดจนวันที่สิ้นสุดการประกวดแอนนาเจอคุณแม่น้อยมาก?
แอนนา : "ใช่ค่ะเพราะว่าแอนนาเทรนด์หนักมากจริงๆแต่ก็มีโอกาสได้เจอคุณแม่วันที่ 12 ที่ผ่านมาได้บอกคุณแม่ว่าวันนี้หนูทำสำเร็จแล้วนะ"
อยากบอกอะไรกับคุณแม่บ้าง?
แอนนา : "ทุกอย่างที่แม่เชื่อที่คิดว่าการศึกษาจะเปลี่ยนชีวิตหนูแม่พยายามทำงานหนักเพื่อหนูวันหนึ่งตี5 ถึง 3 ทุ่มต้องการให้ชีวิตหนูดีขึ้นวันนี้มันแระสบความสำเร็จแล้วขอบคุณที่เหนื่อยกับหนูมา"
แม่รักลูกสาวคนนี้ขนาดไหน?
แม่ : "รักค่ะรักแบบบอกไม่ถูก"
แม่คิดไหมว่าลูกสาวแม่โตมาจะสวยขนาดนี้?
แม่ : "ไม่คิดค่ะ"
เห็นว่าตอนประกวดน้องแอนนาถือเคล็ดด้วยโอนเงินให้คุณแม่ด้วย?
แอนนา : "แอนนาโอนหมายเลขแอนนา 19 บาทแอนนาบอกแม่ว่าหนูขอเลขบัญชีหน่อยเขาบอกจะโอนมาเท่าไหร่ไม่ต้องโอนมาเยอะมากนะพอโอน 19 บาทบอกโอนมาทำไม"
แอนนา : "แอนนาได้ยินจากพี่ในกองเป็นพี่ตากล้องเห็นเราสายมูเขาบอกว่าสิ่งที่เราควรจะบูชาทีาสุดคือพระในบ้านเราโอนไปเป็นเคล็ดเล็กๆ น้อยๆ ก็เลยโอนตามหมายเลขตัวตัวเองไปเลย"
คุณแม่อยากบอกอะไรน้อง?
แม่ : "อยากให้ลูกตั้งใจเตรียมตัวไปต่างประเทศในการประกวดทำชัยชนะให้สุดๆ เลยให้กลับมาเมืองไทยของเรา"
ตอนเราได้ตำแหน่งประโยคแรกที่เราพูดกับคุณแม่คืออะไร?
แอนนา : "เป็นประโยคธรรมดามากเลยหนูพูดว่าแม่หนูได้มงแล้วนะแม่บอกว่าดีใจด้วยนะ"
แม่ : "ตอนที่เขาประกาศได้รางวัลดีใจวิ่งรอบบ้านเลยช่วงนั้นไม่ค่อยสบายด้วย"
ตอนน้องแอนนาเด็กๆ มีช่วงหนึ่งที่คุณแม่ไปอยู่วัดด้วยเหรอ?
แม่ : "ค่ะเพราะว่าหนูอยากอยู่ใกล้ๆ ลูกอยากอยู่ใกล้ๆ แม่ชีได้อยู่รวมกันแบบมีความสุขหนูทำงานเลิกประมาณ 3 ทุ่มช่วงกลับมาจากโรงเรียนเขาจะอยู่กับใครถ้าเขาอยู่วัดอยู่กับแม่ชีก็มีความปลอดภัยแต่เราก็เจอกันน้อยกลับ 3 ทุ่มเกือบทุกวัน"
แอนนา : "จะมีแค่วันเสาร์แม่ทำงาน 2 ที่ก็จะเป็นช่วงที่เราได้ทานข้าวด้วยกันเป็นวันเสาร์ตอนเย็นวันเดียวต่ออาทิตย์"
คุณแม่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณแม่เหนื่อยขนาดไหนที่เลี้ยงลูกสาวคนนี้มาเพียบพร้อมขนาดนี้?
แม่ : "สนุกกับงานมากกว่าอยากจะเห็นลูกประสบความสำเร็จไม่อยากให้เขาเหนื่อยถ้าเขาเรียนจบสูงๆมันเป็นแรงบันดาลใจให้หนูทำงานแล้วให้ลูกได้เรียนสูงๆ หนูก็ดีใจแล้วค่ะ"
เห็นว่าคุณแม่ให้ความสำคัญกับการศึกษามากๆ ?
แม่ : "ใช่ค่ะ"
ทำงานกี่อย่างคะ?
แม่ : "ทำงาน 3 ที่ต่อวันค่ะกวาดถนนแม่บ้านตอนเย็นก็ไปทำงานอีกรอบตอนเช้าตี5 เลิกเกือบบ่ายโมงใช้เวลา 15-20 นาทีรีบกินๆ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าขับมอเตอร์ไซค์ไปเลยต้องใช้เวลาในความไวแล้วไปเป็นแม่บ้านเลิก 6 โมงเย็นแล้วไปต่อตอนเย็นอีกที่เข้าประมาณทุ่มกว่า
อะไรที่ทำให้แม่รู้สึกว่าอยากให้ลูกคนนี้เรียนสูงให้ความสำคัญกับการศึกษาขนาดนี้?
แม่ : "อยากให้เขามีความรู้เยอะๆ การที่เขามีความรู้ติดตัวเนี่ยมันจะช่วยปรับพื้นฐานในชีวิตเขาดีขึ้น"
แอนนาเรียนจบอะไรมา?
แอนนา : "แอนนาเรียนจบการโรงเรียนและท่องเที่ยวค่ะเพราะว่าตอนนั้นเราไม่มีโอกาสได้เที่ยวกับคุณพ่อคุณแม่เลยอย่างคุณพ่อไปได้ไกลสุดคือโรงเก็บขยะตอนเด็กๆ ที่เคยไปเที่ยวกับคุณพ่อเราเลยคิดว่าอาชีพไหนนะที่ 1.เราได้เที่ยวด้วยแล้วเราได้เงินด้วยก็เลยอยากเป็นแอร์โฮสเตสก็เลยเรียนการโรงแรมและการท่องเที่ยวแต่พอจบมาโควิดเลยก็อาจจะเป็นดวงด้วยเหมือนกันเราเลยอยู่ในเส้นทางการประกวดที่หนักมากขึ้นได้รู้จักเวทีการประกวดเยอะขึ้น"
ตอนนี้ลูกสาวเราได้รับตำแหน่งเป็นไอดอลของผู้หญิงทั้งประเทศทำไมคุณแม่ยังยึดอาชีพเดิมอยู่คนอื่นเจาคงเลิกแล้วนอนอยู่บ้านให้ลูกเลี้ยงดีกว่า?
แม่ : "หนูอยากกวาดถนนไปเรื่อยๆ เพราะทำให้บ้านเมืองสะอาดได้พัฒนาตามวัดตามคูคลองเวลาหนูไปกวาดวัดหนูอธิฐานว่าขอให้ลูกได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส"
หลังจากที่ลูกได้ตำแหน่งคุณแม่ชีวิตเปลี่ยนด้วยไหม?
แม่ : "มีแต่คนทักเวลาไปตลาดเขาเรียกว่าแม่นางงาม"
เวลาไปไหนคนมาขอถ่ายรูปแม่เยอะไหม?
แม่ : "หนูหลบๆ"
ลูกสาวคนนี้เคยขอให้แม่หยุดทำงานบ้างไหม?
แม่ : "แม่ต้องพักสักที่นะเหนื่อยมากแต่คุณแม่ชอบทำงานมันสนุกดีเพราะเห็นเงินแล้วอยากจะเก็บไว้ให้แอนนาสักก้อนเวลาเราจากโลกนี้ไปแล้วถึงเขาจะมีแต่เราก็อยากจะให้เขาอยากเป็นฝ่ายให้มากกว่าฝ่ายรับ"
คุณแม่ภูมิใจคุณลูกขนาดไหน?
แม่ : "ภูมิใจมากไม่ทำให้แม่ผิดหวังเลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนการครองตัวอะไรหลายๆ อย่างแอนนาเป็นเด็กดีมากเลย"
ตอนนี้โสดหรือไม่โสด?
แอนนา : "โสดค่ะสถานะหัวใจตอนี้หนูมีแต่ประกวด"
หนุ่มๆ มีเข้ามาจีบบ้างไหม?
แอนนา : "ไม่เห็นนะคะไม่มีหรอกหนูว่าปกติอ่านแชทก็มีแต่คนให้กำลังใจไม่เชิงจีบอะไรแต่ก่อนได้มงก็มีปกติของผู้หญิงก็มีคุยกันบ้างแต่ว่าส่วนใหญ่ที่เราเลือกคบเราเลือกคนที่ซัพพอร์ตเรามากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก"
ซัพพอร์ตเรื่องไหนบ้าง?
แอนนา : "ทุกเรื่องเลยค่ะแอนนาไม่ใช่แค่สถานะแฟนเท่านั้นนะคะในสถานะเพื่อนแอนนาเป็นคนที่มีปัญหาอะไรมาเราอยากเล่าให้เขาฟังก็อยากให้คนที่รับฟังเราคอยซัพพอร์ตเราในทุกๆอย่างที่เราเล่าให้ฟังเวลาเราขอคำแนะนำกฌอยากให้เขาอยู่ช่วยให้คำแนะนำเราแล้วมันเป็นความสัมพันธ์ที่เราแฮปปี้ด้วยทั้งสองฝ่ายที่ไม่ได้มองแต่รูปลักษณ์ภายนอก"
สเปคล่ะ?
แอนนา : "เปลี่ยนไปตามเวลาช่วงนี้ชอบแบบอาโปเรื่องคินน์พอร์ชเข้มๆ ไทยๆ"
https://www.facebook.com/teeneedotcom