เปิดมรสุมชีวิตนักร้องหนุ่ม วันฟ้าถล่มดินทลายสูญเสียพ่อแม่ตลอดกาล
เติร์ด อนุโรจน์ เกตุเลขา หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักในฐานะ เติร์ด นักร้องนำวง Tilly Birds ที่มีเพลงฮิตติดหูและมีแฟนคลับมากมายทั่วประเทศ กับการเปิดใจครั้งแรกในรายการ WOOD FM ถึงเรื่องราวชีวิตที่โดนถาโถมอย่างหนักหน่วงในช่วงวัยเบญจเพสที่ผ่านมา กับเรื่องครอบครัวและความรัก
คุณโตมากับวงไหน พ่อแม่ชอบเปิดเพลงแบบไหน ?
"เขาจะชอบเปิดเพลงของ วิทนีย์ ฮุสตัน กับ มาราย แครี่ มาก ตอนฟังก็จะรู้สึกว่ามันร้องยากดีนะ ทำไมเขามีพลังจังเลยเราก็เลยได้ซึมซับความดีว่าจากตรงนั้น ซึ่งทำให้ Tilly Birds ไม่เหมือนกับวงอื่น ถ้าเราไปดูคอนเสิร์ตหรือฟังเพลง มันจะมีความแบบว่าแปลก (หัวเราะ)"
เรื่องของชีวิตตอนนี้จิตใจคุณเป็นอย่างไรบ้าง ?
"จิตใจตอนนี้มีความขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกัน สวิงเหมือนกัน เพราะว่าตั้งแต่ที่ผมเสียป๊าและแม่ไป ผมก็คือกลับมาทำงานเลย จัดงานศพ บวชหน้าไฟเสร็จ เรากลับมาทำงานต่อเลย ไปแต่งเพลง ไปเล่นคอนเสิร์ตเลย ไม่ค่อยได้มีเวลาโฟกัสกับตัวเองเท่าไร ไม่มีเวลาที่จะอยู่กับตัวเอง คุยกับตัวเองว่าตอนนี้เรารู้สึกยังไงบ้าง เราเครียดเรื่องอะไรบ้าง หนักใจไม่สบายใจเรื่องอะไรบ้าง"
"ส่วนใหญ่จะคิดถึงป๊ากับแม่ครับ อยากคุยกับเขา อยากบอกเขาในหลายๆ เรื่องว่าเราเหนื่อย ท้อ หรือบางครั้งเราก็ไม่ไหวกับหลายๆ อย่างที่ถาโถมเข้ามา แต่ผมเป็นคนที่ไม่อยากจะทำให้ตัวเองดาวน์เท่าไหร่ ตั้งแต่ตอนที่ป๊าและแม่เสียไปคือผมบอกกับตัวเองว่าไม่อยากเป็นโรคซึมเศร้า แต่ยังดีที่ผมเข้มแข็งพอที่จะไม่ได้ตกลงไปขนาดนั้น ยังมีเพื่อนที่ช่วยให้ผมยกตัวเองขึ้นมาได้อยู่ ตั้งแต่ไม่มีพ่อแม่ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยตัวเอง ดูแลตัวเอง
เขาเคยบอกไว้ก่อนเขาเสียว่า...เขาก็ลูบหัวแล้วบอกว่าป๊าว่าเติร์ดอยู่เองได้แล้วแหล่ะ เติร์ดเข้มแข็งมาก เติร์ดเก่งมาก หาเลี้ยงตัวเองได้ แล้วก็เริ่มทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้ว คือมันเหมือนไฟล์บังคับเหมือนกันนะ เพราะว่าจริงๆ ผมโตมาแบบมีความลูกคุณหนูมากเลย แม่เตรียมข้าวให้ มีแม่บ้านซักผ้าให้ แม่เอารถไปล้างให้ ด้วยความที่เขาเป็นห่วงก็จะทำให้ตลอด เพราะเราทำงานวงเยอะมาตั้งแต่ช่วงมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ตอนนี้ต้องทำเองทุกอย่าง"
"ไม่มีครับ ไม่เคยมีแฟน เคยมีแค่คนคุย เพราะว่าส่วนใหญ่คนที่ผมชอบ คนที่ผมเคยไปจีบดันเป็นคนที่ไม่ได้ชอบผมแล้วเวลาที่มีใครมาชอบผมหรือมีใครเข้าหาผมก็กลายเป็นว่าผมไม่ชอบเขา แล้วผมก็เปลี่ยนคนคุยไปเรื่อย ๆ แรกๆ ก็เฮิร์ทครับ แต่มันเริ่มชินชา เพลงส่วนใหญ่ Tilly Birds เลยอกหักไง"
คุณมีสเปคไหม ?
"จะค่อนข้างแพ้ทางผู้หญิงหมวย หน้าแบบมีความเอเชียนหน่อย สเปคจริงๆ คือเข้ากันได้ คุยกันรู้เรื่องเข้าใจในสิ่งที่ผมทำ จริงๆ ตอนนี้ผมก็มีคนคุย ศึกษากันอยู่ และพยายามที่จะดูกันให้รอด เพราะผมรู้สึกว่าพองานเยอะขนาดนี้เรายังดูแลตัวเองไม่ค่อยดีเลย ก็กลัวว่าเราจะดูแลเขาได้ไหม"
ครอบครัวเราเป็นแบบไหน ?
"ผมรู้สึกอบอุ่นนะ เขาเลี้ยงดูแลผมเป็นอย่างดีเลย ป๊ากับแม่ผมรู้สึกอยากให้เขาเป็นพ่อแม่ต้นแบบเหมือนกันนะ เพราะว่าสนับสนุนทุกอย่างที่ผมทำ จะทำหนัง เล่นละครเวที จะเรียนอะไรให้หมด เขาแค่บอกว่าดูแลตัวเองให้ได้แล้วกัน เขาน่ารักมาก เขาบอกว่าภูมิใจในตัวเรา แต่แม่อาจไม่ทันได้บอก แต่ป๊าบอก ช่วงที่แม่เสียแล้วว่า เพลงดังแล้วเนอะคิด(แต่ไม่)ถึง ได้ร้อยล้านแล้ว เขาก็บอกว่าภูมิใจ"
คุณพ่อเป็นยังไงบ้างตอนที่คุณแม่จากไป ?
"แรกๆ ดูเข้มแข็ง จากนั้นดูไม่เหมือนเดิม กลับมาเป็นโรคซึมเศร้าหนัก ป๊าผมเป็นโรคซึมเศร้ามาตั้งแต่ผมยังเด็กๆ แล้วเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ หมอก็ลดยาจาก 2 เม็ดเหลือเม็ดเดียว เหลือครึ่งเม็ด จนแทบไม่ได้กินแล้ว จนกระทั่งพอแม่ป่วยและเสีย เด้งกลับไป 2 เม็ดเลย
มีหลายๆ ครั้งที่เขาบอกผมว่าวันนี้ป๊าไม่ไหว แล้วเราก็รู้จากพี่ชายว่าป๊าเกือบจะยิงตัวเองนะ โชคดีที่เขาโทรไปหาเพื่อนเขาก่อน เขาเลยรู้แล้วมาทัน แล้วเขาก็บอกผมว่าจะไม่ทำร้ายตัวเองแล้ว เขาสัญญา แล้วก็แย่ลงเรื่อยๆ จนวันก่อนเขาเสีย ท่าทีเขาแปลกมาก ไม่ค่อยกินข้าว นอนไม่หลับตา สายตาว่างเปล่า เหมือนชีวิตไม่เหลืออะไรแล้ว แล้วก็บอกผมว่าป๊าไม่ไหว ป๊าอยากไปมากเลย แล้วป๊าว่าเติร์ดเข้มแข็งนะอยู่คนเดียวได้แล้ว เราก็น้ำตาไหล แล้วก็บอกว่าไม่เอาทำไม่ได้ต้องอยู่ด้วยกันสิ แล้วหนูจะอยู่กับใครล่ะ เขาคิดถึงแม่มาก แม่เป็นส่วนใหญ่ๆ เลย แล้วทีเหลือตามมานั้นเป็นภาระในชีวิตของเขาหรือชีวิตของพวกเรา มีหนี้สินเยอะ เราก็คิดว่าถ้าเป็นเราก็อาจจะทำเหมือนเขาหรือเปล่านะ แบบมันนักหนามากจริงๆ แล้วเขาเป็นโรคซึมเศร้าด้วยหลายๆ อย่างมาถาโถมที่เขา
วันนั้นเขาก็ขอกอดหน่อย เราออกไปทำเพลงกับวง วันนั้นผมก็เอะใจ เนื่องจากเขาเคยให้สัญญาไงว่าเขาจะไม่ทำอีกจะอยู่กับเรา ถ้างั้นเราเชื่อ กลับมาจากทำเพลงก็รู้สึกแปลกๆ แล้วว่าทำไมไฟหน้าบ้านปิดมืด เพราะปกติเขาจะเปิดตลอดก็เข้าไปชั้นล่างดูปกติทุกอย่าง เราก็นั่งดูทีวีไม่ได้อะไร รู้สึกว่าแกคงเข้านอนแล้วมั้ง พอขึ้นไปก็เห็นว่าเขาทำแล้ว ตกใจมาก ช็อก เขาก็ทิ้งโน๊ตไว้ มันช็อกแล้วก็ค่อยๆ ร้องออกมาหลังจากนั้นเหมือนไม่มีแรง รู้สึกมันหนาวมาก ต้องการความอบอุ่น แต่ว่าหลังจากนั้น 3-4 วันก็ร้องไห้ติดกันทั้งวันทุกวัน
จนถึงวันที่จัดงานศพ ที่เราโอเคแล้ว เป็น 3-4 วันที่ทรมานมากคิดว่าเราจะเอายังไงในชีวิตต่อดี แล้วก็เป็นห่วงเขาเพราะเขาฆ่าตัวตายไม่รู้ว่าวิญญาณจะสงบสุขไหม ตอนแรกผมไม่เชื่อเลยนะเรื่องพวกนี้ จนกระทั่งผมได้กลิ่นแม่ในวันนั้น ผมรู้สึกว่าโอเคเรื่องนี้พลังงานพวกนี้ก็มีอยู่จริง พี่โอมก็เลยแนะนำว่าบวชได้ก็ดีนะ จะได้เป็นกุศลส่งให้คุณพ่อไปในที่ๆ ดี ไปสู่สุขคติจริงๆ"
https://www.facebook.com/teeneedotcom