ฮือน้องเก๋ดังยิ่งกว่าดารา


ชั่วโมงนี้ถ้าจะเทียบดีกรีความแรงไล่ไปตั้งแต่ "พลอย" เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์ "แพนเค้ก" เขมนิจ จามิกรณ์ พอลล่า เทเลอร์ "พิงค์กี้" สาวิกา ไชยเดช "แป้ง" อรจิรา แหลมวิไล หรือแม้แต่"อั้ม" พัชราภา ไชยเชื้อ ก็คงไม่มีใคร

มาแรงแซงโค้งเทียบเท่ากับ "น้องเก๋" ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล สาวจอมพลังชาวปากน้ำโพจ.นครสวรรค์ ผู้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2008 จากกีฬายกน้ำหนัก รุ่น 53 กิโลกรัม และยังเป็นเหรียญทองเหรียญแรกของทัพนักกีฬาไทยอีกด้วย


จากความดังและความแรงที่มาแรงแซงโค้งในชั่วโมงนี้นี่เอง...ทำให้น้องเก๋ฮอตซะยิ่งกว่าดาราดังๆ เพราะรายการทีวีช่องต่างๆ ก็เข้ามารุมคว้าตัวเพื่อช่วงชิงไปออกรายการกันให้วุ่น ทว่า...ครั้งนี้ ไม่ง่ายเหมือนครั้งก่อนๆ ที่ทัพนักกีฬาไทยไปคว้าชัยกลับมาแล้วมักตระเวนไปออกรายการนั้น รายการนี้ จนหน้าช้ำ


เพราะอะไรน่ะหรือ...ก็เพราะนโยบายใหม่ในการดูแลสิทธิประโยชน์ให้แก่นักกีฬาของสมาคมยกน้ำหนักที่มี บุษบา ยอดบางเตย กุมบังเหียน มีข่าวเม้าท์กันว่าจากนี้หากน้องเก๋จะไปออกรายการใดก็ตาม ต้องได้ผลประโยชน์หรือค่าโชว์ตัวที่เหมาะสม ไม่ใช่วิ่งรอกออกไปทุกรายการตามที่ขอมาเฉกเช่นแต่ก่อน




มีการประเมินกันว่าเพดานค่าตัวขั้นต่ำตอนนี้ของน้องเก๋ตั้งไว้ที่ 1 แสนบาท ทั้งนี้หากรายการใดได้ตัวน้องเก๋ไปออกเป็นรายการแรกๆ ย่อมสูงขึ้นกว่านี้ตามแต่ที่มีการยื่นข้อเสนอแข่งกันเข้ามา


นโยบายเช่นนี้หากย้อนกลับไปคล้ายคลึงกับวิธีการของดาราดังระดับฮอลลีวู้ด ที่จะใช้วิธีให้สื่อแข่งกันเสนอเงินเพื่อประมูลสิทธิ์ในการเผยแพร่ผลงานลับเฉพาะ หรือเก็บภาพในวันพิเศษต่างๆ แทนที่จะเป็นการเปิดฟรีให้ทุกคน ยกตัวอย่างเช่น กรณีการเปิดให้ชิงเป็นเจ้าของสิทธิ์ในการเผยแพร่รูปของน็อกซ์ และ วิเวียน ลูกฝาแฝดของ แองเจลินา โจ
ลี และ แบรด พิตต์
ซึ่งในที่สุดนิตยสารพีเพิล และเฮลโล ก็ได้สิทธิ์เข้าไปเก็บภาพ ด้วยเม็ดเงินที่เสียไปรวม 500 ล้านบาท


ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ในกรณีของ เจนนิเฟอร์ โลเปซ และสามี มาร์ค แอนโทนี ก็เช่นกัน เขาทั้งคู่ได้ค่าตอบแทนจากนิตยสารโอเคกว่า 200 ล้านบาท ในการให้ลิขสิทธิ์เผยแพร่ภาพของหนูน้อย แมกซ์ และเอมมี่ การที่สมาคมยกน้ำหนักนำมาตรฐานนี้มาใช้จึงถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของสังคมไทย แต่ก็ไม่ใหม่หากเปรียบกับสังคมโลก ทว่าในแง่ความดังคงเทียบกันไม่ได้ ในขณะที่ค่าตัว หรือค่าลิขสิทธิ์ก็คงยิ่งเทียบไม่ได้เช่นกัน




ด้วยเหตุนี้ทำให้หลังจากน้องเก๋ได้รับเหรียญรางวัลชาวไทยจึงไม่ได้เห็นการให้สัมภาษณ์แม้กระทั่งทางโทรศัพท์จากสื่อสำนักไหน จนกระทั่งน้องเก๋เหยียบผืนแผ่นดินไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังแถลงข่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิเสร็จสิ้น จึงถูกนำไปเก็บตัว ที่ค่ายโชติพิมาย จ.เชียงใหม่ ต่อทันที


แล้วในวันจันทร์ที่18 สิงหาคม ที่เพิ่งผ่านไป ก็ได้บทสรุปว่ารายการที่ได้สิทธิ์ในการสัมภาษณ์น้องเก๋รายการแรก ตกเป็นของรายการ "จมูกมด" ทางช่อง7 สี ออกอากาศแต่เช้าตรู่ เวลา 06.30 น. แว่วว่ารายการต้องเสียค่าสิทธิ์ในการโชว์ตัวเป็นที่แรกราว 2 แสนบาท ต่อด้วยรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ทางช่อง 3 เวลา 07.30 น. ที่ต้องจ่าค่าสิทธิ์ลดหลั่นลงมาแต่ยังคงไม่ต่ำกว่า 6 หลัก


ทั้งนี้ยังมีข่าวลืออื้ออึงว่าขณะนี้บรรดารายการทอล์กโชว์สารพัดยี่ห้อต่างก็ยื่นข้อเสนอให้แก่สมาคมเพื่อที่จะคว้าตัวน้องเก๋ไปสัมภาษณ์ในรายการ หากมาลองนับดู รายการทอล์กโชว์บ้านเราก็มีไม่มาก ไล่มาตั้งแต่ ตีสิบ, คลับเซเว่น, เจาะใจ, ตาสว่าง, จับเข่าคุย, ราตรีสโมสร ฯลฯ แต่ใครจะใจถึงยื่นข้อเสนอเป็นที่น่าพอใจกว่ายังคงน่าลุ้นกันต่อไป




อีกอย่างแน่นอนว่าด้วยหน้าตาที่จัดว่าใช้ได้ รูปร่างก็ไม่ขี้เหล่ของน้องเก๋ เชื่อว่าไม่ช้าก็คงจะได้เห็นน้องเก๋เปลี่ยนลุค เกาะอก สายเดี่ยว ขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง เฉกเช่นนักยกน้ำหนักรุ่นพี่ที่คว้าชัยในโอลิมปิกเกมส์เมื่อ 4 ปีที่แล้วเคยทำกันมาแล้ว แต่ครั้งนี้แตกต่างตรงที่ค่าตัวของน้องเก๋คงพุ่งปรี๊ด...


เพราะมีหน้าตาที่ใช้ได้เป็นทุนเดิมบวกกับดีกรีความแรง ไม่แน่ว่า ผู้จัดละคร อาจจะคว้าตัวน้องเก๋ไปเป็นนางเอกก็เป็นได้ เหมือนที่ "คุณแดง" สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เคยคว้าตัว สมรักษ์ คำสิงห์ นักชกเหรียญทองโอลิมปิก มาเป็นพระเอกในเรื่อง "นายขนมต้ม" มาแล้ว


เป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างยิ่งว่ารายได้ที่เกิดขึ้นผ่านจอทีวี และสื่อแขนงต่างๆ ภายใต้มาตรฐานใหม่นักกีฬาไทยของน้องเก๋ครั้งนี้ จะสร้างเม็ดเงินได้มากน้อยเพียงใด นัยหนึ่งก็ว่า งานนี้ ดารา อาจมีอาย...แต่อีกนัยก็ว่า รายการดังๆ จะพากันหันหลัง เพราะรับไม่ได้กับค่าตัวที่แพงโอเวอร์ ต้องดูกันต่อไป (ฮา...)



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์