2พิธีกรดังรับเคยทะเลาะกัน ลดสถานะจากเพื่อนรักเหลือแค่เพื่อนร่วมงาน
ชมพู่ : "มันเริ่มต้นคือพู่กับเป็กจะไปงานอีเว้นต์ต่างจังหวัดด้วยกันบ่อยมาก สมัยที่เราเริ่มสร้างชื่อเสียงกัน เป็นเพื่อนกัน ไปแฮงค์เอ้าท์กัน เวลาไปทำงานก็ปรึกษาและให้กำลังใจกันเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ แต่มีอยู่ช่วงนึงที่เรารู้สึกว่าทำไมเป็กกี้คุยกับเราแปลกๆ ไม่ได้คุยเหมือนเดิม ทำไมด็ไม่รู้"
เป็กกี้ : "อันนี้ต้องยอมรับว่าใจจาง เพราะว่าเราถอย ไม่ใช่ว่าไม่รักหรือไม่ชอบอะไรนะ แต่เราพอมาถึงวงการบันเทิงได้เจอเรื่องราว ผู้คนซึ่งทำให้รู้สึกว่าอะไรจริง อะไรไม่จริงหว่ะ มันน่ากลัวพอสมควรกับเรื่องที่ไปเจอมา ก็เลยรู้สึกว่าถอยๆ จากการคบคนดีกว่าไม่รู้ว่าใครเป็นยังไงกันแน่ สิ่งที่เขาคุยกับเราอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือเรื่องไม่จริง"
ชมพู่ : "มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราเข้าใจผิดในบางเรื่อง มันทำให้เรารู้สึกว่าเป็กคิดกับเรายังไง พู่คิดกับเป็กยังไง มันก็เลยทำให้ห่างกันโดยแบบปริยาย"
เป็กกี้ : "คลอดลูกคือไปรับขวัญหลานอะไรปกตินะ แต่ว่าความรักที่มันแบบเคยรักกันเต็มที่ มีอะไรคุยกันมุกเรื่อง แต่ไม่กล้าคุย"
ชมพู่ : "มีฝันรู้สึกแปลกๆ แต่ว่าพยายามทำใจ บางทีเหตุการณ์มันเปลี่ยนไป คนเรามันเปลี่ยนตาม ก็ไม่เป็นไรเราเจอกันในฐานะเพื่อนร่วมงานก็ได้ แต่ไม่ใช่เพื่อนรัก"
เป็กกี้ : "จากเพื่อนรักกลายเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน"
ตอนนั้นทำไมเราไม่ถามเขาไปตรงๆ เลย ทำไมเราถึงถอยออกมา?
ชมพู่ : "มันไม่รู้จะถามเพื่ออะไรด้วย หรือว่าเราใช้ชีวิตแบบเข้าใจไปแล้ว เข้าใจว่าเป็กเป็นแบบนี้ แล้วลึกๆ เราก็เข้าใจว่าสงสัยเราไปทำอะไรให้เป็กรู้สึกไม่ดีแน่เลย หรือเราไปพูดอะไรทำให้เป็กไม่ชอบเราหรือเปล่า เพราะบางทีเรารู้สึกว่าเวลาเป็กพูดสัมภาษณ์ อันนั้นเป็กพูดถึงเราหรือเปล่า เราไปทำให้เขาไม่สบายใจตอนไหนวะ แต่เราก็รู้สึกโอเคไม่เป็นไร ทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้ว เราห้ามสิ่งที่มันเกิดขึ้นไม่ได้ เราเลยเป็นเพื่อนร่วมงานก็แล้วกัน"
เป็กกี้ : "เราไม่ใช่ไม่รักชมพู่นะ รู้สึกดี แต่ว่าไม่ได้รัก ไม่ได้ให้ใจเหมือนสมัยก่อน คือถอดใจมาเลยว่าด้วยความกลัวผู้คน กลายเป็นว่า พู่ก็น่ากลัวป่ะเนี่ย หรือว่ายังไง กลับมาอยู่ในเซฟโซน เพราะว่ามีความไม่มั่นใจในผู้คน"
ชมพู่ : "เชื่อไหมว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย และเมื่อไม่นานมานี้เองที่เราเปิดใจคุยกันและดีกัน"
เป็กกี้ : "พู่ถามเราก่อนว่าเธอโกรธอะไรฉันหรือเปล่า ฉันบูลลี่อะไรเธอไหม นี่ก็บอกว่าเธอไม่ได้บูลลี่อะไรฉันเลย และเล่าเหตุการณ์ว่ามันเป็นอย่างนี้ๆ ก็เลยกอดกันแล้วร้องไห้"
ชมพู่ : "ใช่"
เป็กกี้ : "วันนั้นมาบ้านเขาแล้วไม่มีใครที่เป็นเพื่อนในกลุ่มที่ไว้ใจได้ แล้วเราก็คุยกัน"
ชมพู่ : "เราปาร์ตี้ แล้วบอกว่าเป็กเมื่อก่อนเรามีความสุขแบบนี้กันมากเลย เรานั่งชนแก้วคุยเรื่องอดีต เรื่องมุกกัน คืนนั้นเราขำมากเลย เราชอบบรรยากาศนี้จังเลยแล้วมันหายไปไหน เป็กกี้ก็ระบายออกมา เธอไม่ได้ผิดเลย"
เป็กกี้ : "ฉันกลัวเฉยๆ ฉันไปมีเรื่อง มีราวมา แล้วก็เล่าให้เขาฟังว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างนี้ ฉันไปเจอคนแบบนี้มา แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าฉันต้องทำตัวยังไงเพื่อที่จะอยู่รอดในวงการบันเทิง โดยที่ฉันจะไม่มีเรื่องมีราวกับใคร วิธีเดียวคือฉันต้องถอยและไม่คบใครเป็นเพื่อน"
ขมพู่ : "หลังจากวันนั้นที่เราได้เจอ ได้คุย กอดคอร้องไห้ หลังจากนั้นมันเหมือนอะไรสักอย่างที่ติดอยู่ในใจมาหลายปี เหมือนมันคลาย มันหาย แล้วมันโล่งเหมือนยืนอยู่กลางน้ำตก ได้เพื่อนกลับมาแล้ว"
เป็กกี้ : "ความรู้สึกเราเหมือนเด็กโง่ เรื่องมันไม่มีอะไรเลย แล้วก็ด้วยความกลัวหรืออะไรก็ไม่รู้ทำให้เราเสียมิตรภาพ ซึ่งเป็นมิตรภาพดีๆ และมิตรภาพแท้ๆ ซึ่งสังเกตไหมเป็กอยู่ในวงการบันเทิง เป็กไม่มีเพื่อนเลยนะ เวลาไปออกรายการเขาถามสนิทกับใคร ใจนึกถึงชมพู่คนแรก แต่ก็ไม่ชวน ฉันตอบกับทุกรายการที่ถามว่าสนิทกับดาราคนไหนว่าไม่สนิทกับใครเลย ไม่มีเพื่อนเลยสักคน"
ชมพู่ : "บางทีพอมาย้อนฟังคำพูดพวกเราก็ทำให้คิดได้นะ อย่าเสียเวลากับการใช้ชีวิต อย่ามัวแต่โกรธเกลียดกัน การให้อภัยมันเป็นอะไรที่ดีที่สุด การเคลียร์ใจเป็นอะไรที่สำคัญที่สุด เพราะว่าพอมันได้มิตรภาพกลับมามันมีค่ามหาศาล พอมาย้อนกลับไปเราทะเลาะกันทำไม เสียเวลา"
https://www.facebook.com/teeneedotcom