เผยความสนิทยายหลาน ดีเจมะตูม-ยายอนงค์ ไม่ปิดกั้นเรื่องเพศ พร้อมย้อนชีวิตช่วงโควิด
ยายนงค์ : วันนั้นเขาไปที่สวน ไปหายาย ขอพร แล้วบอกว่าเอาเพลงช่อยหน่อยได้ไหม อวยพรเขาเป็นเพลงช่อย แล้วไปหาวิวตำส้มตำกินกัน
ดีเจมะตูม : จริงๆ คลิปวันนั้น คอนเทนต์คือตูมสึกแล้วไปขอพรผู้ใหญ่ที่เลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก แล้วก็ตำส้มตำกินกันในสวน แต่ตูมมาดูยอดวิวในติ๊กต๊อกรวมกันมัน 10 ล้าน แล้วมันมีแต่คอมเมนต์ว่าอยากเห็นมะตูมกับคุณยายทำรายการด้วยกัน ตูมก็ถามเขาว่าไหวไหมถ้าเราทำรายการยูทูบด้วยกัน ถ้ามีลูกค้าเข้ามาต้องถ่าย ห้ามงอแงนะ เขาบอกมีเสื้อผ้าพร้อม หน้าผมพร้อม
พี่นงค์ไม่ลังเลเลย อยากทำยูทูบกับหลาน?
ยายนงค์ : พี่เป็นคนชอบสนุก
เคยได้เงินจากยูทูบหรือเคยได้เงินจากหลานไหม?
ยายนงค์ : ไม่ทันมียูทูบก็ได้จากเขาอยู่แล้ว เขาให้เงินเดือนทุกเดือน
ล่าสุดมะตูมซื้ออะไรให้ยาย 500,000 บาท?
ดีเจมะตูม : วันสงกรานต์เป็นวันผู้สูงอายุ ทุกปีตูมก็ไปไหว้ยาย ตูมเห็นเขาสร้างกระต๊อบเล็กๆ อยู่เองที่บ้านสวน ตูมให้เงินเท่าไหร่ เขาก็ไปลงกับปลา ทำสวน และอยากให้แม่อยู่ใกล้ๆ ตูมเลยสร้างเรือนไทยขึ้นมาติดกันเลย ให้คุณยายเป็นของขวัญ
ยายนงค์ : เขาเยี่ยม ดื้อ ซน เล่นกับเพื่อนผู้หญิงไม่เข้าบ้าน แล้วใครเขานุ่งกระโปรงก็อยากได้ ก็ไปซื้อกระโปรงแดงๆ มาให้ใส่
ดีเจมะตูม : คุณยายจะเป็นคนเดียว และคนแรกในครอบครัวเลยที่สนับสนุน
ตอนนั้นรู้เลยไหม หลานฉันต้องเป็นเพศนี้แน่ๆ?
ยายนงค์ : ยังไม่รู้ เราก็ไม่ได้คิดอะไร จะไปโรงเรียนทีนึง หยิบรองเท้า ถุงเท้ากว่าจะได้ไปนานนะ
มะตูมเริ่มรู้ตัวเองตอนอายุเท่าไหร่?
ดีเจมะตูม : เรื่องเพศสภาพรู้ตัวเองตั้งแต่จำความได้ว่าเราชอบอะไรที่มันสวยๆ งามๆ ต่อให้เราเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงก็เถอะ แต่ว่าลึกๆ แล้วเรารู้ ซึ่งคุณยายตอนสาวๆ เขาเป็นคนแต่งตัว เพราะฉะนั้นเวลาตูมเห็นยายแต่งตัวแต่งหน้า ตูมก็จะชอบยืนดูตรงกระจก ที่ตูมรู้สึกดีใจมากๆ คือตอนนั้นคุณแม่อยู่ต่างประเทศ ตอนนั้นอยู่ประถม แล้วตูมอยากเป็นลีด อยากเป็นตุ๊ดหัวโปก เป็นลีดหน้าสแตนเชียร์ แต่ไม่กล้าขอแม่ ไม่รู้จะทำยังไง แต่แม่ไม่อยู่ ก็เลยขอยาย คำตอบของยายคือ ยายขับพาตูมไปประตูน้ำแล้วซื้อชุดลีดกางเกงสีม่วงขาสั้น เสื้อสายเดี่ยว แล้วพูดกับตูมว่า เต็มที่เลยลูก แต่อย่าบอกแม่มึงนะ แม่ไม่รู้ แม่มารู้ทีหลังทั้งหมด
แม่มารู้ตอนไหน?
แม่ : มีรูปภาพ อัลบั้มอยู่ที่บ้าน เราก็แบบอะไรเนี่ย ไปแต่งกันตั้งแต่เมื่อไหร่ อ่อ พอดีเป็นเชียร์ลีดเดอร์ รุ่นพี่บังคับ
เวลาคนมาบอกว่าหลานยายเป็นตุ๊ด ยายว่ายังไง?
ยายนงค์ : ไม่รู้สึกอะไร ก็ช่างมันเถอะ ความสุขของหลาน หลานอยากได้อะไรก็ปล่อย เต็มที่ไปเลย
ณ ตอนนั้นถ้าย้อนเวลากลับไป คนส่วนใหญ่รับไม่ได้กับเรื่องนี้ แต่ทำไมยายถึงรับได้?
ยายนงค์ : เพราะหลานรัก เลี้ยงเขา ก็ต้องจำใจ แม่เขาก็ไม่ได้อยู่เลี้ยง เราเลี้ยงเองก็ต้องตามใจหลานขัดไม่ได้เดี๋ยวมันไม่เข้าบ้าน
เวลาคนมาว่าหลานเราว่าเป็นตุ๊ด เราเคยด่ากลับไหม?
ยายนงค์ : ไม่เคย ฟังอย่างเดียว ไม่เป็นไรก็ยิ้มไป คุยเรื่องอื่นสนุกๆ เพราะเราเฮอยู่แล้ว
ตอนมะตูมติดโควิด ทุกคนในครอบครัวโดนหมดเลย ตอนนั้นยายโดนอะไร?
ยายนงค์ : สมัยก่อนมันแรงใช่ไหม ยายขายของอยู่หน้าบ้าน ต้องปิดร้านเขาไม่กล้าเดินผ่านร้าน
ยายนงค์ : คิดถึงหลาน ห่วง แต่ไม่กล้าโทรหาเขา ก็ถามแม่เขา แต่ก็คิดว่ามันต้องหาย เขาเป็นก่อนเรา พอทีหลังเราเป็นบ้างโอ้โหชิลมาก
ดีเจมะตูม : คือตูมเป็นก่อน ตามด้วยยาย ปิดท้ายด้วยแม่ โควิดนะครับ ไล่กันมาคนละซีซั่น ตอนคุณยายเป็น ตูมวีดิโอคอลร้องไห้เลย คือโควิดเป็นโรคที่น่ากลัวสำหรับผู้สูงอายุ ตอนหนูติด หนูคิดว่าหนูรอด แต่ยายหนูกลัวนิดนึง เพราะ 84 แล้ว ตูมวีดิโอคอลไป ยายเป็นไงบ้าง ร้องลำตัดอยู่ในโรงพยาบาล ตูมก็คิดว่าจริงๆ แล้วภูมิต้านทานเขาสร้างได้
ตอนที่มะตูมโดนดราม่าเยอะๆ คุณยายก็กลัวเหมือนกันว่าหลานเราจะฆ่าตัวตายไหม?
ยายนงค์ : กลัว แล้วเราก็อยู่คนเดียวเนอะ เราก็กลัวของเรา เราไม่รู้จะไปบอกกับใคร เพราะใครเขาไม่คบแล้ว ตอนนั้นเขารังเกียจแล้ว เราเลยไม่กล้าพูดกับใคร ติดก็ติดไป เราก็หยุดขายของ
เห็นว่าคุณแม่ก็โดนเยอะ?
ดีเจมะตูม : คือคุณแม่เจอข้อความที่แรงมากๆ คืออยากให้ตัวแม่กับตัวลูกตายไปทั้งคู่ ขอให้ปอดหายไปเลย ขอให้ตายไปจากโลกนี้ แม่ตูมคืออยู่หมู่บ้านไม่ได้เลย ออกไปไหนไม่ได้เลย ตูมโดนคนตำหนิทั้งประเทศ ตูมโอเค เพราะตูมเป็นคนในวงการ แต่พอเป็นคนในครอบครัวเขาไม่ได้เกี่ยวอะไร ตูมรู้สึกทำอะไรไม่ได้ ตอนนั้นตูมรู้สึกแย่มากจริงๆ
ยายนงค์ตอนนั้นขายของไม่ได แถมมีคนมายืนด่าหน้าบ้านด้วย มีอะไรไหมที่เขาทำแล้วเรารับไม่ได้?
ยายนงค์ : รับได้ตลอด เขาจะว่ายังไงก็ช่างเขา เขาว่าตูมหลานยายนงค์ติดโควิด แล้วที่ติดเขามาขอพรวันเกิดตอน 4 ทุ่ม เห็นเป็นเรื่องเป็นราว คุยกันทั้งหมู่บ้าน แต่เราเฉย เพราะเขาไม่มานิ แต่เขาไปพูดกันว่าที่มะตูมมา มะตูมติดโควิดมาแล้ว แล้วมาขอพรจากยาย
ดีเจมะตูม : คือคนคิดว่าตูมเอาเชื้อมาแพร่ที่หมู่บ้าน
ยายนงค์ : ใช่ เขาก็เลยไม่ผ่านหน้าบ้านเรา
ดีเจมะตูม : ใช่ครับ วันที่รายการออนแอคือวันที่แม่เข้าโรงพยาบาลวันแรกเลย
ตอนนั้นคุณแม่อาการเป็นยังไง หนักไหม?
แม่ : จริงๆ ไม่ได้เกี่ยวกับโควิดเลย แม่ไปโรงพยาบาลเพราะว่าโดนสุนัขกัดก็เลยต้องไปแอดมิท เพราะมันอักเสบ เขาบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมนะ ก็เลยเขียนข้อความบอกว่าตูมไม่ต้องมาแล้วนะ บวกอะ ตกใจมากเลย เพราะไม่มีอาการอะไรเลย
ตอนนั้นมะตูมห่วงขนาดไหน?
ดีเจมะตูม : จริงๆ ตูมห่วงคุณยายมากกว่า เพราะตูมรู้ว่าแม่ออกกำลังกาย แล้วแม่รับวัคซีนมาครบโดสก็เลยไม่ได้ห่วงเท่าไหร่ แต่ว่ามันก็มีกังวลนิดๆ คือกังวลเรื่องสุขภาพจิต ตูมว่าโควิดเรื่องสุขภาพกายมันไม่นักเท่าสุขภาพจิตนะ เพราะการที่เราต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ เป็นเวลาครึ่งเดือน มันเป็นอะไรที่เครียดมากๆ คนส่วนใหญ่ที่ตูมเจอหลังออกมาจากติดโควิด มันยากมาก
เห็นหลานน่ารักแบบนี้เขาเคยทำอะไรให้ยายน้อยใจ ร้องไห้?
ยายนงค์ : มันก็มีหลายเรื่องเหมือนกันนะ เรื่องดื้อ ไม่กลับบ้าน เรื่องนี้มันน้อยใจ คือครั้งนึงเธอเล่นกับเด็กผู้หญิงของเธอ เธอก็ไม่กลับบ้าน แม่เขาก็อยู่ต่างประเทศให้เราเลี้ยง ไม่เคยกลับบ้าน 6 โมง ทุ่มนึงก็แล้ว ข้าวก็ไม่กิน เชื่อไหมวันนั้นยายน้อยใจมาก แทบจะขับรถของเขาที่ส่งเขาไปโรงเรียน แทบจะขับรถออกไปแล้วชนอะไรอะไรให้มันยับเลย
ทำไมน้อยใจขนาดนั้น?
ยายนงค์ : มันเครียด ไม่ฟัง ชวนไม่กลับบ้านสักที ติดเพื่อน เล่นถ่ายรูป เขาเป็นนางแบบ เราก็คิดว่าจะขับรถออกไปชนประตูดีไหม นั่งมาตั้งนาน พี่สาวคนนี้มาตามกลับบ้าน
เคยคิดไหมว่าเด็กที่เราเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กโตมาจะเป็นคนดังระดับประเทศขนาดนี้?
ยายนงค์ : มันก็ไปตามแนวทุกวันๆ วันนี้เป็นอย่างนี้ พรุ่งนี้มันจะต้องดีกว่านี้ จะคิดให้หลานอย่างนี้ตลอด
https://www.facebook.com/teeneedotcom