ปู แบล็คเฮด น้ำตาคลอ สูญเสียนุ๊กซี่รักแท้ ทั้งๆตั้งใจจะแต่งงานกัน

หลังจากพิธีสวดพระอภิธรรม คืนแรกของ นุ๊กซี่ - อัญพัชญ์ วัฒนาตันติรัตน์ แฟนสาวของนักร้องชื่อดัง ปู แบล็คเฮด หรือ อานนท์ สายแสงจันทร์ ที่จากไปด้วยโรคมะเร็งเต้านม เมื่อคืนวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา โดย "ปู แบล็คเฮด" ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงเรื่องนี้ว่า

ก่อนหน้านี้ดูน้องดีขึ้นแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น?

"จริงๆทราบจากวินิจฉัยของหมอตอนเข้าโรงพยาบาลล่าสุด คือตัวเขาไม่ได้อยากบอกใครว่าอาการไปถึงไหนเป็นยังไงแล้ว ผมเองก็ไมได้บอกกับเขาทั้งหมดว่าไปถึงไหนแล้ว"

"จริงๆหลังจากผ่าเต้านมออกก็เข้าต่อมน้ำเหลืองเราะต่อมน้ำเหลืองออกข้างนึง แล้วก็ไปที่สมองแล้วลงมาปอด ตอนนี้ทั้งหมดทั้งสิ้นอยู่ในระยะแพร่กระจาย ไปทุกที่แล้วเข้าไปทางเลือด ต่อมน้ำเหลือง จนมีภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ปอด น้องก็เลยหายใจเหนื่อย หายใจไม่ออก แล้วก็หลับ ครั้งล่าสุดเข้าไปโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม ก็เกือบเดือน เดิมทีรักษาไวรัสที่ปอด พอดีภูมิเขาตกมากมันก็เกิดภาวะแทรกซ้อนได้เยอะ เป็นไวรัสที่ปอดด้วย เอ็กซเรย์มาก็เห็นเป็นฝ้าที่ปอด วินิจฉัยแล้วน่าจะเป็นไวรัสก็เลยให้ยาฆ่าเชื้อ ก็เลยต้องชะลอการให้คีโมอีกครั้งนึงไป ใช้เวลาเกือบเดือน พอให้คีโมล่าช้ามันก็โตขึ้น พอโตขึ้นมันก็ทำให้ภาวะต่างๆนานามันแทรกซ้อนมาเยอะมาก อย่างที่บอกว่าก็เลยมีลิ่มเลือดอุดตันที่ปอด หายใจไม่ออก"

คีโมที่ให้เป็นของในส่วนไหน?

"เริ่มต้นเลยผ่าตัดเอาเต้าออก พอเช็คเจอพวกต่อมน้ำเหลืองก็ยังมีอยู่ แล้วก็ในส่วนของเต้านมและปอดก็เลนต้องไปให้คีโม (รักษาภาพรวม?) ครับ พอให้คีโมเสร็จปั๊ปเจอที่สมอง ก็ต้องฉายแสงอีก ตอนนั้นให้คีโมไป 18 ครั้ง ฉายแสงอีก 10 ครั้ง แล้วจริงๆต้องให้คีโมแบบรับประทานอีกรอบนึง ซึ่งยังไม่ทันได้ให้ เพราะต้องรักษาไวรัสที่ปอดครับ"

ปู แบล็คเฮด น้ำตาคลอ สูญเสียนุ๊กซี่รักแท้ ทั้งๆตั้งใจจะแต่งงานกัน

เกือบจะได้กลับบ้านแล้ว?

"คุณหมอบอกว่า 29 - 30 มีนานี้น่าจะมีเปอร์เซ็นต์ได้กลับบ้าน ไวรัสที่ปอดมีค่าประมาณ 30,000 ล่าสุดหมอบอกว่าเหลือแค่ 200 ถ้าเหลือ 50 หมอให้กลับบ้านเลย ส่วนยาคีโมก็ให้กินเอา เอากลับไปกินได้เพราะเป็นยากิน คือมันเป็นภาวะเฉียบพลันมาก ตรวจไม่รู้มาก่อนว่าจะมีภาวะลิ่มเลือดที่มันแข็งตัวแล้วไปอุดตัน"

เขานอนหลับไปเลย?

"พอดีว่าผมต้องออกไปทำงานในคืนนั้น คืนต่อมาผมก็จ้างพยาบาลเฝ้า พยาบาลก็โทร.มาหาบอกว่าพี่นุ๊กไม่ไหวแล้ว นุ๊กเหนื่อยมาก ผมก็เลยบอกว่าเดี๋ยวรีบเข้าไป พอสักพักผมโทร.กลับไปว่าจะเข้าไปได้ไหม เพราะโรงพยาบาลต้องมีการตรวจ RT PCR ก่อนเข้า ก็ยังไม่ทันได้ตรวจ ผมก็ถามว่า ATK แบบฉุกเฉินของโรงพยาบาลได้ไหม ก็ตรวจได้เพราะต้องรีบไปแล้ว พอขึ้นไปเขาก็ปั้มหัวใจแล้ว (น้ำตาคลอ) ปั้มอยู่ประมาณ 10 ครั้ง หมอบอกว่าสุดท้ายถ้าเขาจะไม่ไหวแล้ว ชีพจรเขาอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ หยุดเมื่อไหร่หมอก็ต้องปล่อย

ตัวเขาเองก็เคยพูดกับผมไว้ว่า ถ้าอยู่ในภาวะนี้อย่าปล่อยให้เขารู้เรื่องแต่ทำอะไรไม่ได้ ให้ถอดท่อและปล่อยเขาไป เขาพูดไว้ประมาณเดือนนึง ที่ผ่านมาเขาสู้มาเยอะมาก จิตใจดี แข็งแรง พยายามไม่อยากให้ใครเป็นห่วง ไม่อยากให้คนใกล้ตัว แม้แต่คุณแม่ผม พี่น้องผมที่อยู่บ้านใกล้ๆกัน หรือคุณพ่อคุณแม่เขาเอง เขาก็บอกผมว่าอย่าไปบอกว่าไปถึงไหนแล้ว ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง เขาไม่อยากให้ใครเป็นห่วงเลย แม้กระทั่งสื่อมวลชนเขาก็ไม่อยากให้สัมภาษณ์ เพราะกลัวว่าปากต่อปากไปถึงคุณพ่อคุณแม่แล้วท่านจะเสียใจ และถ้าทุกคนเสียใจแล้วโทรมาหาเขา เขาวิ้งมากๆ คือเขาเป็นคนกำลังใจดี เป็นแบบนี้มาตลอด คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเอง"

เราสร้างพลังบวกให้น้องขนาดไหน?

"ก็อยู่ด้วยกันแบบสนุกสนานครับ วันนึงมันก็ต้องดูแลกัน ในแบบที่ต้องไม่บอกว่าสภาพเขาเป็นยังไง ต้องไม่บอกว่าเขาแตกต่างจากเมื่อก่อนไหม เพราะว่าพอเป็นโรค สภาพร่างกายมันเปลี่ยน เขาเองก็ไม่อยากรู้ว่าตัวเองเป็นยังไง ก็ต้องให้กำลังใจกันว่าไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมันก็หาย อย่างสมมติบวม เดี๋ยวมันก็หาย ถ้าไม่มีแรง เดี๋ยววันหนึ่งกินโปรตีนเยอะๆนะ เดี๋ยวมันก็มีแรงขึ้นมา ก็พยายามเป็นทีละสเต็ปไป แต่พอเอาเข้าจริงๆ โรคแบบนี้ คุณหมอเขาก็บอกว่าต้องประมาณสักปีหนึ่งนั่นแหละ แต่นี่มันไม่ถึงเดือน"

เขามีร้องไหม?

"มีบ่อย ร้องไห้แบบ (นิ่ง..) เขาอยากกลับบ้าน อยากกลับไปหาโน้น อยากกลับไปหาคนนี้ แม้กระทั่งหมาที่บ้าน ดูรูปหมาก็ร้องไห้ (เสียงสั่น)"

เห็นว่าถ้าหายจะมีข่าวดีเรื่องแต่ง?

"ก็ไม่ทันครับ จริงๆผมคิดไว้ด้วยซ้ำว่าแค่อาการดีขึ้นกว่านี้นิดนึง เพราะเขาพูดตลอดเวลาว่าเขาอยากมีงานแต่งงานเล็กๆ แบบไหนก็ได้ เอาเท่าที่ทำได้ ณ ตอนนี้ ผมก็คิดไว้ก็รอดูว่าเขาจะไหวไหม ก็คือความฝันของเขาเลย ก็เสียดาย ผมคิดว่าแค่เขาออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้จัดเล็กๆกันเนอะ ก็มีครอบครัวซึ่งกันและกัน มีพี่น้อง จัดเล็กๆ"

ก่อนที่เขาจะไปได้บอกอะไรเขาไหม?

"ไม่ทันพูดอะไร ไม่ทันได้พูดเลย เพราะทุกอย่างมันเร็ว ผมเข้าไปก็เห็นแต่ภาพการปั้มหัวใจอย่างเดียว"

ที่ผ่านมาเขาห่วง "พี่ปู" มาตลอด?

"เขาบอกว่าที่เขาทำอะไรไม่ได้เพราะเขาห่วงเรา เขาอยากดูแลเรา วันที่เราเดินทางมาเจอกันเขาก็บอกว่าหนูจะได้ดูแลพี่ เพราะพี่อายุเยอะแล้ว พี่แก่ไปเดี๋ยวหนูจะดูแลเองนะ เรื่องทำเพจหรือทำอะไรด้วยกัน เขาก็บอกเดี๋ยวหนูหางานมาให้พี่เยอะๆนะ แม้กระทั่งค่ารักษาตอนนี้พี่ออกไปก่อนนะ เดี๋ยวหนูออกมาแล้วแข็งแรงหนูจะหาเงินให้พี่เยอะๆ เขาคิดเยอะมาก ซึ่งเขามีความตั้งใจที่จะดูแลเรา ไม่อยากให้เราหนื่อย พอเห็นเราเหนื่อยจะต้องไปทำโน่น ทำนี่ เขารู้สึกว่าแทนที่เขาจะดูแลเราแต่เป็นเราดูแลเขา"

หลายคนเป็นห่วงสภาพจิตใจ "ปู" ตอนนี้?

"ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยหรอกครับ แต่คิดว่ามันก็จะน่าจะดีขึ้น ชั่วโมงนี้บอกตรงๆว่ายังคิดอะไรไม่ออก"

ความรักครั้งนี้เหมือนเป็นรักแท้ของเรา?

"ใช่ ก็ถือว่าที่สุดแล้วของชีวิต เพราะว่าไม่รู้ว่าด้วยเรื่องอะไร ด้วยเรื่องที่ว่ามันถึงวัยหรือเปล่า ไม่รู้ว่าด้วยความดีของเขา ไม่รู้ว่าด้วยอะไรหลายอย่างมันทำให้รู้สึกที่สุด เขาก็รู้ว่ายังไงผมก็มีเขาตลอด"

ตอนนี้เขาไม่เจ็บป่วยแล้ว?

"ตอนนี้เขาก็สบายแล้ว ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูน้องนุ๊ก สนใจในเรื่องราวของน้องนุ๊กมาตลอด ขอบคุณคุณหมอ พยาบาล ที่รักษาน้องนุ๊กมาตลอด คอยดูแลมา และแฟนคลับทั้งหลายที่ไม่ว่านุ๊กจะลงอะไรในโซเชียล ก็จะมีแต่คนมาให้กำลังใจ และสมาคมที่เกี่ยวกับโรคมะเร็งที่ยึดนุ๊กเป็นกำลังใจให้กับคนที้เป็นมะเร็งทั่วประเทศ ถ้าเป็นแล้วก็ต้องสู้แบบนุ๊ก ถึงแม้ว่าวันนึงจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ บางคนก็หาย บางคนก็ไม่ได้โชคดี อย่างนุ๊กเองก็สู้เต็มที่แม้รู้ว่าไม่ใช่คนโชคดี ผมขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกคนด้วยนะครับ และขอขอบคุณแฟนคลับแทนน้องนุ๊กด้วยครับ

ส่วนเรื่องลอยอังคารนุ๊กเขาชอบทะเล ผมก็คิดว่าเป็นทะเล แต่ก็กำลังคุยกับทั้งสองบ้านอยู่ว่าจะเป็นที่ไหน เพราะชีวิตเขามีแต่ทะเล ก็เห็นเนอะใส่ชุดว่ายน้ำสวยๆ"

ปู แบล็คเฮด น้ำตาคลอ สูญเสียนุ๊กซี่รักแท้ ทั้งๆตั้งใจจะแต่งงานกัน