ถกสนั่น! หากแม่แตงโมไม่เอาเงินตอนนี้ จะได้อะไรหากศาลยกฟ้อง!

ทนายกฤษณะ : ผมฝากคุณเพชรฝากถามพนักงานสอบสวนที่ดูแลคดีนี้ มีอยู่ 4 ข้อด้วยกัน หนึ่งเรื่องคุณแตงโมเจออะไรบ้าง ตรวจเจอสารอะไรบ้างมั้ย หรือตรวจอะไรบ้าง สองบาดแผลตรวจอะไรเป็นพิเศษมั้ย และเอาอะไรมาวิเคราะห์

พี่กฤษณะสามารถเข้าไปถามตร.ได้เลย?

ทนายกฤษณะ : ผมจะเข้าไปพรุ่งนี้ แต่ถามเป็นการบ้านก่อน เอาอะไรมาวิเคราะห์ว่าเกิดจากอะไร

ว่าในร่างกายมีสารเสพติดมั้ย มีอะไรแปลกปลอมหรือเปล่า ตัวแผลเกิดจากอะไรกันแน่?

ทนายกฤษณะ : ผมถามว่าได้ตรวจอะไรเป็นพิเศษมั้ย บาดแผลเอาอะไรวิเคราะห์ว่าเกิดจากอะไร สามผลเลือดของบุคคลในเรือทั้งห้า ตรวจเมื่อไหร่และที่ไหน ฝากพนักงานสอบสวนเป็นการบ้าน และจะเข้าไปสอบถามอีกทีพรุ่งนี้

ไปแจ้งที่กมธ. มีความคืบหน้าอะไรมั้ย?

ทนายกฤษณะ : เดี๋ยวอาทิตย์หน้ากรรมาธิการจะประชุมและตั้งคณะกรรมการ ลงมาดูแลเรื่องการชันสูตรและขอหลักฐานเพิ่มเติมอีกครับ

คุณกฤษณะไปออกรายการคุณบุ๋มบอกว่ายังไม่เห็นศพน้องแตงโมเลย วันนี้เห็นหรือยัง?

ทนายกฤษณะ : ยังครับ วันพรุ่งนี้ผมว่าจะเข้าไปดู เพราะวันนี้ยุ่งๆ นิดนึง เลยว่าจะเข้าไปวันพรุ่งนี้เลย วันนี้ผมจะไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องใดๆ แล้วนะครับ ยกเว้นคดีน้องแตงโม เพราะผมต้องรีบเดินหน้าแล้วครับ

ทนายกฤษณะ : ตรงนี้ผมขออนุญาตยังไม่แสดงความคิดเห็นนะครับเพราะเป็นรูปคดี ถ้าผมแสดงความคิดเห็นไป เดี๋ยวจะเสียรูปคดีนะครับผม

วันแรกที่เจอกัน คุณกฤษณะว่าเรื่องเงินเยียวยาต้องพูดจากันใหม่ วันนี้ได้ตัวเลขหรือยัง?

ทนายกฤษณะ : ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องตัวเลข เพราะวันนี้ผมกับคุณแม่แตงโมต่างคนต่างแยกกันไปทำหน้าที่ แล้วตอนนี้ผมได้แจ้งคุณแม่คร่าวๆ ว่าให้เตรียมเอกสารทุกอย่างที่จำเป็นไว้ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่อยากพูดคุยเรื่องนี้ อยากเดินหน้าหาหลักฐานก่อน เดี๋ยวมันจะสายไป

ยังไม่มีใครนำเงินทำขวัญมาให้คุณแม่?

ทนายกฤษณะ : ตรงนี้คือได้ยินจากปากคุณแม่ คุณแม่ยืนยันว่ายังไม่มีนะครับ

เรื่องมีการตรวจและเจอสารเสพติดบนร่างกายของคนอยู่บนเรือ จะมีผลทางคดีมั้ย?

ทนายกฤษณะ : มีแน่นอนครับ แต่ขออนุญาตฝากสี่ข้อที่ให้ไปก่อนครับ เดี๋ยวอะไรก็มีความชัดเจนมากขึ้น มีเรื่องเลือดคุณแตงโม ตรวจเจออะไรบ้าง บาดแผลตรวจอะไรพิเศษมั้ย เอาอะไรมาวิเคราะห์ว่าเกิดจากอะไร และผลเลือดของบุคคลในเรือตรวจเมื่อไหร่และที่ไหน ผมขอมูฟก่อนเพราะต้องไปเอาหลักฐานบางอย่าง

แกทิ้งคำถามไว้ให้ผม เรื่องแบบนี้ทนายฝั่งผู้เสียหายไม่มีสิทธิ์ขอเหรอ?

ทนายอู๋ : คุณมีสิทธิ์อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าคุณกฤษณะเข้ามาทำคดี ก็มีการตั้งข้อสงสัย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บรรดาคำถามที่ถามมาทั้งหมด จริงๆ แล้วตร.ควรมีคำตอบให้สังคมมาตั้งแต่ต้นก็ยังปล่อยให้สังคม แต่เอาเถอะ คุณกฤษณะตั้งคำถามแบบนี้ก็โอเค ขณะเดียวกันผมต้องเรียนว่าคำถามทุกประเด็นที่คุณกฤษณะมี ถ้าหากคุณกฤษณะกัดไม่ปล่อย จับตาชั้นพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนยังดำเนินการไม่สิ้นข้อสงสัย ไปชั้นอัยการ อาจต้องขอความเป็นธรรมให้พนักงานอัยการสั่งสอบสวนเพิ่มเติมได้หรือไม่ในคดีดังกล่าว

ทนายอู๋คิดว่ามันมีช่องโหว่มั้ยที่ทนายกฤษณะมองข้าม เขาอาจใหม่ เพิ่งทำงานปีสองปี?

ทนายอู๋ : ก็ฝากทนายกฤษณะกลับไป ส่วนตัวยังติดใจเรื่องการที่เพื่อนคุณแตงโมต่างบอกว่าคุณแตงโมไปฉี่ท้ายเรือ เมื่อวานนี้ วันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา ตร.แถลงข่าวช่วงท้ายๆ คุณแซนต่อสายเข้ามาในที่ประชุม ไม่แน่ใจมีท่านผบ.ตร.ร่วมด้วยหรือไม่ คุณแซนยังยืนยันว่าคุณแตงโมไปทำธุระที่ท้ายเรือ ตรงนี้มีการชี้ว่าคุณแตงโมมีส่วนร่วมส่วนก่อในการประมาท เมื่อวานมีช็อตเด็ดทางพนักงานสอบสวนบอกว่าก่อนคุณแตงโมเดินไปท้ายเรือ คุณปอได้ดันหลังน้องเอาไว้ คำว่าดันหลังมีความหมาย เรือวิ่งไปด้วยความเร็วหรือเปล่า คุณแตงโมมีการซวนเซหรือไม่ มีอาการมึนเมาหรือเปล่า แต่ยังสมัครใจไปฉี่ท้ายเรือ โดยผ่านคุณจ๊อบซึ่งนั่งหลังคุณโรเบิร์ตซึ่งเป็นคนขับเรือ วันนี้เขายืนยันว่าคุณแตงโมยังนั่งฉี่ท้ายเรือ มุกรู้แต่ไม่เห็น เหมือนคุณแซนบอกว่าคุณแตงโมไปฉี่ท้ายเรือ ตรวจเจอคราบปัสสาวะหรือไม่ก็แล้วแต่ แล้วยังไงล่ะครับ เขารู้ว่าคุณแตงโมไปนั่งตรงนั้น แต่ท้ายที่สุดคุณก็ปฏิเสธได้อีก เขาไปนั่งจริงๆ แต่ฉี่หรือเปล่าไม่รู้ เพราะเขาบอกว่าคุณแซนนั่งเล่นโทรศัพท์ ดูดาวด้วย ใช้คำว่าทำธุระเสร็จ จากนั้นรู้สึกเรือกระตุกแล้วตกเรือ ผมสรุปอย่างนี้ ถ้าเรื่องราวเดินขนาบกันไป คุณแตงโมประมาท ถ้ายังปักธงอยู่แบบนี้ ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นต่างฝ่ายต่างประมาท มาพิจารณาสิครับ ใครยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แล้วจะมีผลทางกฎหมายเยอะมาก

ศาลจะไม่มีข้อสงสัยเหรอ วันแรกๆ บอกไม่มีใครรู้เลยแตงโมไปฉี่ข้างหลัง แต่วันนี้บอกว่าได้ยินแตงโมพูดว่าจะไปฉี่?

ทนายอู๋ : รูปคดีรูปใหญ่ที่เขาวางไว้ เขาต้องการโยนขี้ให้ผี คุณแตงโมประมาทแต่เพียงผู้เดียว แต่เมื่อรูปคดีมีการจวนตัว มีการกดดันจากสื่อมวลชน เขาก็แบ่งรับแบ่งสู้ว่าประมาท ข้อสันนิษฐานกฎหมายบอกว่าศาลสงสัยเท่ากับยกประโยชน์ให้จำเลย ยกฟ้อง รูปคดีนี้วางลึกนะในการทำงานของทนาย

แต่แก้วไวน์ ขวดไวน์ก็หาย?

ทนายอู๋ : ก็มาแก้ต่างตอนหลังว่าตกใจ กลัวตรวจเจอความมึนเมา แต่สิ่งที่ผมจับตา ตัวขวดไวน์ที่ไปเจอ ถ้าเป็นของในเรือลำนี้จริงๆ ไปดูเรื่องสารเรื่องอะไรมีอยู่ในขวดไวน์หรือเปล่า มีเรื่องยาสลบหรือไม่ ยานอนหลับมีหรือไม่

คิดว่าจะเจอเหรอ?

ทนายอู๋ : ทั้งหมดนี่ไงครับ ถึงบอกว่าคุณกฤษณะฝากคำถามมา ก็ฝากคำถามทุกอย่างให้คุณกฤษณะไปถามพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม ตั้งแต่แรก ก่อนพบศพคุณแตงโม เขาไปพบทนายความ มีการติดต่อสื่อสาร การวางรูปคดีย่อมเกิดขึ้นในการทำงานของทนายความ ถ้าไม่มีประจักษ์พยานว่าลูกความตนกระทำความผิด ตั้งรูปคดีให้แน่นไว้ก่อน แต่ถ้าหากหลุดจากการวางรูปคดีดังกล่าว การตีน้ำให้ขุ่น การทำให้ศาลสงสัยก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ ที่จะทำให้ศาลยกฟ้องได้

ทำให้การทำคดียากมั้ย คลิปเต็มไปหมด?

ทนายอู๋ : สังคมต้องค่อยๆ แยกแยะ ทุกคนปรารถนาดีช่วยคุณแตงโมหาหลักฐาน สมมติคุณยึดคลิปตีหัวกัน แล้วคราบเลือดบนเรืออยู่ไหน มันก็ขัดแย้งกันแล้ว แต่ถ้ามีคลิปการตีหัว ตีตรงไหน ไปเจอคราบเลือดตรงนั้น สอดคล้องกัน คลิปก็เอามาใช้ประกอบหลักฐาน มันก็ฟังได้

ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊กแชร์กันเต็มเลย การที่คนเอาภาพนี้ไปโพสต์แล้วบอกมีการฆาตกรรม จะเป็นการหมิ่นประมาทมั้ย คนอยู่บนเรือฟ้องได้มั้ย?

ทนายอู๋ : ผมถึงบอกว่าใจเย็นๆ เราเสพข่าวเสพสื่ออะไร หรือจะแชร์ออกไป ตอนนี้สังคมรู้อยู่แล้วเป็นเรื่องในกระแส แต่ถ้าเราแชร์โดยไม่ใส่ข้อความพาดพิงก็ทำได้ แต่ถ้าไปยืนยันในข้อเท็จจริงซี้ชั้วขึ้นมา ถ้าเขาไม่ยอมเขาก็ดำเนินคดี

ตอนนี้ในโลกโซเชียลมีเดีย มีความเห็นส่วนตัวแล้วไปใส่ชื่อของคนที่ตำหนิเรื่องราวนั้นๆ จะเข้าข่ายหมิ่นประมาทได้ เป็นการชี้นำสังคม?

ทนายอู๋ : ประเด็นก็เบี่ยงเบนไปหมด ทำให้สับสน

ช่วงแรกที่มีการคำนวณค่าเสียหาย เคสแบบนี้ถ้าเกิดคดีพลิก คุณแม่และผู้เสียหายคนอื่นๆ จะไม่ได้อะไรเลย?

ทนายอู๋ : เอวังด้วยประการฉะนั้น จบทุกอย่าง ถ้าการสูญเสียเกิดจากความประมาทของผู้ตายเองมันก็จบ แต่ถ้าวันนี้ผมสันนิษฐานว่า อาจมีการใช้ข้อกฎหมายดังกล่าวมายกแรงกดดันให้กับทางคุณแม่หรือไม่ ฝากคุณแม่เกลี้ยกล่อมหรือปรับทัศนคติว่าตอนนี้ยอมรับเงินเท่านี้เท่านั้นเพราะถ้าสู้ต่อไม่รู้จะออกหัวออกก้อย ให้คุณแม่ยอมรับเพียงเท่านี้ คือเรื่องเงินเป็นเรื่องหว่านผลทางแพ่ง ย่อมหวังผลในทางอาญา เรื่องนี้เป็นเรื่องคดี ถ้าพูดถึงแพ่ง เป็นเรื่องแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา เพียงแต่วันนี้ก่อนหน้านี้ที่คุณแม่ออกมาว่าตัวเลขสมมติเท่านั้นเท่านี้ ตรงนี้มันออกลูกล้ำหน้าไปหน่อย แต่ถ้าวันนี้คุณแม่ใช้โอกาสในการเจรจาค่าเสียหายจบเพราะสังคมเดินเคียงข้างคุณแม่อยู่นะ เพราะถ้าเลยจากจุดนี้ไปแล้ว คุณแม่อาจไปสู้คดีอย่างโดดเดี่ยว ผลอาญาอาจออกมาไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ เผลอๆ เรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่ากระนั้นเลย ถ้าเจรจาตรงนี้จบ เงินค่าเสียหายดังกล่าวใครจะบอกว่าชิงสุกก่อนห่ามก็แล้วแต่ คุณแม่อาจบอกว่าอ้าว ชิงสุกก่อนห่ามก็ดีกว่าชิงห่ามก่อนเหี่ยว (หัวเราะ) หมายถึงเอาไว้ก่อน สมมติอย่างนี้นะ

ทนายอู๋ : ผมพูดในมุมทนายความ ถ้าจ่ายเงินลูกความก็ไม่ได้ผิดนี่ครับ จ่ายเพราะเห็นใจ เห็นแก่ศีลธรรมอันดี เลยจ่ายค่าเยียวยาเสียหาย นี่ไม่ได้พูดถึงคดีคุณแตงโมนะ การทำงานทั่วๆ ไปมันมีโอกาสออกได้หลายช่องทางอยู่เหมือนกัน

ทำไมตร.บอกจะปิดคดีในวันศุกร์ ทำได้จริงๆ เหรอ?

ทนายอู๋ : ก็เป็นอำนาจพนักงานสอบสวน แต่ถ้าปิดคดีแล้วหลายอย่างไม่สิ้นสงสัย คุณกฤษณะจะเอายังไงล่ะ จะไปต่อหรือคดีไม่เห็นพ้องต้องตามตรงนั้น อาจให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ จะปิดก็ปิดไป แต่ตั้งคำถามว่าสังคมสิ้นสงสัยหรือยัง สังคมยังมีคำถามอีกมากมาย

ถ้าตร.ปิดคดีแล้วไม่ถูกใจทนาย ไม่ถูกใจแม่ แม่สามารถยื่นฟ้องเองต่างหากได้มั้ย?

ทนายอู๋ : ตัวแม่คือผู้เสียหาย ผมมองว่าเรื่องนี้อาจต้องปล่อย ถ้ามองการทำงานของทนายคุณแม่ พอเรื่องถึงชั้นอัยการ ยื่นเรื่องต่อศาล เขาก็มีโอกาสไปเป็นโจทก์ร่วมกับคดี เพียงแต่ว่าวันนี้ ผมเชื่อว่าสังคมน่าจะเป็นห่วง ถ้าคุณแม่พอแค่นี้ ไม่ติดใจ การวางรูปคดีจะเป็นไปได้ง่ายขึ้น สังคมเลยบอกว่าคุณแม่ต้องลุกมาสู้นะ เพื่อทวงคืนความเป็นธรรมให้คุณแตงโม

ถ้าคุณแม่ยอมจบ คดีก็ปิดง่ายเลย แต่ถ้าพี่ไม่ยอมล่ะ?

ทนายอู๋ : เป็นพี่ชายต่างบิดา วันนี้หลักคือคุณแม่ที่เป็นตัวผู้เสียหาย

ทนายอู๋ : คุณแม่มีสิทธิ์ตามกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งก็คือค่าปลงศพ ค่าอุปการะ ซึ่งตรงนี้อยากฝากนิดนึง ที่เห็นวิธีการคำนวณของคุณแม่ก่อนหน้านี้ เอาตรงนี้ก่อน คุณแม่ไม่ใช่ตัวคุณแตงโม งานนี้คุณแตงโมถึงแก่ชีวิต เขาไม่ได้ทุพพลภาพหรือพิการ คุณแม่ถึงจะเรียกค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ แต่สิ่งที่กฎหมายให้คุณแม่เรียกได้คือค่าปลงศพ ค่าขาดอุปการะต้องคำนวณตรงนี้

เรื่องเงินใส่ซองงานศพที่คนไม่อยากให้แม่ แต่แม่ต้องถือเงิน ทำยังไง?

ทนายอู๋ : กฎหมายไม่ได้บังคับ จะไม่ให้ก็ได้ ก็แล้วแต่ดุลยพินิจของคนไปร่วมงาน ณ จุดนั้น

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่