อ้างที่เงียบหายไปเป็นเพราะตกใจ และตั้งตัวไม่ทันกับข่าวที่เกิดขึ้น จึงเดินทางไปตั้งสติ และใคร่ครวญกับปัญหาที่เกิดขึ้นในป่า พร้อมกับยืนยันว่ายังรักภาพยนตร์เรื่ององค์บาก2 จา-พนม" ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ หลังจากประสบปัญหาเรื่องของงบประมาณที่ไม่ตรงกัน แล้วยังถูกแฉเรื่องไม่เข้าฉากระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "องค์บาก" จนเป็นเหตุทำให้ทางต้นสังกัดตามตัวเพื่อขอเคลียร์เรื่องทั้งหมด ล่าสุดพระเอกหนังบู๊ได้เดินทางมาอัดรายการไนน์เอ็นเตอร์เทน สตูดิโอ 5 บริษัท อสมท. วันที่ 28 กรกฎาคม 2551 พร้อมกับทนาย "จารุพล เรืองเกตุ"
จาร่ำไห้ปัดหนีหน้า-ทิ้งกองถ่ายองค์บาก 2
"จา พนม" โผล่แจง ปัด โกงเสี่ยเจียง งัดหลักฐาน 117 ล้านบาทโชว์ ร่ำไห้บอกไม่ได้หนีหน้าและทิ้งกองถ่ายองค์บาก 2
อ้างที่เงียบหายไปเป็นเพราะตกใจ และตั้งตัวไม่ทันกับข่าวที่เกิดขึ้น จึงเดินทางไปตั้งสติ และใคร่ครวญกับปัญหาที่เกิดขึ้นในป่า พร้อมกับยืนยันว่ายังรักภาพยนตร์เรื่ององค์บาก2 จา-พนม" ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ หลังจากประสบปัญหาเรื่องของงบประมาณที่ไม่ตรงกัน แล้วยังถูกแฉเรื่องไม่เข้าฉากระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "องค์บาก" จนเป็นเหตุทำให้ทางต้นสังกัดตามตัวเพื่อขอเคลียร์เรื่องทั้งหมด ล่าสุดพระเอกหนังบู๊ได้เดินทางมาอัดรายการไนน์เอ็นเตอร์เทน สตูดิโอ 5 บริษัท อสมท. วันที่ 28 กรกฎาคม 2551 พร้อมกับทนาย "จารุพล เรืองเกตุ"
อ้างที่เงียบหายไปเป็นเพราะตกใจ และตั้งตัวไม่ทันกับข่าวที่เกิดขึ้น จึงเดินทางไปตั้งสติ และใคร่ครวญกับปัญหาที่เกิดขึ้นในป่า พร้อมกับยืนยันว่ายังรักภาพยนตร์เรื่ององค์บาก2 จา-พนม" ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ หลังจากประสบปัญหาเรื่องของงบประมาณที่ไม่ตรงกัน แล้วยังถูกแฉเรื่องไม่เข้าฉากระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "องค์บาก" จนเป็นเหตุทำให้ทางต้นสังกัดตามตัวเพื่อขอเคลียร์เรื่องทั้งหมด ล่าสุดพระเอกหนังบู๊ได้เดินทางมาอัดรายการไนน์เอ็นเตอร์เทน สตูดิโอ 5 บริษัท อสมท. วันที่ 28 กรกฎาคม 2551 พร้อมกับทนาย "จารุพล เรืองเกตุ"
เลยถือโอกาสออกมาชี้แจงความบริสุทธิ์กับข้อเท็จทั้งหมดว่า
"ตนเองความรู้สึกคือมันช็อกเหมือนกัน กับสิ่งเกิดขึ้นกับตัวเองและสังคม ไม่ได้หายไปไหนก็แค่ไปนั่งสมาธิคิดทบทวนต่อเหตุการณ์ที่ขึ้น ส่วนเรื่องของงบประมาณในตอนแรกจะให้ทางฝ่ายบริษัทไอยราดูแล แต่เพราะว่าเกิดปัญหาเลยให้ทางสหมงคมฯดูแลเรื่องของบัญชีทั้งหมด โดยเมื่อมีการเบิกจ่ายจะออกเป็นเช็คเท่านั้น ซึ่งมีหลักฐานการเบิกจ่ายในวลา 4 เดือน ตอนที่ครั้งล่าสุดที่เห็นประมาณ 117 ล้านบาท อันนี้ผมก็รู้แค่บางส่วนบางกรณีเท่านั้น ไม่สามารถชี้แจงเงินประมาณได้ทั้งหมด"
แล้วเรื่องที่จาหายตัวไปจนต้องทิ้งงานไป 2 เดือนนั้น
"ไม่ใช่ว่าผมหายไปไหนนะ ผมก็อยู่แถวกองถ่ายแต่ผมก็เข้าไปอยู่กับช้างบ้าง เข้าสำนักสงฆ์เพื่อไปทำสมาธิเพื่อให้หนังเรื่องนี้มีคุณภาพมากขึ้น ตอนนี้ถ่ายทำไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้วเหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์ ผมคิดว่าหนังองค์บากของผมเป็นสิ่งที่มีคุณภาพ ผมไม่ยอมทำลายสิ่งที่ผมจะทำ ผมต้องลงไปดูตามพื้นที่เพราะผมรักงานนี้มากครับ"
"ตนเองความรู้สึกคือมันช็อกเหมือนกัน กับสิ่งเกิดขึ้นกับตัวเองและสังคม ไม่ได้หายไปไหนก็แค่ไปนั่งสมาธิคิดทบทวนต่อเหตุการณ์ที่ขึ้น ส่วนเรื่องของงบประมาณในตอนแรกจะให้ทางฝ่ายบริษัทไอยราดูแล แต่เพราะว่าเกิดปัญหาเลยให้ทางสหมงคมฯดูแลเรื่องของบัญชีทั้งหมด โดยเมื่อมีการเบิกจ่ายจะออกเป็นเช็คเท่านั้น ซึ่งมีหลักฐานการเบิกจ่ายในวลา 4 เดือน ตอนที่ครั้งล่าสุดที่เห็นประมาณ 117 ล้านบาท อันนี้ผมก็รู้แค่บางส่วนบางกรณีเท่านั้น ไม่สามารถชี้แจงเงินประมาณได้ทั้งหมด"
แล้วเรื่องที่จาหายตัวไปจนต้องทิ้งงานไป 2 เดือนนั้น
"ไม่ใช่ว่าผมหายไปไหนนะ ผมก็อยู่แถวกองถ่ายแต่ผมก็เข้าไปอยู่กับช้างบ้าง เข้าสำนักสงฆ์เพื่อไปทำสมาธิเพื่อให้หนังเรื่องนี้มีคุณภาพมากขึ้น ตอนนี้ถ่ายทำไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้วเหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์ ผมคิดว่าหนังองค์บากของผมเป็นสิ่งที่มีคุณภาพ ผมไม่ยอมทำลายสิ่งที่ผมจะทำ ผมต้องลงไปดูตามพื้นที่เพราะผมรักงานนี้มากครับ"
ปัญหาของจาคิดว่าเป็นเพราะเหตุอะไร
"แนวทางของผมหันไปทางการถ่ายของศิลปะภาพยนตร์ มากกว่าการไปทางธุรกิจ ผมอยากให้ทุกคนเห็นหนังที่มีคุณภาพอยากจะใช้จิตวิญญาณไปกับมัน หนังเรื่องนี้ผมยอมเสียสละชีวิตเพื่อหนังไทย"
อย่างนี้ถือว่าการเข้าใจผิดการคงไม่ใช่แค่เรื่องของงบประมาณ แต่ก็มีเรื่องของทัศนคติที่ไม่ตรง
เจ้าตัวขอลั่นว่าเรื่องจะเข้าไปเจรจากับทางต้นสังกัด ก่อนที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นเด็กอกตัญญูกับผู้ที่มีบุญคุณ โดยเฉพาะกับ"เสี่ยเจียง" และน้ำตาของจาก็เริ่มไหลร่ำไห้ เผยถึงความรู้สึกทั้งหมด "ตอนนี้กำลังหาพื้นที่ตกลงด้วยกันอยู่ ขอบคุณทุกท่านที่คอยให้โอกาส ในฐานะที่เป็นผู้น้อยผมจะเป็นคนโทรไปหาเสี่ยเอง ตอนนี้ต้องไปคุยกันอีก ผมตั้งใจที่จะทำต่อแน่นอน ณ ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะไปปรึกษากับใคร สถานการณ์นั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจาก ความน้อยใจมากกว่าผมก็เป็นคนรับผิดชอบ" "ครอบครัวผมเขาไม่เคยรู้เรื่องว่าภาพที่ยิ่งใหญ่ตอนนี้กำลังดับ แต่ทุกคนก็ให้กำลังในความบอบช้ำกับเรื่องที่เกิดขึ้น "ผมไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาของผม ไม่อย่างนั้นเขาจะเห็นว่าผมกำลังทุกข์ นี่ละเป็นสิ่งที่ผมต้องหายไป" จา กล่าวทิ้งท้าย
"แนวทางของผมหันไปทางการถ่ายของศิลปะภาพยนตร์ มากกว่าการไปทางธุรกิจ ผมอยากให้ทุกคนเห็นหนังที่มีคุณภาพอยากจะใช้จิตวิญญาณไปกับมัน หนังเรื่องนี้ผมยอมเสียสละชีวิตเพื่อหนังไทย"
อย่างนี้ถือว่าการเข้าใจผิดการคงไม่ใช่แค่เรื่องของงบประมาณ แต่ก็มีเรื่องของทัศนคติที่ไม่ตรง
เจ้าตัวขอลั่นว่าเรื่องจะเข้าไปเจรจากับทางต้นสังกัด ก่อนที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นเด็กอกตัญญูกับผู้ที่มีบุญคุณ โดยเฉพาะกับ"เสี่ยเจียง" และน้ำตาของจาก็เริ่มไหลร่ำไห้ เผยถึงความรู้สึกทั้งหมด "ตอนนี้กำลังหาพื้นที่ตกลงด้วยกันอยู่ ขอบคุณทุกท่านที่คอยให้โอกาส ในฐานะที่เป็นผู้น้อยผมจะเป็นคนโทรไปหาเสี่ยเอง ตอนนี้ต้องไปคุยกันอีก ผมตั้งใจที่จะทำต่อแน่นอน ณ ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะไปปรึกษากับใคร สถานการณ์นั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจาก ความน้อยใจมากกว่าผมก็เป็นคนรับผิดชอบ" "ครอบครัวผมเขาไม่เคยรู้เรื่องว่าภาพที่ยิ่งใหญ่ตอนนี้กำลังดับ แต่ทุกคนก็ให้กำลังในความบอบช้ำกับเรื่องที่เกิดขึ้น "ผมไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาของผม ไม่อย่างนั้นเขาจะเห็นว่าผมกำลังทุกข์ นี่ละเป็นสิ่งที่ผมต้องหายไป" จา กล่าวทิ้งท้าย
https://www.facebook.com/teeneedotcom