เปิดเบื้องหลังความสำเร็จ บอย ถกลเกียรติ ที่พูดถึงทีไรเสียน้ำตาทุกที
ถามว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรานึกถึงภาพนี้ไหม ?
บอย ถกลเกียรติ : ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะต้องทำบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ว่าในวันที่เราต้องมาร่วมลงทุนใน ONEE ยังไงก็ต้องเข้า ถ้าย้อนไปเมื่อเวลาปี 2014-2015 พอได้ช่องมาไม่กี่เดือนมั้งก็จะกลายเป็นดิจิตอลดิสรัปชั่น คนก็จะบอกว่าพวกที่ได้ช่องมาแย่แล้ว เจ๊งแน่
บอย ถกลเกียรติ : อาจจะก่อนที่จะประมูลช่องทีวีด้วยซ้ำ ตอนนั้นผมดูแล บริษัท เอ็กแซ็กท์ (Exact) และบริษัทซีเนริโอ (Scenario) ณ ตอนนั้นผมคิดว่าเราก็มีความสุขกับการผลิตคอนเทนส์ ทำละคร ทำซีรีส์ ทำละครเวที ทำซิทคอม ทำคอนเสิร์ต เราสนุกอ่ะ พอมันเกิดดิจิตอลดิสรัปชั่นขึ้น ตรงนี้มันก็กลายเป็นโอ๊ยตายแล้วฝุ่นตลบ อันนั้นเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากในชีวิต มันเป็นจังหวะการตัดสินใจที่มันหนักมากนะ ก็มีการพูดคุยกับทาง GMM ผมบอกว่ามันต้องลงแล้วครับ ไม่งั้นตกรถไฟนะ มันเสี่ยงมากนะ มันลงทุนสูงมากนะ ทางแกรมมี่ก็ยังมีความกล้าๆกลัวๆ จนมีคำถามที่แบบมาร่วมลงทุนกันไหมล่ะ ผมก็บอกเอา แต่ว่ามันก็ลงทุนสูงจริงๆนะ มันก็ต้องกู้หนี้ยืมสินนะ ต้องไปกู้แบงค์นะ มีผู้ใหญ่ที่เป็นทางการเงินเขาก็บอกว่าคุณแน่ในเหรอ นี่มัน Your life saving ผมก็ตัดสินใจหนักมากตอนนั้น คือการที่เราเป็น Production Company มีทีมงานเต็มไปหมดเลย แล้วเรามีความเชื่อว่าเราลงทุนแล้วมันจะดี แต่โอกาสมันก็ไม่ได้เยอะ ณ ตอนนั้น แต่ถ้าเราไม่ลงทุนมันจะเกิดอะไรขึ้น เราจะไปต่อในวงการนี้ได้ไหม ไม่ใช่แค่เราลูกน้องอีกทั้งไม่รู้เท่าไหร่ ผมมีออฟชั่นอยู่ 2 ออฟชั่น ผมลงทุนแล้วก็ไปกันต่อ กับอีกออฟชั่นหนึ่งก็คือแยกย้ายดีใจที่รู้จักกัน เพราะมันไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น ผมก็เลยเลือกออฟชั่นที่ว่ามาทำกันต่อ มาอยู่ด้วยกัน
บอย ถกลเกียรติ : มันคือเงินเก็บทั้งชีวิตวู้ดดี้
มีคิดไหมว่ามันอาจจะไม่เหลืออะไรเลยหลังจากนี้ ?
บอย ถกลเกียรติ : Yes แน่นอน
ดีใจที่พี่ยังนั่งอยู่หน้าผมตรงนี้ ดีใจที่ ถกลเกียรติ ยังอยู่กับเรา พลังที่เราจะต้องตัดสินใจ จะต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
บอย ถกลเกียรติ : คือผมยังเชื่อในพลังในการทำงานของผมและทีม ผมยังเชื่อในวิสัยทัศน์ ยังเชื่อในวิธีคิด และผมยังเชื่อในแพชชั่น เชื่อในพลังที่จะเดินต่อ ศักยภาพและความสามารถของคนที่อยู่ในทีมทุกคนที่จะไปต่อด้วยกัน
VV
V
https://www.facebook.com/teeneedotcom