ส่องภาพล่าสุดอดีตนางเอกดัง โดนบูลลี่เรื่องอ้วนมาตลอดชีวิต!!

ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวชีวิตที่สุดพลิกผัน สำหรับอดีตนางเอกชื่อดัง "แหม่ม อลิษา" โดยเธอ ได้ออกมาเปิดใจกับ คุยแซ่บshow ในการถูกบูลลี่เรื่องอ้วนมาตลอดชีวิต และต้องกินยาลดความอ้วนติดต่อกันนานนับ 10 ปี ซึ่งเธอได้เผยว่า ที่ผ่านมาถูกบูลลี่เรื่องหุ่น เพราะจะเป็นคนอ้วนมากกว่าผอม

ที่เห็นว่าผอมนั้นคือบังคับตัวเราให้กินยาตลอด แทบไม่มีช่วงพัก ซึ่งเธอเป็นคนที่อ้วนง่ายมาก ด้วยโครงสร้างของพ่อแม่เราเป็นคนตัวใหญ่อยู่แล้ว แล้วเราจะบีบโดยการใช้ยา และไม่ได้มีหมอเดียว ในการหาหมอลดความอ้วน ซึ่งเธอมี 3 หมอ ก็ตะเวนเอายาทุกหมอ แล้วกินต่อเนื่อง 365 วัน 1 ปี ไม่มีวันหยุดเลย

ซึ่งเมื่อถามว่า ไม่มีเอ๋อหรือหงุดหงิดเลยเหรอ ด้านแหม่มเองได้เผยว่า ถ้ามีอาการจะเปลี่ยนยา และไม่ฝืนกิน และกลัวหยุดแล้วจะอ้วน ถ้ากินของหมอคนนี้ วันแรกแล้วมีอาการ กลับไปเลยว่าเราสั่น หัวใจเราสั่นมาก มือเราสั่น หมอจะปรับยาลง ด้านพิธีกรเองได้ถามถึงว่าแล้วไม่โยโย่เหรอ ซึ่งแหม่มเองได้ตอบกลับไปว่า นี่ไง นี่คือผลพวงทั้งหมดที่ 10 กว่าปีที่เราทานยาหนักบ้าง เบาบ้าง พอเริ่ม 40-45 ทุกอย่างมันจะมาหมด แล้วจะเอาลงกลับไปยาก ต้องทำความเข้าใจกับสภาพที่มันเกิดขึ้นก่อน

ด้านพิธีกรยังได้ถามอีกว่า ที่ตอนนั้นตัดสินใจใช้ยา เพราะเป็นความกดดัน? เธอได้ตอบว่า นางเอกต้องสวย ต้องหุ่นดี คือสวยเราได้ แต่หุ่นเราไม่ได้ ด้วยบอดี้เราถ้าเราดูแลบีบไว้มันก็โอเค แต่เป็นคนที่ปล่อยปะละเลยตัวเองในส่วนนี้ มีความมั่นใจในตัวเองสูงไป ก็ทำไมละ สวยอยู่ อ้วนก็ไม่เป็นไร จ้างสิ คิดแบบของเด็กในตอนนั้น ซึ่งมันไม่ใช่ มันใช้กับวงการมายาตรงนี้ไม่ได้

อีกทั้งยังเคยถูกทัก ถึงขั้นไปร้องไห้ในรถ ซึ่งเธอได้เผยว่า เขาแซว เวลาอยู่ในกอง กินอีกแล้วหรอ เดี๋ยวก็อ้วน ซึ่งวันนี้ทั้งวันยังไม่ได้กินอะไรเลย ก็เข้าไปนั่งร้องไห้ในรถ และจากเหตุการณ์นั้น ทำให้มีอาการคล้ายๆ เป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งแหม่มได้เผยอีกว่า ใช่ เราจะปิดตัวเองไปเลย ถ้าเห็นว่ามันไม่ไหวก็ไม่รับ ไม่อยากไปปะทะ ไม่อยากให้ใครทัก เวลาเราไปกองเราทำงานเต็มที่ เพราะว่าบทด้วยอะไรด้วย ความเครียดมันสะสม แล้วเก็บไม่ออกไปไหน มันก็กลายเป็นว่ามีกรอบให้ตัวเองหนาเลย

และยอมไปหาหมอได้ประมาณ 2 ปี แต่มันสะสมมาเป็น 10 ปีแล้ว เป็นปมด้อยในเรื่องความอ้วน คือที่เพิ่งยอมไปหาหมอเมื่อ 2 ปี เพราะว่า คนสมัยก่อนถ้าเราจะเข้าศรีธัญญาหรือไปหาจิตแพทย์เขาก็มองว่าเราบ้า จริงๆ แล้วมันไม่ใช่นะ เธอเองเพิ่งเปลี่ยนความคิดว่าวันที่ยอมเดินเข้าไปศรีธัญญาเนี่ย กลายเป็นว่าที่เราป่วยอยู่นิดเดียว คนที่เขาเยอะกว่าเราเยอะมาก เราไปนั่งในนั้นเราดีมาก ซึ่งหมอให้ยามาปรับ มันกลายเป็นว่าความคิดเราเสถียรขึ้น ไม่ดิ่งลบ ไม่บวกจนสุดโต่ง

อีกทั้งยังเผยถึงสุขภาพที่ช่วงหนึ่งค่อนข้างแย่ เพราะมีทั้งรูมาตอยด์ แล้วมาเจอความดัน มาเจอไขมัน คือโรคเสี่ยงพอถึงเวลามันมาเป็นแพคเกจให้เราเลย ก็ต้องเริ่มกลับมาดูแลตัวเองก่อน แต่อาจจะไม่ได้ผอมลง แต่เอาตัวเองให้แข็งแรงก่อน แล้วก็ตัดยาลดความอ้วนทุกอย่าง ณ เวลานี้หลายปีแล้วที่ไม่แตะเลย