เมื่อเรามองคนข้างเคียงชีวิตเรามีค่า หยุดที่เขา - หยุดที่เธอ ความอบอุ่นในครอบครัวก็จะเกิดขึ้น
พอการรู้จักพอคือสิ่งเตือนใจ เป็นการกำกับอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ได้ แต่ผมแปลกใจรักร้างของ ฟลุค-เกริกพล กับ โบ-ชญาดา และ วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ กับ นก-อุษณีย์ ทั้งสองคู่คือคนที่โคจรมาพบกัน เพราะเป็นระนาบความคิดใกล้เคียงกัน รสนิยมเหมือนกัน ถึงไม่ได้ตั้งโจทย์ความรักไว้ ก็ไม่น่าจะจบลงรวดเร็วขนาดนั้น โดยเฉพาะคู่ วีรภาพ กับ นก-อุษณีย์
พูดถึง วีรภาพ ต้องพูดต่ออีกนิดเรื่องการแสดง เขาคือพระเอกเก้งก้าง - เล่นละครตีสีหน้าได้อารมณ์เดียว...ลองย้อนดูละคร 2 เรื่องล่าสุด คือ นางทาส และ ดาวเปื้อนดิน ใครมีแผ่นซีดีอัดเก็บไว้ ลองเปิดดู...จะเห็นว่า วีรภาพ แสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้อารมณ์เดียวจริงๆ
แต่ วีรภาพ โชคดีตรงที่มีโอกาสได้แสดงละครหลากแนว ได้ละครเยอะ ทำให้ชินกล้อง ชินทีมงาน ชินทุกๆ คนในกอง ทำให้ดูรีแล็กซ์ขึ้น
ถ้าเทียบกับละคร 10 กว่าเรื่องที่ผ่านมาของเขา ถือว่ามีพัฒนาการมากขึ้นตามลำดับขอย้ำนะครับว่า ไม่ได้ตำหนิว่าเล่นไม่ดี วีรภาพเล่นดีสมกับที่ 7 สีตั้งใจปั้น แต่การแสดงอารมณ์ในหลากบทบาทยังไม่ชัดเจน ผมว่าต้องให้เวลาเขาสักนิดป๋อ-ณัฐวุฒิ, เคน-ธีรเดช, พงษ์พัฒน์ ที่ว่าแน่ๆ อาจแพ้วีรภาพก็ได้ ณ วันนี้ บทที่เขาได้มันวนเวียนอยู่กับอารมณ์ไม่หลากหลาย
นก-อุษณีย์ สิครับ...ถ้าย้อนละครของเธอ ซึ่งเล่นมาไม่มากนัก แต่ก็เข้าถึงบทบาท ไม่แพ้นางเอกดังๆ แถวหน้าของประเทศยังไงก็เสียดายที่ทั้งคู่สานต่อชีวิตรักกันไม่ยืด...หรือยืนยาวกว่านี้ ก็ต้องมีความช้ำใจตอกเป็นแผลลึกอยู่ดี เพราะโจทย์ความรัก ทั้งสองคนไม่ได้ตั้งไว้ น้ำตาจึงเป็นเพื่อนปลอบใจเวลาคิดถึงวันเวลาที่คบกัน
เบื่อกับ รักจาง อาจแตกต่างกันทางความรู้สึก จริงๆ แล้วคือเรื่องเดียวกัน...ประสบการณ์รักเช่นนี้เกิดขึ้นได้กับทุกชีวิต เพียงแต่ใครจะเก็บเอาความดีของอีกฝ่ายมาถนอมไว้ เพื่อให้เกิดเป็นรักนิรันดร์หรือไม่เท่านั้นเอง♦
https://www.facebook.com/teeneedotcom